สุดตื่นตาล่องเรือดู 'วาฬบรูด้า' อ่าวตัว ก

แม่ท่องสมุทรกับลูกกำลังงับเหล่าปลากะตัก

ใครที่หลงรักและชื่นชอบการดูวาฬ  ยักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเลอ่าวไทย บอกเลยว่าห้ามพลาด เพราะนี่คือไฮซีซั่นของการดู “วาฬบรูด้า” ณ “อ่าวตัว ก” ถึงแม้ช่วงนี้ฝนฟ้าอากาศจะดูไม่ค่อยเป็นใจให้เดินทางออกไปท่องเที่ยวนัก แต่ถ้าลองตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวดูวาฬที่อ่าวตัว ก สักครั้งอาจจะติดใจจนต้องปักหมุดเป็นทริปประจำปีเลยก็ได้นะ

สำหรับวาฬบรูด้า หรือ วาฬแกลบ เป็นสัตว์ประจำถิ่นที่มีการแพร่กระจายอยู่ในแถบทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน แต่จะพบมากในบริเวณอ่าวตัว ก ซึ่งมีพื้นที่ติดกับจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ที่มีการไหลมารวมกันของแม่น้ำ 5 สาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำเพชรบุรี  แม่น้ำเหล่านี้เปรียบเสมือนทางระบายน้ำจืดจากบนบกทำให้เกิดการสะสมตะกอนธาตุอาหารต่างๆ ไหลลงสู่ทะเลในช่วงฤูฝน กลายเป็นแหล่งอาหารสำหรับปลาเล็กปลาน้อย อย่าง ปลากะตัก ปลาทู  ซึ่งปลาเล็กๆนี่แหละคืออาหารอันโอชะของวาฬบรูด้า และยังบอกพิกัดที่จะทำให้เราได้เห็นวาฬแบบเต็มตาด้วย

 ศรีสุข โผล่อวดโฉม

เช้าตรู่ของวันออกเดินทาง ที่ต้องมีสัมภาระให้พร้อม ไปยังจุดนัดหมายล่องเรือดูวาฬบรูด้าที่ ร้านเจ๋ง ครัวชายทะเล ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯเพียง 1-2 ชั่วโมงก็ถึงเวลานัดลงเรือตอนเช้าประมาณ 6 โมงกว่าๆ ซึ่งร้านนี้นอกจากจะขายอาหาร ก็ยังมีโปรแกรมล่องเรือดูวาฬเสิร์ฟให้ลูกค้าที่สนใจด้วย

กินปลาในท่าตะแคงข้าง

เมื่อพร้อมแล้วคณะก็ทยอยขึ้นเรือ ซึ่งเป็นเรือลำใหญ่ 2 ชั้น แบ่งเป็นชั้นบน ฝั่งทางหน้าเรือเป็นพื้นโล่งสามารถนืนได้หลายคน ส่วนด้านหลังคนขับเรือ มีเก้าอี้พร้อมมุงหลังคาผ้าใบ สำหรับคนที่อยากหลบร้อนพร้อมกับนอนรับลม ส่วนชั้นล่างเป็นห้องแอร์กว้างมีที่นั่งสบายๆ ฝั่งหัวเรือก็มีทั้งมุมที่นั่งและที่ยืน ห้องน้ำรับรอง 2 ห้องแอร์ เรือหนึ่งลำ รองรับผู้โดยสารได้ถึง 35 คน แต่ไม่ว่าจะด้านบนหรือด้านล่างก็สามารถชมวาฬได้ 360 องศาเลย พร้อมอาหาร 2 มื้อ เช้า-กลางวัน เพราะเราต้องใช้เวลาอยู่บนเรือกันไปยาวๆหลายชั่วโมง

