ดีไซเนอร์ชื่อดังต่อยอด'บาติก'สู่แฟชั่นทันสมัยและยั่งยืน

ผ้าบาติกนับเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ เป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ เป็นมรดกวัฒนธรรมที่สืบทอดมาจนทุกวันนี้ เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์งานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) นำศิลปินนักออกแบบเครื่องแต่งกายมากความสามารถจับคู่กับชุมชนผู้ผลิตผ้าบาติกส่งเสริมความสามารถในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าบาติกผ่านการออกแบบที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถทําการตลาด สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้

นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานพัฒนาเครื่องแต่งกายผ้าไทยร่วมสมัยของนักออกแบบในพื้นที่ภาคใต้ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ว่า จากการดำเนินโครงการพัฒนาการออกแบบเครื่องแต่งกายผ้าไทยร่วมสมัย ประจำปี 2566 ของนายทรงวุฒิ ทองทั่ว ดีไซเนอร์ ที่ร้านศรียะลาบาติก  จ.ยะลา ,บ้านบาติกบาโง (กลุ่มอนุรักษ์และพัฒนาหัตถกรรมบาติกภาคใต้) และบาติก เดอนารา จ.นราธิวาส เพื่อให้ผู้ประกอบการและกลุ่มผลิตภัณฑ์สิ่งทอในชุมชนได้พัฒนาต่อยอดลวดลายผ้าบาติกที่เป็นวิถีและอัตลักษณ์ท้องถิ่น ให้มีความร่วมสมัย เกิดลวดลายใหม่ๆ ที่หลากหลาย เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ทั้งยังใช้การเชื่อมโยงอัตลักษณ์เดิมจากท้องถิ่นให้มีเรื่องราวมาสร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่สู่อุตสาหกรรมผ้าในระดับต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการจำหน่ายให้แก่กลุ่มลูกค้าเดิมๆ ปีนี้เน้นให้นักออกแบบร่วมสร้างสรรค์งานที่ตอบโจทย์แนวคิด BCG ลดโลกร้อน ด้วยการนำวัสดุเหลือใช้ในพื้นที่มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ยั่งยืน รวมถึงใช้วัสดุที่ก่อให้เกิด Carbon Footprint น้อยที่สุด

ด้าน นายทรงวุฒิ ทองทั่ว นักออกแบบชื่อดังเผยแรงบันดาลใจในการออกแบบลวดลายผ้าบาติกว่า มาจากปัญหาภาวะโลกร้อน ความร้อนที่สะสมทำให้ภูเขาไฟระเบิดในหลายประเทศและส่งผลให้ธารน้ำแข็งในมหาสมุทรแอนตาร์กติก้าละลายอย่างรวดเร็ว ส่วนประเทศไทยปีนี้เผชิญอากาศร้อนจัดมาก อยากให้ทุกคนตระหนักการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศผ่านแฟชั่นผ้าไทยร่วมสมัยที่ตนทำงานร่วมพัฒนาออกแบบลายผ้ากับกลุ่มผู้ประกอบการผ้าบาติก 3 จังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วยร้านศรียะลาบาติก ต.สะเตง อ.เมือง จ. ยะลา ได้แก่ ลายลาวา กับลายไฟป่า

ส่วนชุมชนบ้านบาโง ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส ได้แก่ ลายคลื่นลมหมุนเปลี่ยนทิศ หรือปรากฏการณ์โพลาร์ วอร์เทกซ์ ผลจากภาวะโลกร้อน  และลายแหอวนทะเล ที่กลายเป็นปัญหาไมโครพลาสติก ขณะที่ร้านบาติก เดอนารา ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส ได้แก่ ลายฝุ่นPM2.5  ที่เกิดจากไฟป่า และลายภูเขาน้ำแข็งแตก โดยลวดลายทั้งหมดจะนำมาพิมพ์หรือเขียนลงบนผ้ายีนส์ ซึ่งนำเอาผ้ายีนส์มือสองที่ใช้แล้วมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งตนทำแบรนด์แฟชั่นยั่งยืน ชื่อว่าแบรนด์ Renim Project มีแนวคิดที่ต้องการสร้างความยั่งยืนให้กับวงการแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์

