'หมอธีระวัฒน์' เผย 'ทำเนียบขาว' แถลงทางการโควิดเกิดจากมนุษย์ วางแผนจะแพร่วัคซีนโดยโดรน

'หมอธีระวัฒน์' เผย 'ทำเนียบขาว' แถลงเป็นทางการโควิดเกิดจากมนุษย์และรั่วจากแลป โควิดวัคซีน mRNA เกิดผลข้างเคียงหัวใจอักเสบและอื่นๆ ที่น่ากลัวกว่านั้น มีการวางแผนที่จะมีวัคซีนไวรัส ซึ่งมีการปล่อยแพร่ทางละอองอากาศโดยโดรน

28 พ.ค.2568 - ศ.นพ .ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊กว่า

ทำเนียบขาวแถลงเป็นทางการไปแล้ว
• โควิดเกิดจากมนุษย์และรั่วจากแลป (lab leak)
• โควิดวัคซีน mRNA เกิดผลข้างเคียงหัวใจอักเสบและอื่นๆ และมีความพยายามที่จะปกปิด และความ ไม่โปร่งใสในการปฏิบัติ
• เปิดโปง การป้ายสีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโควิดมาจากแล็บ และโควิดวัคซีนก่อให้เกิดความพิการและเสียชีวิต
1-ทำเนียบขาว.
กำเนิดโควิด จากห้องแลป
The White House
Lab Leak:
The true origin of Covid-19
https://www.whitehouse.gov/lab-leak-true-origins-of.../
• การปฎิบัติการปกปิด ความจริง จนกระทั่งการป้ายสีว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด รวมทั้งการเซ็นเซอร์ความจริงของข้อมูล
• บทความ“ที่มา SARS-CoV-2” ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและสื่อใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของทฤษฎีการรั่วไหลของห้องปฏิบัติการ แท้จริง
• มาจากอิทธิพลจากดร. เฟาซีให้ผลักดัน เรื่อง COVID-19 มีต้นกำเนิดจากธรรมชาติ
การวิจัยการเพิ่มฟังก์ชัน:
• เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการที่ทำการวิจัยการเพิ่ม ความร้ายแรงของไวรัส มีแนวโน้มสูงสุดที่จะเป็นต้นกำเนิดของ COVID-19
• กลไกของรัฐบาลในการกำกับดูแลการวิจัยไวรัสที่เป็นอันตรายนี้ ยังไม่ครบถ้วน มีความซับซ้อนมาก รวมทั้งในระดับโลก
ECOHEALTH ALLIANCE (ECOHEALTH):
• EcoHealth — ภายใต้การนำของดร. ปีเตอร์ ดาซัค Peter Daszak— ใช้เงินภาษีของประชาชนสหรัฐฯ เพื่อการวิจัย สร้างไวรัสร้ายแรงที่เป็นอันตรายในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน
• คณะอนุกรรมการเฉพาะ (selective subcommittee)ได้ทำการเปิดเผยหลักฐาน EcoHealth ละเมิดเงื่อนไขการให้ทุนของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH)
• กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ (HHS) ได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการเพื่อตัดสิทธิ์และระงับการให้ทุนทั้งหมดแก่ EcoHealth
• หลักฐานใหม่ยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่ากระทรวงยุติธรรม (DOJ) ได้เปิดการสอบสวนเกี่ยวกับกิจกรรมของ EcoHealth ในยุคการระบาดใหญ่
ความล้มเหลวของ NIH:
• ขั้นตอนของ NIH ในการจัดหาทุนและดูแลการวิจัยที่อาจเป็นอันตรายนั้น บกพร่อง ไม่น่าเชื่อถือ และเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทั้งสาธารณสุขและความมั่นคงของชาติ
• นอกจากนี้ NIH ยังเอื้ออำนวยให้มีการส่งเสริมการหลีกเลี่ยงกฎหมายการบันทึกข้อมูลของรัฐบาลกลาง ซึ่งเห็นได้จากการกระทำของดร. เดวิด มอเรนส์และ "FOIA Lady" มาร์จ มัวร์ (กำลังขอยื่นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญข้อที่ห้าไม่รับโทษถ้าให้ข้อมูลหลักฐานที่เป็นประโยชน์)
2-ทำเนียบขาว
ผลกระทบของวัคซีนโควิดเกิดหัวใจอักเสบและอื่นๆ วันที่ 21 พฤษภาคม 2025
รายงานรวบรวมหัวใจอักเสบจากวัคซีน
(ความยาว 43 หน้า เอกสารอ้างอิงหลักฐาน 341 รายการ)
• Mead et al
Myocarditis after SARS-CoV infection and vaccination
https://cardiovascular-research-and-innovation.reseaprojo...
https://open.substack.com/.../highlights-from-the...
ทั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้เป็นข้อมูลให้รัฐสภาทำการสอบสวน วันที่ 21/5/2025
โดยมุ่งประเด็น ที่มีการการลดความสำคัญของผลแทรกซ้อนของวัคซีนรวมทั้งการปกปิด เซนเซอร์ บิดเบือน
รายงาน รัฐสภาสหรัฐ 21/5/2025
55 หน้า เอกสารอ้างอิงหลักฐาน 217 รายการ
Covid vax myocarditis
https://static.foxnews.com/.../senate-psi-majority-staff...
3-ทำเนียบขาว
การเปิดโปงว่ามีการเซ็นเซอร์ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการที่โควิดเกิดจาก การสร้างขึ้น และเซ็นเซอร์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงและผลกระทบของวัคซีน
รวมทั้งมีการป้ายสีว่าเป็นข้อมูลปลอมข้อมูลเท็จ (misinformation) เป็น การควบคุมของรัฐบาลไบเดน ผ่านองค์กรของรัฐมากกว่า 10 แห่ง ลงมายังสถาบันวิชาการมหาวิทยาลัย และสื่อกระแสหลัก พร้อมกับตั้งระบบ Fact check และโดยที่มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ได้ออกมาสารภาพว่าได้ถูกสั่งจากทางการให้เซ็นเซอร์ และพร้อมกันนั้น เป็นผู้ให้เงินกับรอยเตอร์ในการเซ็นเซอร์ข้อมูลให้เป็นข่าวเท็จ และอื่นๆ