สะบัดหางเล่นน้ำในอ่าวตัว ก

ในระหว่างที่เรือแล่นออกจากฝั่ง ในหัวก็พลันคิดไปต่างๆนาๆว่าจะได้เจอจริงไหม จะเสียเที่ยวรึป่าว หรือจะได้แบบไกลสุดขอบทะเล เพราะคืนก่อนออกเดินทางฝนตกกระหน่ำจนกรุงเทพฯเกิดน้ำท่วมรอการระบายหลายจุด แต่พอวันเดินทางใจชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะ พี่เอ-รุ่งโรจน์ จุกมงคล วิทยากรนำชมดูวาฬ บอกว่าฝนที่ตกหนักทำให้วันที่ล่องเรือฟ้าเปิด คลื่นสงบ เหล่าฝูงปลากะตัก และเหล่าปลาเล็กปลาน้อยออกมากินอาหาร มีโอกาสที่จะได้พบวาฬบรูด้ามาแบบมาเดี่ยวๆ หรือวาฬแม่ลูก อย่าง  แม่พาฝัน แม่สดใส แม่สาคร ที่จะมาหากินกับลูก และโลมาอิรวดี แต่อาจจะใช้เวลารอประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากไปถึงจุดดูวาฬ หรืออาจจะไวหรือช้ากว่านั้นขึ้นอยู่กับตัววาฬด้วย

ฟองอากาศเกิดจากวาฬว่ายยู่ใต้ทะเล

ในทริปนี้ พี่เต-สมิทธิ์ สุติบุตร์ แอดมินกลุ่ม Thai Bryde’s Whale ที่ได้ร่วมกับทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดทำหนังสือวาฬบรูด้าและอ่าวตัว ก ได้มาให้ความรู้ว่า จุดที่เราจะล่องเรือออกไปได้เห็นวาฬบรูด้านั้นอยู่ระหว่างตรงกลางของอ่าวตัว ก โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตกที่มีแหล่งอาหารสมบูรณ์ แต่หากพบวาฬในบริเวณทางชายฝั่งจ.ชลบุรี หรือทางฝั่งแม่น้ำท่าจีน ก็สามารถหันหัวเรือล่องไปได้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้การพบเห็นวาฬขึ้นอยู่กับปัจจัยของแหล่งอาหาร สังเกตได้จากฝูงนกนางนวล ที่จะบินวนอยู่รอบรอโฉบมากินปลาที่วาฬบรูด้าต้อนมา โดยปกติแล้ววาฬจะหากินตัวเดียว ยกเว้นวาฬแม่ลูกที่จะมาเป็นคู่ หรือหากพบว่ามาหลายตัว นั้นแปลว่ามีจุดหมายกลุ่มปลาเดียวกัน  ซึ่งวาฬบรูด้าในอ่าวตัว ก ที่มีการระบุชื่อและจำแนกได้ราวๆ 60-80 ตัว

พ่นน้ำ

หลังจากใกล้จบการบรรยายพี่เอ ผู้ดูลาดเลาก็ตะโกนบอกเหล่าสมาชิกในเรือว่าพบฝูงโลมาอิรวดี มากระโดดเล่นน้ำจ๋อมแจ๋มเปิดตัวไวกว่าเวลาที่คิดไว้ ไม่รอช้าทุกคนออกไปรวมกันที่หน้ายกมือถือถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ส่งเสียงโฮร้องดีใจ เป็นสัญญาณที่ดีว่าการล่องเรือครั้งนี้ไม่บ้งแน่นอน

ดำผุดดำว่ายใต้น้ำ

 จบการแสดงของโลมา เราพักทานข้าวเช้าเสร็จ เวลาประมาณ 8 โมง ก็เริ่มสังเกตเห็นฝูงนกนางนวลบินวนเหนือผิวน้ำ และแล้วเราก็ได้เห็นครีบของวาฬบรูด้าที่โผล่พ้นขอบน้ำ ทุกคนยิ่งกว่าตื่นเต้นต่างตบมือ ชี้นิ้วบอกทิศทางกันใหญ่ เสียงลั่นชัตเตอร์รัวๆ เพื่อจับภาพเจ้าวาฬบรูด้าไว้ให้ทัน ส่วนเราก็รีบถ่ายวิดีโอบันทึกเก็บไว้พร้อมกับเสียงกรี๊ดร้องของความดีใจก็พ่นออกมาหยุด เพราะนับว่าโชคดีมากที่คณะเราล่องเรือมาเจอวาฬเร็วกว่าที่คิด

