
สปป.ลาว ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของไทย เป็นอีกหมุดหมายปลายทางที่น่าไปเยือนมากๆ เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ อาหารรสแซ่บที่ถูกปากคนไทย และแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ตามวัด พิพิธภัณฑ์ภัณฑ์ และโบราณสถานที่มีเอกลักษณ์น่าค้นหา และค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ยังใกล้เคียงกับไทย เดินทางไปง่ายเพราะอยู่ติดกับพรมแดนไทยเลย
ในทริปนี้เราได้มีโอกาสมาเยือนเวียงจันทร์ เมืองหลวงของสปป.ลาว ด้วยภารกิจที่ต้องมาทำงาน 2 วัน 1 คืน จึงทำให้เกิดแพลนเที่ยวแบบง่ายวันเดย์ทริปขึ้น เรียกว่าใช้เวลาทุกชั่วโมงให้สนุกกับการทำงานและก็ได้เที่ยวไปด้วย
สำหรับเวียงจันทร์ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ทำให้ที่นี่มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และอารยธรรมที่น่าสนใจ หลายแห่งจึงเป็นแลนด์มาร์คของนักท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม การค้า การบริการ หรือสถาบันการศึกษา ทำให้เมืองหลวงแห่งนี้คึกคักไปด้วยผู้คนจำนวนมากทั้งคนลาวและนักท่องเที่ยว และมีบรรยากาศการจราจรติดขัดในช่วงเช้าและช่วงเย็นที่ทุกคนต่างออกไปทำงานและนักเรียนไปโรงเรียน แต่ก็ยังเท่ากรุงเทพฯ นะ อีกกรณีคือส่วนใหญ่แล้วคนลาวไม่ค่อยนิยมขึ้นรถโดยสารสาธารณะ แต่จะใช้รถส่วนตัวมากกว่านั้นเอง

ทริปนี้เราขอเรียกว่าเป็นเส้นทางสายบุญ ด้วยเวลาที่จำกัดทำให้การเดินทางไปยังจุดอื่นๆ อาจจะใช้เวลานาน ดังนั้นวัดจึงเป็นหมุดหมายที่ได้เสริมสิริมงคล พร้อมกับยลความงามของศิลปะต่างๆ ของลาวด้วย เริ่มจุดแรกที่ วัดสีสะเกด เป็นเก่าแก่ที่สำคัญแห่งหนึ่งของเวียงจันทร์ตั้งแต่ในสมัยสงคราม สันนิษฐานว่า เจ้าอนุวงศ์ เป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้ ซึ่งขนาดของวัดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่มีความร่มรื่นเงียบสงบ ด้านนอกจะมีธาตุเก่าแก่ตั้งอยู่ทั้งซ้ายขวาระหว่างทางเข้าวัด และหอไตรโบราณที่ยังมีสภาพงดงามด้วยสถาปัตยกรรมเชิงชายที่มีลวดลายงาม
เข้ามาด้านในบริเวณระเบียงคต ตรงประตูทางเข้าจะพบแผ่นศิลาจารึก ที่มีการเขียนบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างวัดสีสะเกด อีกฝั่งเป็นศิลาจารึกลักษณะคล้ายๆกับการดูฤกษ์คำนวนวันของการสร้างวัดแห่งนี้ หากสังเกตระเบียงคตของวัดนี้จะแตกต่างจากวัดอื่นๆ ในลาว เพราะส่วนจะเป็นการสร้างระเบียงคตรอบพระธาตุ แต่ที่นี่สร้างระเบียงคนล้อมรอบโบสถ์ไว้และบนผนังยังมีช่องกุดเล็กๆ ที่ทำขึ้นไว้เต็มผนังน่าจะประมาณกว่า 1,000 ช่อง เพื่อบรรจุพระพุทธรูป ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์และความงดงามของวัดแห่งนี้