“ จากการทำงานร่วมกัน ผู้ประกอบการและกลุ่มชุมชนเกิดความท้าทาย นำไปสู่การทดลองและเกิดผลงานออกแบบแปลก ใหม่ ดูสนุก มีพลัง ทันสมัย เพิ่มมูลค่าด้วยการผสมผสานความเป็นท้องถิ่น และเทคนิคงานฝีมือพิเศษด้วยช่างฝีมือ และเป็นผลงานที่คํานึงถึงสิ่งแวดล้อม อย่างร้านศรียะลาบาติก  ร้านบาติก เดอนารา ใช้สีธรรมชาติ กลุ่มบาติกบ้านบาโงเด่นสกรีนเทียนเย็นจากเทคนิคดั้งเดิม เน้นการใช้งานฝีมือ เพิ่มคุณค่า กลายเป็นชิ้นงานร่วมสมัย สดใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ สร้างรายได้ให้ท้องถิ่น” ดีไซเนอร์แบรนด์ Renim Project

ด้าน นายปิยะ สุวรรณพฤกษ์ ผู้ประกอบการร้านศรียะลาบาติก กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ตนเองได้ปรับรูปแบบการทำงานจากสร้างสรรค์งานเฉพาะตัว ไปสู่การทำงานร่วมกับชุมชนมากขึ้น ส่งเสริมให้ชาวบ้านได้เห็นมุมมองการทำบาติกแบบให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เฉลี่ยต่อคนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 6,000 -10,000 บาท การได้รับโจทย์ในการทำงานกับผ้ายีนส์จากดีไซเนอร์ครั้งนี้ นับเป็นการเปิดใจในการสร้างสรรค์งานใหม่อีกครั้ง เพื่อให้สินค้ามีความแตกต่าง เพิ่มมุมมองและแนวคิดของการทำงาน อีกทั้งยังชื่นชอบแนวคิดของการออกแบบคิดว่าน่าจะ เพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ในทางการตลาดอีกด้วย

ขณะที่ น.ส.โรสวาณี สุหลง รองประธานกลุ่มบ้าติกบ้านบาโง กล่าวว่า  ลวดลายที่ดีไซเนอร์ออกแบบมาค่อนข้างซับซ้อน แต่สวยแปลกใหม่ คิดว่าทำได้ และท้าทาย เพราะมีเนื้อผ้ายีนส์หนา ก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มเคยลองเขียนลายบนผ้ายีนส์แล้ว แต่ผลงานยังไม่สมบูรณ์ ผ้าหนา ลวดลายติดแต่ไม่คงทน การทำงานครั้งนี้ใช้เทคนิคสกรีนเทียนเย็นกับสูตรย้อมสีที่สืบทอดจากบรรพบุรุษและพัฒนาต่อยอดจนปัจจุบัน ถือเป็นเทคนิคเฉพาะแตกต่างจากชุมชนบาติกอื่นๆ รวมถึงจะทดลองสร้างงานด้วยการปรับอุณหภูมิเพื่อให้ลายผ้าบาติกติดคงทนและสวยงาม

