ท่องแดนสนธยาของ’ช่วง’ จิตรกรผู้เห็นมดยิ้มสวย

ช่วง มูลพินิจ ศิลปินผู้ได้รับฉายาว่า “จิตรกรผู้มองเห็นมดยิ้มสวย” จากศิลปินแห่งชาติ และนักเขียนผู้มีชื่อเสียงของไทย ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ กลับมาจัดแสดงผลงานศิลปกรรมอย่างยิ่งใหญ่ในรอบ 4 ปี ภายใต้ชื่อนิทรรศการ “แดนสนธยา 3 ” เนื่องในวาระ 8 ทศวรรษ ช่วง มูลพินิจ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ 2556 ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องสตูดิโอ ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน พื้นที่อาร์ทใจกลางเมือง

แน่นอนว่า เมื่อกลับมาแสดงผลงานอีกครั้ง ช่วง มูลพินิจ ก็รวบรวมผลงานศิลปกรรมทั้งจิตรกรรม ภาพลายเส้น ประติมากรรม งานออกแบบต่างๆ มาจัดแสดงเต็มพื้นที่ และมีความน่าสนใจอย่างมากทั้งแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน  เทคนิคการวาดภาพที่ไม่เหมือนใคร รวมไปถึงผลงานที่สร้างชื่อเสียง โดยนิทรรศการครั้งสำคัญนี้เผยให้เห็นพลังในการทำงานและความรักศิลปะของศิลปินแห่งชาติผู้นี้

สำหรับอาจารย์ช่วง มูลพินิจ เป็นศิลปินชั้นครู ผลงานที่สร้างชื่อให้กับเชามาจากการเขียนภาพปกและภาพประดับในหนังสือและนิตยสารชั้นนำของไทยในยุคสมัยหนึ่ง อาทิ ช่อฟ้า, ชาวกรุง, เฟื่องนคร และสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ จนเริ่มเป็นที่รู้จักด้วยผลงานเขียนลายเส้นแบบฟรีแฮนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงได้เขียนลายเส้นที่หน้าปกหนังสือ เสเพลบอยชาวไร่ ของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ และหน้าปกหนังสือ กามนิต วาสิฏฐีด้วย จากนั้นได้ลาออกจากกระทรวงอุตสาหกรรมหลังจากทำอยู่ 9 ปี เพื่อเริ่มงานใหม่ ที่บริษัทโฆษณาอีก 3 ปี และหลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นศิลปินอิสระแบบเต็มตัว ใช้ชีวิตโลดแล่นบนเส้นทางสายศิลปะอย่างเต็มที่

งานของช่วง มูลพินิจ ในระยะแรกเริ่มจากภาพลายเส้นที่ประยุกต์ความอ่อนช้อยของลายไทย เข้ากับรูปทรงแบบเหมือนจริงได้อย่างกลมกลืน ต่อมาได้พัฒนามาใช้เทคนิคสีน้ำและสีน้ำมัน แต่ยังคงเอกลักษณ์เรื่องลายเส้นผสมผสานเข้ากับศิลปะสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

ศิลปินได้สร้างสรรค์ผลงานอย่างมากมายทั้งงานออกแบบ จิตรกรรม ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม ส่วนใหญ่แสดงถึงเรื่องราวของดอกไม้ แมลง สัตว์ มนุษย์ ทั้งในแง่อีโรติก ไปจนถึงนัยการมองเห็นในวัฏสงสารของชีวิต เป็นการผนึกเรื่องราวทางอุดมคติกับธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม 

สำหรับผลงานที่รู้จักกันดีอีกอย่างหนึ่งคือ การออกแบบตัวหนังสือชื่อเรื่องและโปสเตอร์ภาพยนตร์ไทยในแนววรรณคดีหรือนิทานพื้นบ้านของไทย เช่น แผลเก่า, เลือดสุพรรณ, เพื่อน-แพง, ไกรทอง, กากี ซึ่งภาพโปสเตอร์เรื่อง เพื่อน-แพง ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในโปสเตอร์ที่งามที่สุดในโลกในการส่งเข้าประกวด ที่สถาบันโรงภาพยนตร์แห่งชาติ กรุงลอนดอน เมื่อปี พ.ศ. 2526 อีกด้วย สร้างชื่อให้ประเทศไทย และเผยแพร่ผลงานของศิลปินไทยให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล

