ไทยต้องกางแผนรับมือ'สึนามิผู้สูงอายุ  '

ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมสูงวัยแบบสมบูรณ์ ดังนั้นสิ่งที่ต้องเร่งขับเคลื่อนคือการจัดการกับสถานการณ์สังคมสูงวัย ทั้งด้านสังคม สุขภาพ และที่อยู่อาศัย ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของสังคมสูงวัย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS จึงได้จัดเวทีเสวนา “การมีสุขภาพที่ดีอย่างยืนยาว (A Road to Lifelong Well-Being)” เนื่องจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรโลกอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยอัตราการเกิดที่ลดลง สวนทางกับจำนวนประชากรที่มีอายุยืนยาวขึ้น ทำให้ขนาดของกลุ่มผู้สูงอายุมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการวางรากฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยการเสวนาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานการประชุมวิชาการประจำปี 2566 (BDMS ACADEMIC ANNUAL MEETING 2023) ภายใต้แนวคิด A Road to Lifelong Well-Being (เส้นทางสู่การมีสุขภาพดีอย่างยืนยาว) ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้- ถึง 3 พฤศจิกายน 2566

ดร.นพ.ภูษิต ประคองสาย

ดร.นพ.ภูษิต ประคองสาย เลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) กล่าวว่า จากข้อมูลโครงสร้างประชากรไทยปีพ.ศ.2448-2483 ในภาพรวมอัตราเด็กเกิดใหม่มีจำนวนที่สูงถึง 22% หรือประมาณ 14 ล้านคน  มากกว่าจำนวนผู้สูงอายุที่มีประมาณ 10% หรือ 6.76 ล้านคน แต่ในปี 2566 จะมีผู้สูงอายุมากถึง 20% หรือประมาณ 13.5 ล้านคน ในขณะที่อัตราเด็กเกิดใหม่ลดลงอยู่ที่ 16.22% หรือประมาณ 10 ล้านคน  เรียกได้ว่าเป็นสึนามิผู้สูงอายุ เพราะตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป จะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นปีละ 1 ล้านคนต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ฐานโครงสร้างประชากรไทยก็จะกลายเป็นสามเหลี่ยมหัวกลับ และคาดการณ์สัดส่วนผู้สูงอายุในปีพ.ศ.2576 ที่อายุ 60 ปีขึ้นไปจะจำนวน เกิน 28% และในปีพ.ศ. 2583 จะมีผู้สูงอายุเกินถึง 31%  

ดร.นพ.ภูษิต กล่าวต่อว่า นอกจากสถานการณ์จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ยังมีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพชีวิต โดยสัดส่วนของผู้สูงอายุที่ต้องอยู่คนเดียวเพิ่มมากขึ้นจากปีพ.ศ. 2537 ประมาณ 3.6% ในปีพ.ศ.2564 พุ่งสูงขึ้นถึง 12% หรือผู้สูงอายุที่ต้องอยู่กันเองในปีพ.ศ.2564 มีสัดส่วนอยู่ที่ 24% เพิ่มขึ้นจากปีพ.ศ.2545 ถึง 7%

สถานะการออมและรายได้ของผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ในเรื่องความมั่นคงทางด้านรายได้ของผู้สูงอายุ จากการศึกษาพบว่าในปีพ.ศ.2565 ผู้สูงอายุจะได้รับรายได้จากลูกหลานกว่า 58% ซึ่งมีสัดส่วนที่ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้สูงอายุประมาณ 33% พึ่งพารายรับจากลูกหลาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุประมาณ 19-20% และผู้สูงอายุในช่วงวัยต้น 60-69 ปี  50% ยังคงทำงานอยู่  อีกสิ่งที่มีความกังวลที่สุดคือ การออม เพราะจากการสำรวจพบว่าผู้สูงอายุ 45.7% ไม่มีเงินออม และยังมีภาระหนี้สิน ในขณะเดียวกันผู้สูงอายุ 54.3% เป็นกลุ่มที่มีเงินออมแต่น้อยกว่า 50,000 บาท ถึง 41.4%