ไวรัสโควิดถูกสร้างขึ้นระบาดไปแล้ว
แต่โครงการทั้งหมด มีน่ากลัวกว่านั้น คือ
มีการวางแผนที่จะมีวัคซีนไวรัส ซึ่งมีการปล่อยแพร่ทางละอองอากาศ (aerosol)โดย โดรน
และให้มีการแพร่ออกจากตัวเองหลังจากที่ติดไปแล้ว (self disseminating)
DARPA หน่วยงานทหารของสหรัฐวิจัยและพัฒนาอาวุธ
ทำสัญญากับบริษัทโมเดอนา Moderna พัฒนา RNA based coronavirus vaccine ในปี 2012 โดยวัคซีนจะผลิตโปรตีนสไปค์
ปฏิบัติการนี้อยู่ในโครงการรหัสว่า
“ADEPT:PROTECT”
Moderna ทำการจดสิทธิบัตร รหัสพันธุกรรมของโปรตีนสไปค์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2016
ในปี 2022 หลังจากที่เกิดการระบาดโควิด นักวิทยาศาสตร์ได้รายงานว่า โปรตีนสไปค์ของโมเดนา มีรหัสพันธุกรรมตรงกันกับไวรัสโควิด ในช่วงรหัสพันธุกรรม 19 ตัว 19-nucleotide sequence
(SEQ ID11652) ที่กำกับให้เอนไซม์ฟูริน activate โปรตีนนี้และทำให้ไวรัสโควิดเข้าเซลล์มนุษย์และขยายต่อในเซลล์มนุษย์
งานนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Virology ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
โดยในบทความสรุปว่า “the presence of the 19-nucleotide long RNA sequence including the FCS with 100% identity to the reverse complement of the MSH3 mRNA is highly unusual and requires further investigations.” This one-in-3-trillion chance that Moderna’s 2016 patent would “100%” genetically match the 2019 pandemic virus has led to claims the whole thing was orchestrated.
โดย โอกาสที่จะตรงกันไม่ผิดเพี้ยนเช่นนี้มีความเป็นไปได้หนึ่งใน 3 ล้านล้าน (trillion) และนำไปสู่ข้อสังเกตว่าการระบาด นั้น และตัวไวรัสเอง เป็นการจัดฉากมาตลอดหรือไม่
• โครงการ DEFUSE ที่เสนอต่อ DARPA มีเรื่องการแพร่ไวรัสทางละอองฝอยทางอากาศ
ในเดือนมีนาคม 2018 สองปีหลังจากที่บริษัท Moderna จดทะเบียนลิขสิทธิ์โปรตีนสไปค์ และหนึ่งปีก่อนที่จะเกิดการระบาดขึ้น EcoHealth alliance ยื่นโครงการ DEFUSE ต่อ DARPA
รายละเอียดของโครงการทั้งหมดถูกเปิดสู่ประชาชนโดยนายทหารนาวิกโยธิน Joseph Murphy เป็น เป็นคนเปิดเผยเบาะแส
โดยที่ DARPA กระทรวงกลาโหม หน่วยสืบราชการลับพยายามที่จะปกปิดแผนการนี้
วุฒิสมาชิก Roger Marshall (R-KA) ได้เรียกร้องให้มีการสืบสวน ทั้งนี้ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวทั้งหมดในโครงการนี้ ร้ายแรงถึงในขั้น การประพฤติมิชอบ ให้การเท็จ ขัดขวางกระบวนการของรัฐ เป็นการสมคบคิด มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเป็นการละเมิด ทางการบริหารและทางกฎหมาย