ภายหลังที่อาจารย์ช่วงเป็นศิลปินอิสระมาระยะหนึ่ง นอกจากสร้างงานส่วนตัว ศิลปินผู้นี้ได้เริ่มก่อตั้งหอศิลป์ ช่วง มูลพินิจ จัดแสดงผลงานที่เก็บสะสมตั้งแต่ยุคแรกจนถึงปัจจุบัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบผลงาน เช่น  ภาพลายเส้น, สีน้ำ, สีน้ำมัน, ภาพพิมพ์, งานประติมากรรม, งานออกแบบต่างๆ ที่สำคัญ เปิดหอศิลป์เป็นแหล่งเรียนรู้ศิลปะ และเปิดโอกาสแก่ นักศึกษา และผู้สนใจงานศิลปะได้เข้าชมผลงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ด้วยชีวิตและผลงานที่พัฒนาวงการศิลปกรรมไทย จึงได้รับการประกาศยกย่องเชิดชุเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี 2556  ปัจจุบันในวัย 82 ปี ศิลปินยังทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่มีวันหยุด

สำหรับเหล่าคนรักงานศิลป์เข้าสู่นิทรรศการ”แดนสนธยา 3 ” ของอาจารย์ช่วง จิตรกรผู้มองเห็นมดยิ้มสวยได้ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม- 26 กุมภาพันธุ์ 2566 ที่หอศิลป์ BACC

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เยือนบ้านนักคิด นักเขียนรุ่นใหญ่ ‘พิบูลย์ศักดิ์ ละครพล’

เยือนบ้านศิลปินแห่งชาติจะพาไปบ้านกลางหุบเขาลุ่มน้ำแม่ใจ ซึ่งถือเป็นต้นน้ำอิงและกว๊านพะเยา จ.พะเยา ที่น่าสนใจ มีนักเขียนรุ่นใหญ่ พิบูลย์ศักดิ์ ละครพล ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ.2560 สาขาวรรณศิลป์ ใช้นามแฝง “มาชา มาชารี” เป็นเจ้าของบ้าน ทั้งอยู่อาศัยเป็นหลักและสร้างสรรค์ผลงานทั้งวรรณกรรม จิตรกรรม  

เปิดใจ 'ฉลอง ภักดีวิจิตร' ผู้กำกับละครอายุมากที่สุดในโลก

ช่อง7HD ขอแสดงความยินดีกับ คุณฉลอง ภักดีวิจิตร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ล่าสุดได้รับการบันทึกลง GUINNESS WORLD RECORDS ว่าเป็นผู้กำกับ ผู้สร้างละครฝ่ายชายคนเดียวและคนแรกของโลก ที่อายุมากที่สุด นับจากวันที่จดสถิติ ด้วยอายุ 90 ปี 297 วัน โดยเป็นผู้กำกับสร้างงานละครกับทางช่อง 7HD มาแล้ว 25 ปี และได้รับความสำเร็จตลอดมาจนถึงปัจจุบันและยังคงสร้างต่อไป (ทั้งนี้ได้สร้างสรรค์ผลงานในวงการมานาน 75 ปี)

‘ฟ้อนเมืองปูจาพญามังราย’ Soft Power รูปแบบใหม่

อ่อนช้อยงดงามเป็นเอกลักษณ์สำหรับการจัดแสดง “ฟ้อนเมืองเชียงราย” บวงสรวงพญามังรายมหาราช ในโอกาสครบรอบสถาปนาเมืองเชียงรายครบ 761 ปี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักภักดีเทิดพระเกียรติพญามังราย ผู้ทรงสถาปนาเมืองเชียงราย