
14 ม.ค.2567- ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหัวข้อ “ต้องรู้เป็นสมองเสื่อมหรือไม่…แต่เนิ่นๆ” ระบุว่า สมองเสื่อมมีหลายยี่ห้อแล้วแต่ชนิดของโปรตีนพิษบิดเกลียว ที่จะมีทางวิ่งไปยังสมองส่วนต่างๆไม่เหมือนกัน ดังนั้นทำให้อาการที่ปรากฏขึ้นนั้น มีความผิดแผกแตกต่างกันได้ แต่ทั้งนี้ กลไกการเกิดและการทำลายสมองนั้นใกล้เคียงหรือเหมือนกัน
ที่ทั่วโลกรู้จักก็คือยี่ห้อ อัลไซเมอร์ และ พาร์กินสัน โดยที่โรคแรกนั้น ปรากฏอาการออกมาในรูปของความจำและดำเนินไปเรื่อยจนสูญเสียความมีเหตุมีผล การตัดสินใจ การพูดจา สื่อสารติดต่อ การทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน และเกิดอารมณ์แปรปรวนต่อเนื่อง ไป จนกระทั่งนอนติดเตียง
พาร์กินสัน นั้นปรากฏอาการออกมาในรูปของการเคลื่อนไหวผิดปกติ เกร็งซีกใดซีกหนึ่งก่อน และลามไปทั้งตัว โดยจะมีสั่นมากหรือน้อยก็แล้วแต่ จนสูญเสียการทรงตัวและจบลงที่นอนติดเตียง ทั้งนี้ทั้งสองโรคนั้นอาจจะเกิดในคนเดียวกันได้ (co-pathology)
การที่ต้องรู้แต่เนิ่น ๆ หมายความว่า รู้ตั้งแต่มีอาการน่าสงสัยแม้แต่จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม รวมทั้งถ้ามีคนในครอบครัวเป็นสมองเสื่อม และจนกระทั่งในปัจจุบัน ปี 2023 ทุกสำนักมีความเห็นตรงกันว่า ยิ่งรู้เร็วตั้งแต่ยังไม่มีอาการใดๆทั้งสิ้น จะได้เปรียบโดยที่ต้องทำการป้องกันชะลอ ไม่ให้ลุกลามไปได้
ทั้งนี้การสู้กับโรค มีได้ทั้งสองแบบก็คือโปรตีนพิษ ยังคงอยู่ในสมอง แต่อาการไม่แสดงออกและยังดูเหมือนเป็นคนปกติอยู่ และในแบบที่สองที่ยิ่งดีใหญ่ ก็คือโปรตีนพิษเหล่านี้ถูกทำลายหรือถูกขับทิ้งออกไปได้ และแน่นอน อาการไม่ปรากฏ การที่ยิ่งรู้เร็วยิ่งดี จะนำไปสู่การปรับตัว มีวินัยอย่างเข้มข้น โดยประกอบไปด้วย การต้องออกกำลัง ไม่ว่าจะเป็นแบบหนัก แบบคาร์ดิโอ หรือตามสังขารตามอายุ คือเดินเข้าใกล้ 10,000 ก้าว ตากแดด ปรับอาหารเข้าใกล้มังสวิรัติ งดแป้ง ไม่กินเนื้อสัตว์ กินปลาได้ กิจกรรมแลกเปลี่ยน เพื่อฝึกสมองไม่ใช่ไปเล่นเกมส์กด และพบปะสังสรร ผู้คน เป็นต้น
และที่ดีไปกว่านั้นอีก ก็คือมียาที่เริ่มพิสูจน์แล้วว่าสามารถป้องกันการก่อตัวสะสมจนกระทั่งถึง เลาะออกของโปรตีนพิษ ตลอดไปจนกระทั่ง เพิ่มการสร้างเซลล์ใหม่และปรับสภาพการทำงานเชื่อมโยงของสมองพูดภาษาชาวบ้านก็คือเหมือนกับวางระบบสายไฟใหม่ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมีเครือข่ายโยงใยไม่รกรุงรัง
ยาพื้นบ้านที่เรามีอยู่แล้วมีได้ตั้งแต่ สาร เรสเวอลาทรอล ที่มีการให้ความสนใจตั้งแต่มีการประชุมของสถาบัน ทางวิทยาศาสตร์ นิวยอร์ก (NY Academy of Science) ตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบัน ยากันชง ที่เป็นการกระตุ้น CB2 และกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง คาร์พริลิค ที่เป็นอาหารให้สมองที่เริ่มใช้กลูโคสไม่ได้แล้ว
กลุ่มยาที่เจ๋งขึ้นไปอีก เป็นยาที่ใช้ในเบาหวานและต่อมาใช้ในการลดน้ำหนัก และมีผลในโรคไขมันเกาะตับ และมีตับอักเสบ (NASH non-alcoholic steatohepatitis) ซึ่งอยู่ในกลุ่ม glucagon-like peptide-1 (GLP-1) มีหลายตัว เช่น Ozempic Wegovy Mounjaro และอยู่ในการทดสอบในมนุษย์ เข้าสู่ระยะที่สาม และทำโดยทั้งบริษัทเอง และมหาวิทยาลัย Oxford