แผนรองรับสถานการณ์สังคมสูงวัย ดร.นพ.ภูษิต แสดงความเห็นว่า ประเทศไทยไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ในการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ เพราะมีการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้รัฐก็มีข้อถกเถียงถึงจำนวนเบี้ยผู้สูงอายุว่าควรอยู่จำนวนเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอและเหมาะสม หรืออาจจะปรับในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย แต่ก็ต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบความยากจนที่ละเอียดด้วยเช่นกัน หรือการเกษียณอายุทำงานที่เอกชนหลายๆแห่งมีการกำหนดอายุที่ 65 ปี แต่ข้าราชการยังกำหนดอยู่ที่ 60 ปี อาจจะต้องมีการหาลือในการปรับเปลี่ยนอายุเกษียณของราชการ หากในวัย 60 ปี ยังมีศักยภาพที่จะทำงานต่อได้  

ข้อมูลจากธนาคารโลกแสดงให้เห็นถึงภาระด้านสุขภาพผู้สูงอายุไทย

แต่สิ่งสำคัญคือ จะทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุมีความมั่นคงทางรายได้ หรือมีแนวคิดในการวางแผนด้านการเงิน ดังนั้นจึงต้องปลูกฝังตั้งแต่วัยทำงานให้คิดถึงการออมเงิน  ในส่วนของระบบการดูแลผู้สูงอายุต้องแบ่งเป็นกลุ่มที่สุขภาพแข็งแรง และกลุ่มติดบ้านติดเตียง ขณะนี้ มีระบบการดูแลระยะยาว(Long–term care) ที่บางจังหวัดได้จัดทำขึ้นเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน โดยมีอาสาที่เป็นนักบริบาล นักกายภาพบำบัด  ซึ่งจำเป็นที่จะต้องพัฒนาระบบในให้ครอบคลุมเข้าถึงผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นได้รับการรักษาที่บ้าน ที่ต้องอาศัยความมีส่วนร่วมทั้งจากภาครัฐ ท้องถิ่นและชุมชน

การคาดการณ์ประชากรไทยจะลดลงเหลือ 60 ล้านคนในอีก 9 ปี ข้างหน้า

“อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถตั้งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเพื่อรองรับจำนวนผู้สูงอายุกว่า 10 ล้านคนได้ทั้งหมด อีกทั้งบ้านพักหรือสถานสงเคราะห์คนชราหลายๆ แห่งจึงเต็ม ทำให้สภาพแวดล้อมอาจจะไม่เอื้ออำนวยเพราะด้วยจำนวนผู้สูงอายุที่แออัด ดังนั้นครอบครัวหรือชุมชนจะต้องมีการพัฒนาศักยภาพเพื่อดูแลผู้สูงอายุ เพื่อให้บั้นปลายได้ใช้ชีวิตอยู่บ้าน เพราะนี่คือความปรารถนาของผู้สูงอายุหลายๆคน ซึ่งเป็นเป้าหมายในการดำเนินงานภายใต้แนวคิด ผู้สูงวัยอยู่ในถิ่นที่อยู่เดิม” ดร.นพ.ภูษิต กล่าว  

นำเสนอแผนพัฒนาผู้สูงอายุระยะยาว พ.ศ.2565-2580

ดร.นพ.ภูษิต กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ในแผนนโยบายสำหรับผู้สูงอายุ นอกจากแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ไทยยังได้เข้าร่วมการประชุมแผนปฏิบัติการระหว่างประเทศมาดริดว่า ด้วยผู้สูงอายุ (MIPAA) ที่มีแนวปฏิบัติการยกระดับ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ  ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาศักยภาพ ส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะ การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและ ปลอดภัย เป็นต้น  และทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยังได้ขับเคลื่อนแผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว (พ.ศ.2565-2580) โดยเน้นหลักของการเกิดดี อยู่ดี แก่ดี ซึ่งเป็นการสร้างสุขภาวะเพื่อลดการตายก่อนวัยอันควร และมีระบบการดูแลระยะยาวและช่วงท้ายของชีวิต

