
ในหลวงทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยนครพนม
8 เม.ย.2567 – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2567 ตามลำดับ ดังนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด นำ อัยการประจำกอง สำนักอัยการสูงสุด เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในการนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ อัยการประจำกอง ที่ยังไม่ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ด้วย ในโอกาสนี้ นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ รองอัยการสูงสุด นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ และนายยรรยง เดชภิรัตนมงคล เลขานุการอัยการสูงสุด ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย

จากนั้นเวลา 17.42 น. พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ศาสตราจารย์กระแส ชนะวงศ์ นายกสภามหาวิทยาลัยนครพนม พร้อมคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยนครพนม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจและทรงสืบสานงานด้านการศึกษา ตามพระราชปณิธาณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญและทรงสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชน ตั้งแต่เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการก่อตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาในถิ่นทุรกันดาร จำนวน 6 แห่ง และทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมทั้งพระราชทานวัสดุอุปกรณ์การศึกษาที่ทันสมัย กับพระราชทานพระราชดำริให้ตั้ง “มูลนิธิการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร” (ม.ท.ศ.) และทรงรับเป็นองค์ประธานกรรมการมูลนิธิ ฯ พร้อมกับพระราชทานพระบรมราโชบาย และแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการจัดการศึกษา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ แก่การพัฒนาการศึกษาของไทย อันเป็นคุณประโยชน์แก่ราษฎรที่ทรงปฏิบัติเป็นเวลายาวนานมาโดยตลอด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ราชินี’เสด็จฯ ‘พระราชทาน’ ‘เหรียญฮอกกี้’
พระราชินีพระราชทานเหรียญทองนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งหญิงทีมชาติไทย ในมหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33
'ในหลวง'พระราชทานเหรียญรางวัลกีฬาเรือใบ 'พระราชินี'ทรงรับเหรียญทองประวัติศาสตร์ ซีเกมส์ครั้งที่33
วันที่ 18 ธ.ค. เวลา 12.45 น. สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และทีมเรือใบ (SSL 47) ทีมชาติไทย เริ่มการแข่งขันเรือใบในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ. 2568 รอบชิงชนะเลิศ ร่วมกับร่วมกับนักกีฬาจาก 4 ชาติ ที่เข้าร่วมการแข่งขัน ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเมียนมา
ในหลวง เสด็จฯ ส่ง 'พระราชินี' ทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเหรียญรางวัลการแข่งขันกีฬาเรือใบ ประเภทเรือคีลโบ๊ท “เอส เอส แอล 47 (SSL 47) ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ. ๒๕๖๘
พระราชินีทรงพระปรีชานำทัพเรือใบคว้าทอง
"พระราชินี" ทรงวางกลยุทธ์ตลอด 3 วัน นำทีมเรือใบไทยขึ้นอันดับ 1 ของตาราง
'พระราชินี'ทรงวางกลยุทธ์ทั้ง3วัน นำเรือใบไทยขึ้นอันดับ1 คะแนนลอยลำคว้าเหรียญทอง
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2568 เวลา 09.58 น. สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยัง โรงแรม Ocean Marina Pattaya อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อทรงรับฟังการถวายบรรยายข้อมูลการแข่งเรือใบประจำวัน และทรงร่วมแข่งขันกีฬาเรือใบ วันที่ 3 เพื่อเก็บคะแนนการแข่งขันเรซที่ 6-7 ประเภทเรือคีลโบ๊ท SSL 47 ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 ธ.ค. ณ สนามแข่งขันโอเชี่ยนมารีน่า ยอช์ท คลับ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
'พระราชินี'ทรงนำทีมชาติไทย แล่น'เรือคีลโบ๊ทSSL47' คว้าชัย2เรซติดรั้งที่1ซีเกมส์ครั้ง33
วันที่ 16 ธ.ค.2568 เวลา 09.57 น. สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยัง โรงแรม Ocean Marina Pattaya อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อทรงรับฟังการถวายบรรยายข้อมูลการแข่งเรือใบประจำวัน และทรงร่วมแข่งขันกีฬาเรือใบ วันที่ 2 เพื่อเก็บคะแนนการแข่งขันเรซที่ 4-5 ประเภทเรือคีลโบ๊ท SSL 47 ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 ธ.ค.