ทั้งนี้ ข้อมูลก่อนหน้าในสัตว์ทดลองซึ่งทำโดยกลุ่ม Johns Hopkins และตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์ รวมทั้งกลุ่มอื่นด้วย ได้แสดงให้เห็นว่าการกระตุ้นตัวรับ
GLP-1 นี้ ให้ผลหลากหลายในการยับยั้งกระบวนการพิษ จาก โปรตีนอมิลอยด์ ทาว และ อัลฟ่า ซินนูคลิอิน ในหนูที่ปรับแต่งพันธุกรรม ให้เป็นโรคแบบมนุษย์ และพบว่าดีขึ้น แต่เมื่อทำการศึกษาในมนุษย์ระยะที่สองในโรคพาร์กินสัน กลับได้ผลไม่ดี ทั้งนี้กลุ่มคณะที่ทำการศึกษาเมื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลแล้วยังพบว่ายายังสามารถชะลอการทำลายของสมองในคนที่อายุน้อยกว่าและยังไม่มีอาการของโรค ซึ่งพ้องกับ ยิ่งรู้ก่อนยิ่งดี
ทั้งนี้ ตัว GLP-1 นั้น ผลิตจากเซลล์ในลำไส้และมีผลหลากหลายในการควบคุมให้ไม่หิว ปรับการสร้างอินซูลิน และป้องกันการดื้ออินซูลิน และลดการอักเสบในสมอง ในสัตว์ทดลอง กันการเกิดเซลล์แอสโตรเกลียที่เป็นตัวร้าย ที่ผ่านการกระตุ้นจากเซลล์ไมโครเกลีย และกระพือการอักเสบไปใหญ่ รวมทั้งมีการทำลายเซลล์สมอง นิวรอน
ยาพื้นๆ สำหรับโรคสมองเสื่อมอีกตัวคืออินซูลิน ซึ่งกระบวนการให้จะเป็นการพ่นเข้าจมูกโดยเครื่องพ่นพิเศษ เสมือนกับเป็นอนุภาคนาโน ทั้งนี้โดยที่มีการพิสูจน์ว่าทำให้คนไข้ที่มีอาการสมองเสื่อมแล้วดีขึ้นได้และเริ่มเข้าการศึกษาในมนุษย์ระยะที่สาม
ยาอีกตัวที่เหลือเชื่อก็คือยาละลายเสมหะ ambroxol ซึ่งมีกลไกแบบเดียวกับ resveratrol และยาเบาหวาน metformin และ thiazolidinediones และขมิ้นชัน ให้สมอง มีชีวิตยืนยาวใช้พลังงานอย่างประหยัดมัธยัสถ์และรีไซเคิล หรือ autophagy
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กินเหล้าหัวราน้ำ! กระทบตับ ส่วนที่ป้องกันอัลไซเมอร์
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและสมอง ประธานศูนย์ความเป็นเลิศการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
'ยาแก้แพ้' ชนิดแรง ใช้นาน-บ่อย เสี่ยงสมองเสื่อม!
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและสมอง ประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
'หมอธีระวัฒน์' เผย 'ทำเนียบขาว' แถลงทางการโควิดเกิดจากมนุษย์ วางแผนจะแพร่วัคซีนโดยโดรน
'หมอธีระวัฒน์' เผย 'ทำเนียบขาว' แถลงเป็นทางการโควิดเกิดจากมนุษย์และรั่วจากแลป โควิดวัคซีน mRNA เกิดผลข้างเคียงหัวใจอักเสบและอื่นๆ ที่น่ากลัวกว่านั้น มีการวางแผนที่จะมีวัคซีนไวรัส ซึ่งมีการปล่อยแพร่ทางละอองอากาศโดย โดรน
'หมอธีระวัฒน์' เผย 'FDA' แถลง 'วัคซีนโควิด' ที่จะรับการอนุมัติ ต้องมีหลักฐานความปลอดภัยด้วย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า วัคซีนโควิด ที่จะรับการอนุมัติต้องมีหลักฐานความปลอดภัยด้วย
'หมอธีระวัฒน์' เตือนนอนน้อยเสี่ยงสมองเสื่อมเร็ว ชี้สาร 'เทา' พุ่งแม้แค่อดนอนคืนเดียว
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เผยแพร่ข้อมูลการศึกษาชี้ชัด อดนอนเพียงคืนเดียวทำให้สาร “เทา” ในเลือดเพิ่มขึ้น เสี่ยงกระบวนการสมองเสื่อมเร็วกว่าปกติ พร้อมแนะเร่งปรับพฤติกรรม หันมากินผักผลไม้สูงฟลาโวนอยด์เพื่อปกป้องสมอง
70 ยัน 90 ปี เพียงเดินเพิ่ม 500 ก้าว ลดเสี่ยงโรคเส้นเลือดหัวใจ-สมองตีบ
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและสมอง และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า 70 ยัน 90 ขวบ เพียงเดินเพิ่มแค่ 500 ก้าว