ท่องน้ำหาอาหารไปเรื่อย

 พอวาฬบรูด้าตัวแรกโชว์ ตัวอื่นๆก็เริ่มทยอยแหวกว่ายให้ได้ดูเรื่อยๆ แต่เราอาจจะไม่ได้เห็นวาฬแบบเต็มตัวนะ จะเห็นแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น บางตัวก็พ่นแต่น้ำให้เห็น บางตัวก็สะบัดครีบ ดำผุดดำว่ายใกล้เรือใกล้ชิดติดของเรือสุดๆ  แต่ที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดก็เป็นจังหวะที่วาฬบรูด้าล่อเหล่าฝูงปลา จากนั้นพอได้จังหวะก็อ้าปากตะแคงข้างกินปลาทำให้ได้เห็นร่องใต้คางสีชมพูอย่างชัดเจนพร้อมพ่นน้ำผ่านซีกกรองเล็กๆ เพราะไม่มีฟัน ความน่ารักของวาฬบรูด้ายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะไฮไลท์คือ ศรีสุข  วาฬบรูด้าที่ได้ฉายา ขวัญใจช่างภาพ สังเกตว่าเป็นศรีสุข  เพราะจะไม่มีคลีบหลัง มีนิสัยขี้เล่นมากๆ กระโดดอวดโฉมให้ช่างภาพได้ถ่ายรูปไปหลายรอบ สร้างความประทับใจอย่างมาก

ร่องใต้คางสีชมพู

ออกมาล่องเรือคราวนี้เราได้ชมวาฬบรูด้าจนหน่ำใจกว่า 20 ตัว ถึงเวลาต้องโบกมือลาท้องทะเลและเหล่าฝูงวาฬ ฝูงโลมาทั้งหลาย จบทริปดูวาฬบรูด้าต้องบอกดีเกินคาด เพราะที่ผ่านมาประสบการณ์ดูวาฬส่วนตัวเรา แค่ได้เห็นครีบไกลลิบๆก็ดีใจมากแล้ว แต่นี่แหละคือเสน่ห์ของการล่องเรือดูวาฬต้องมีสมหวังและผิดหวังบ้างเป็นสีสัน ขอบคุณภาพจากร้านเจ๋ง ครัวชายทะเล, ท่องเที่ยวสะดุดตา, winged ติดปีก สนใจติดต่อดูวาฬร้านเจ๋ง ครัวชายทะเล 09-8795-4563

บรรยากาศล่องเรือดูวาฬ
นักท่องเที่ยวกำลังถ่ายภาพวาฬจากบนเรือ
ฝูลโลมอิรวดี โขว์ผาดโผน
บรรยากาศในเรือที่พาไปดูวาฬาสะดวกสบายมาก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เร่งสอบสารเคมีรั่ว โรงงานสมุทรสาคร 13 คนงานยังนอนรพ. อีก 8 คนปลอดภัยแล้ว

จากกรณีพบพนักงานบริษัทประกอบธุรกิจผลิตเหล็ก ที่ตำบลชัยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 21 คน เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แสบตา แสบคอ ขณะทำงานอยู่ภายในโรงงาน

สารเคมีรั่วไหล โรงงานที่สมุทรสาคร หาม 21 คนงานส่งรพ. แน่นหน้าอก หมดสติ

เกิดเหตุพนักงานของบริษัทผลิตเหล็กแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 1 ต.ชัยมงคล อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร จำนวนประมาณ 21 คน มีอาการแน่นหน้าอก อาเจียน ปวดหัวและเป็นลม หมดสติ คาดว่าเกิดจากสารเคมีรั่วไหล

พระเพลิงโหมกระหน่ำ 'โรงงานขยะรีไซเคิล' 7 ชม. ชาวบ้านหนีตายอลหม่าน

งมีเหตุเพลิงไหม้รุนแรงเกิดขึ้นที่บริษัท ซีโนไทย มารีน โปรดักส์ จำกัด เลขที่ 277/4 หมู่ที่ 4 ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอเมือง ประกอบกิจการรับซื้อและผลิตพลาสติก

ตม.สมุทรสาคร รวบ 7 ชาวลาว แย่งอาชีพคนไทย

พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม .จว.สมุทรสาคร ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,