จากการเปิดโปงในที่สุด ก็สำเร็จโดยแรงผลักดันของวุฒิสมาชิก Paul, Marshall. และ Ron Johnson และผลที่สุดทำให้คนทั้งโลกได้รับทราบการพัฒนาไวรัสโควิดให้มีความร้ายแรงแพร่ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อมนุษย์
อย่างไรก็ตาม โครงการDEFUSE มีอะไรมากกว่านั้น นั่นก็คือ
• มีการวางแผนที่จะสเปรย์ทางละอองฝอย (aerosolize) และอื่นๆสู่ค้างคาว
ในเอกสาร มีข้อความระบุว่า “We will trial inoculum delivery methods on captive bats including a novel automated aerosolization system, transdermal nanoparticle application and edible adhesive gels.”
(เป็นการทดสอบวิธีการให้สาร สู่ค้างคาว ด้วยวิธีแพร่ทางละอองลอยและอนุภาคนาโน ทางชั้นผิวหนัง และ เจลกาว ที่กินได้)
ที่สำคัญก็คือวิธีแพร่ละอองลอยทางอากาศ โดยตั้งใจให้ยา หรือสารที่ต้องการ ทั้งนี้ เป็นการกระตุ้นภูมิทั้งหมู่ในคราวเดียว โดยในโครงการนี้จะเป็นการแพร่ chimeric polyvalent recombinant spike proteins ซึ่งนั่นก็คือ โปรตีน สไปค์โควิด เหมือนกับที่สร้างขึ้นจากวัคซีนโควิด mRNA
ในโครงการ DEFUSE นี้ ดร Jerome Unidad Palo Alto Research Center (PARC) Hardware System Laboratort เป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาระบบการปล่อยละอองลอยของโมเลกุลที่กระตุ้นภูมิคุ้มกัน แบบอัตโนมัติ รวม field deployable prototype
ในโครงการนี้ยังรวมถึงการพัฒนาระบบการให้ อนุภาคขนาดไมโคร และผงแห้งสำหรับกระจายทางอากาศ ที่บรรจุไปด้วยโปรตีนและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (innate immune agonists) ในส่วนของการ กระตุ้นภูมิ (immune boosting strategies)
และในโครงการนี้ยังได้รวมการพัฒนาวัคซีนที่สามารถปล่อยเป็นละอองลอยทางอากาศ หรือทางสเปรย์หรือเป็นเจล
Dr Bartlet ได้ให้ความเห็นว่าการแพร่สู่มวลชน ด้วยการปล่อยละอองลอยโดยที่ ไม่ได้มีการรับรู้ถือเป็นการผิดกฎหมายผิดศีลธรรมผิดจริยธรรมและเป็นการแพทย์ที่เลว
องค์กร USRTK US right to know ยังได้บังคับให้มีการเปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ทั้งนี้โดยอาศัยพระราชบัญญัติความโปร่งใสของข้อมูล โดยเป็นเอกสารมีความหนา 1417 หน้า ซึ่งรวมการสำรวจทางภูมิศาสตร์ และข้อความติดต่อระหว่างบุคคลในโครงการนี้
ในโครงการมีแผนที่จะใช้โดรนที่ควบคุมระยะไกล จนกระทั่งถึงแผ่นแปะผิวหนังที่ส่งผ่านอนุภาคนาโน
PARC และ หน่วยของ Xerox พัฒนาเทคโนโลยีที่จะสามารถสเปรย์ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง เป็นละอองลอยของเหลวที่เข้มข้นและหนืด และ bioactive formulations
และที่น่าตกใจก็คือ
สเปรย์นี้สามารถใช้ในการแพร่วัคซีนสู่มนุษย์และสัตว์ได้ในวงกว้าง โดยวางแผนเป็นการป้องกันไว้ก่อนที่จะเกิดโรค และที่จะแพร่กระจายออกไป
PARC จึงได้จับมือกับมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน university of Wisconsin-Madison