“ ธุรกิจผ้าบาติกเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีมานี้ เพราะมีการพัฒนาลวดลายผ้าที่แปลกตา เอกลักษณ์ของกลุ่มบ้านบาโงจะเป็นงานเขียนซ้อน ทำให้ลวดลายมีมิติที่แตกต่างกับผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่น ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชน ตอนนี้มีสมาชิกในกลุ่มทั้งหมด 8 คน รายได้เฉลี่ยคนละ 9,000 บาทต่อเดือน ขณะนี้ผ้าบาติกได้รับความนิยมมาก มีลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จากเดิมจะเป็นคนมีอายุ ตอนนี้มีลูกค้าเป็นกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น เพราะมีการพัฒนาลวดลายผ้าและสินค้าที่หลากหลาย ส่วนช่องทางการตลาดจะใช้ผ่านช่องทางออนไลน์ เพจบาโงบาติก เพจเวปาบาติก ส่วนออฟไลน์จะเป็นการจัดแสดงงานในสถานที่ต่างๆ ความร่วมมือกับดีไซเนอร์ในโครงการนี้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการมาก มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักออกแบบ เพื่อให้ได้ผลงานที่มีความสมบูรณ์มากที่สุด”นางสาวโรสวาณี  กล่าวอย่างมุ่งมั่นที่จะร่วมรังสรรค์ผ้าบาติกร่วมสมัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไฮไลต์ 3 วัน เทศกาลหุ่นเพชรบุรีเมืองหนัง 2024

เทศกาลหุ่นเพชรบุรีเมืองหนัง Phetchaburi Harmony Puppet Festival 2024 กลับมาอีกครั้ง ภายใต้การออกแบบเฟสติวัลที่เชื่อมโยง คำว่า “หนัง” ที่สื่อถึงตัวหนังที่แกะขึ้นเป็นภาพ ภาพบนตัวหนังที่เคลื่อนไหวใช้ชักเชิด ต่อมาวิวัฒนาการเป็นภาพยนตร์  มีการชมหนัง  ปีนี้

5 งานอาร์ตจัดเต็มที่หอศิลป์ร่วมสมัยฯ

ใครอยากเพลิดเพลินใจกับงานศิลปะที่คัดมาแล้วว่าสุดเจ๋ง!  ต้องแวะไปที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนินอาร์ตสเปซที่ตอบโจทย์ทั้งสายอาร์ตและมือสมัครเล่นหัดดูงานศิลปะใจกลางเกาะรัตน์โกสินทร์ ซึ่งเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ ชวนมาเสพอาร์ตยาวๆ

'คำป่าหลายโมเดล' ตีแผ่ 'นโยบายฟอกเขียว' ขยายวงกว้างแย่งยึดที่ดินทำกินชาวบ้าน

ยกขบวนชี้หลุมพรางใหญ่ BCG นโยบายฟอกเขียว – คาร์บอนเครดิต นำไปสู่ปัญหาการแย่งยึดที่ดินในวงกว้าง ผลักประชาชนให้ตกสู่ภาวะความยากจนเรื้อรัง หนุนรัฐบาลให้อำนาจประชาชนในการจัดการทรัพยากร

กราฟิกอัตลักษณ์'น่าน' เพิ่มเสน่ห์เที่ยวเมืองรอง

จ.น่าน เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ระหว่างกลุ่มอิทธิพลของลุ่มน้ำโขงและกลุ่มอิทธิพลล้านนา นครแห่งนี้สะสมบ่มเพาะปัญญาจากหลากทิศทางจนสามารถสร้างรูปแบบอัตลักษณ์อันเป็นฐานรากสำคัญนครน่านขึ้นมาได้ อัตลักษณ์น่านเติบโตโดยได้รับอิทธิพลสกุลช่าง

เปิดโลกศิลปะที่บ้านสวนสมพงษ์ Art Space

เข้าสู่ช่วงเดือนที่สามของ“Thailand Biennale Chiangrai 2023” ซึ่งประสบผลสำเร็จมีผู้คนสนใจเดินทางไปชมมหกรรมศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติครั้งนี้อย่างคึกคัก ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญช่วยเปิดโลกศิลปะวัฒนธรรมของประเทศไทยให้ชาวโลกได้รับรู้

เดอะมอลล์ กรุ๊ป หนุน กทม. ลดฝุ่นพิษ เพิ่มสถานีชาร์จรถEV

2 ก.พ.2567 - วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่าเดอะมอลล์  กรุ๊ป ในฐานะองค์กรแห่งความยั่งยืนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ภายใต้แนวคิด ESG  ตอกย้ำการเป็นศูนย์การค้ารักษ์โลกขานรับนโยบายกรุงเทพมหานครในโครงการ“