ด้านปัญหาโรคภัยในช่วงสูงวัย  ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ผู้สูงอายุไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มคนที่มีหนังเหี่ยวย่น แต่สิ่งที่มีลักษณะเฉพาะของผู้สูงอายุแตกต่างจากผู้ป่วยทั่วไป เรียกว่า R-A-M-P-S โดย R คือ reduced body reserve:พลังสำรองร่างกายลดลง, A คือ Atypical presentation: อาการแสดงที่ไม่แน่นอน, M คือ Multiple pathology:มีหลายโรคในเวลาเดียวกัน, P คือ Polypharmacy: ได้รับยาหลายชนิด และ  S คือ Social adversity: ปัญหาด้านสังคม ในส่วนของความชุกของโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุโดยการวินิจฉัยของแพทย์ ในปีพ.ศ.2551-2552 เป็นกลุ่มโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง อัมพฤกษ์ /อัมพาต โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ไตวายเรื้อรัง ขณะที่ ผลสำรวจในปีพ.ศ.2553 ของธนาคารโลก พบว่าโรคในผู้สูงอายุ 60 ปี สูงที่สุดคือ โรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก รองลงมาคือมะเร็ง โรคทางเดินหายใจ  กล้ามเนื้อหรือกระดูกพรุน เป็นต้น   ซึ่งในการตรวจรักษาผู้สูงอายุอาจจะต้องเพิ่มความละเอียดมายิ่งขึ้นในการซักถาม เช่น ผู้สูงอายุหกล้ม ต้องไม่ใช่แค่การรักษาในร่างกาย แต่ยังต้องสอบถามถึงสาเหตุการทำให้ล้ม เพื่อนำไปสู่แนวทางการป้องกันได้

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย

 ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า ผู้สูงอายุยังต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านสังคมที่ส่งผลต่อสุขภาพจิต ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบความสัมพันธุ์ในครอบครัว, ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ที่มีการทารุณกรรมผู้สูงอายุในภาวะสมองเสื่อม เช่น ทำร้ายร่างกาย ไม่ใส่ใจในเรื่องโภชนาการ จนเกิดผลเสียตามมา, ปัญหาด้านการเงิน และสิ่งแวดล้อม เช่น ที่อยู่อาศัย เพื่อนบ้าน ชมรมผู้สูงอายุ ชุมชน ดังนั้นการป้องกันเบื้องต้น  คือ การได้รับอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงภาวะอ้วน มีสุขภาพจิตที่ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุข ตรวจสุขภาพประจำปี มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อ และการใช้ยาที่ถูกต้อง เนื่องจากมีผู้สูงอายุหลายคนที่รับยามาทานจำนวนหลายสิบห่อ สิ่งที่สำคัญในการตรวจรักษาคือการคัดกรองยา และให้ทานยาที่ถูกต้อง

สำหรับผู้ที่สนใจ อัพเดตเทรนด์สุขภาพและองค์ความรู้ด้านการแพทย์ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุมในรูปแบบคู่ขนาน (Hybrid) ทั้ง Online และ On-site ได้ที่ เว็บไซต์ www.bdmsannualmeeting.com

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

BDMS มุ่งจุดหมายระดับโลกรักษามะเร็งด้วยเครื่องโปรตอน เทคโนโลยีขั้นสูงในภาคเอกชนไทย “Global destination for the next generation of advanced cancer care”  

กรุงเทพฯ ประเทศไทย — 26 พฤศจิกายน 2568:  บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)  หรือ BDMS

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลัง BDMS ส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืน เปิดตัวแคมเปญ “BDMS PREVENTIVE VACCINE” มอบสิทธิ์ฉีดวัคซีนราคาพิเศษ สำหรับลูกค้าประกันสุขภาพ

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมมือกับ BDMS เดินหน้าส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืนให้คนไทย เปิดตัว

BDMSลงนามกับกกท.เพื่อบริการทางการแพทย์ ให้นักกีฬาทีมชาติไทย

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือBDMS นำโดย พญ. เมธินี ไหมแพง ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่ม 1 BDMSและผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ( MOU)ว่าด้วยการดำเนินงานบริการทางการแพทย์ กับการกีฬาแห่งประเทศไทย โดย นาย สุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา

'พัทยา ยูไนเต็ด'แชมป์ดิวิชั่น1 'หนองบัวพิชญ์'ครองD2 ศึก'BDMS Academy Cup 2024'

ปิดฉากลงอย่างสุดมันส์และสมศักดิ์ศรี สำหรับสัปดาห์ไฟนอล “แชมป์ชนแชมป์” ของศึก “BDMS Academy Cup 2024” การแข่งขันฟุตบอล 7 คน รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี เส้นทางสู่ทีมชาติของแข้งเยาวชน ที่จัดขึ้นโดย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ร่วมกับ PPTV HD 36 และทีมเทคนิคจาก FA THAILAND ซึ่งจัดขึ้นไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ณ สนามฟุตบอลซุปเปอร์ สตาร์ อารีน่า โดยเป็นการแข่งขันรอบไฟนอลตัดสินแชมป์ตัวจริง ประกอบด้วย