รวมทั้งพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ AI การวางแผนระบบอัตโนมัติที่เกี่ยวกับโดรนในการปล่อยละอองลอย และบรรจุอยู่ในโปรแกรมของมหาวิทยาลัย ชื่อ FUN DESIGN (Engineering Fundamental Design)
ขอบเขตของการใช้
โดรนเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวนี้ยังครอบคลุมถึงการปฏิบัติการทั้งในและนอกประเทศสหรัฐด้วย
โดยที่ในประเทศสหรัฐนั้นจะทดสอบทดลองการปฏิบัติการที่ National Wildlife Health Center เพื่อเป็นการทดสอบการแพร่วัคซีนในสเกลที่กว้างขวาง
• วัคซีนและ วิธีการต้านไวรัส ที่แพร่ออกจากตนเอง (self disseminating vaccines and self spreading antiviral therapies)
วัตถุประสงค์ใหญ่อีกประการคือการเจาะจงการให้วัคซีน เพื่อป้องกันในระดับมวล ต่อไวรัสที่เฉพาะเจาะจง ด้วยโดรน ในการพ่นฝอยละอองลอย
และยังต้องประกอบไปด้วย การแพร่จาก ตนเองได้ host to host therapeutic เป็น วัคซีนไวรัสที่แพร่ออกจาก self spreading vaccine
ดังนั้นการแพร่ออกในลักษณะนี้เปรียบเสมือนกับเมื่อมีการติดเชื้อไวรัสไปแล้วก็จะแพร่ไปหาคนอื่นหรือสัตว์อื่น
ยิ่งไปกว่านั้น NIH ยังได้ให้ทุน มหาวิทยาลัยไอดาโฮ 1.7 ล้านเหรียญในโครงการ R01GM122079 ในปี 2016 ปีเดียวกับที่โมเดอร์นาจด สิทธิบัตรข้อมูลพันธุกรรมวัคซีนโควิด
“ Mathematical theory of transmissible vaccines จากระบบการให้ทุน tracking accountability in government grants system (TAGGS)
มีการทดลองทดสอบไวรัสวัคซีนที่แพร่จากตัวไก่ไปหาตัวอื่นในการควบคุมโรค Marek‘s disease ชื่อวัคซีน “Rispens” โดยที่เป็นไวรัสอ่อนกำลัง และเป็นที่ยืนยันแล้วว่าไวรัสวัคซีนสามารถแพร่ออกไปเองได้
ขณะเดียวกันพบว่ามีการผสมควบรวมกันระหว่างไวรัสวัคซีนกับไวรัสตามธรรมชาติได้ และอาจทำให้เกิดไวรัสควบผสมที่รุนแรงขึ้นอีกได้ และอาจเกิดขึ้นได้กับวัคซีนไข้หวัดนกที่จะนำมาใช้ในไก่
สรุปข้อมูลจาก คุณจอห์น
ฟลี๊ดวูด ด้วยความ ขอบพระคุณ
https://open.substack.com/.../nih-funds-research-into...
https://open.substack.com/.../nih-funds-research-into...

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทรัมป์ ทำพิธีเปิดเสาธงชาติขนาดใหญ่หน้าทำเนียบขาว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดตัวเสาธงยักษ์ 2 ต้นใหม่หน้าทำเนียบขาวอย่างภาคภูมิใจ ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล

นายกฯเยอรมนี เอาใจ 'ทรัมป์' ด้วยของขวัญเซอร์ไพรส์

นายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมิร์ซเองก็รู้สึกตื่นเต้นกับของขวัญที่เขามอบให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั่นคือสำเนาใบสูติบัตรเยอรมันของฟรีดริช-ปู่ขอ