บริเวณรอบโบสถ์ตั้งแต่หลังคา ประตู การตกแต่งๆมีลักษณะคล้ายกับสถาปัตยกรรมแบบลาวล้านช้างที่งดงามและประณีต ด้านในโบสถ์ภาพจิตรกรรมบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยววิถีชีวิตของคนลาวในอดีตและเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ซึ่งภาพบนผนังแม้จะมีบางส่วนที่เรือนลาง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงสมบูรณ์สามารถมองเห็นความงามของการสะบัดฝีแปรงของช่างในอดีต ด้านในโบสถ์เนื่องจากได้มีการยกฐานเป็นพิพิธภัณฑ์จึงไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพได้ แต่หากได้ชมนับว่าคุ้มค่ามาก



ข้ามถนนมาอีกฝั่งเป็นพิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว ที่ตั้งโดดเด่นตระหง่านท่ามกลางสวนสวย ที่นี่สร้างขึ้นในสมัยของสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช หลังจากย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมายังเวียงจันทร์ ซึ่งสร้างในเขตพระราชฐาน ในอดีตเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ต่อมาหลังจากผ่านพ้นสงครามเจ้าอนุวงศ์จึงได้สร้างวัดขึ้นใหม่ พร้อมกับสร้างพระพุทธรูปองค์ใหม่ขึ้นแทนที่พระแก้วมรกตที่ถูกนำไปในช่วงสงคราม ต่อมาวัดแห่งนี้ได้ถูกทำลายอีกครั้ง ต่อมาชาวฝรั่งเศสได้เข้าสร้างใหม่ในช่วงที่ลาวตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ต่อมาจึงมีสถานะเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งด้านในอุโบสถมีการเก็บวัตถุโบราณ พระพุทธรูปต่าง ๆ และมีพระบางจำลองให้สักการะอีกด้วย

พักผ่อนชิวๆ กันที่ The Mystery Café ตึกอิฐเปลือยสูง 2 ชั้นที่มีการตกแต่งด้วยพุ่มไม้ประดับอยู่บริเวณด้านนอกร้านให้ความรู้สึกเหมือนตึกเก่าในยุโรป เมื่อเข้ามาด้านในบรรยากาศค่อนข้างโปร่งสบาย มีการตกแต่ง mood and tone ให้ความรู้สึกมีว่าง ที่นี่มีทั้งเครื่องดื่มและอาหารว่าง ถ้าสายชอบถ่ายภาพรับรองว่าถูกใจแน่ๆ เพราะถ่ายได้แทบทุกมุมของร้านเลย


เดินทางมาต่อที่พระธาตุหลวง ซึ่งถือเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งแห่งเวียงจันทน์ และเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาวทั่วประเทศ ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระธาตุพนมในประเทศไทย และปรากฏความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของดินแดนทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงอย่างแยกไม่ออก สถานที่นี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างของประเทศลาว และยังเป็นตราสัญลักษณ์ที่ใช้ในตราแผ่นดินของลาวอีกด้วย

ก่อนที่เราจะเข้าไปสักการะด้านในบริเวณด้านหน้าพระธาตุหลวง เป็นอนุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ที่มีพระมหากรุณธิคุณในการบูรณะพระธาตุหลวง หลังจากที่ย้ายเมืองหลวงมายังเวียงจันทร์ โดยได้สร้างขึ้นในเขตพระราชอุทยานทางด้านทิศตะวันออกของกรุงเวียงจันทน์ เป็นการสร้างครอบพระธาตุองค์เก่าที่มีมาแต่โบราณกาล เมื่อสร้างพระธาตุหลวงเสร็จแล้ว จึงทรงขนานนามพระธาตุนี้ว่าพระธาตุเจดีย์โลกจุฬามณี หรือพระธาตุใหญ่ แต่คนส่วนมากมักเรียกว่า พระธาตุหลวง


มุมด้านนอกเราสามารถมองเห็นองค์พระธาตุหลวงได้อย่างงดงาม โดยเฉพาะในช่วงเย็นยามแสงอาทิตย์ตกกระทบตัวองค์พระธาตุยิ่งทำให้สะท้อนสีทองดูอร่ามและทรงคุณค่าอย่างมาก เดินเข้ามาด้านระเบียงคตยิ่งทำให้เห็นตัวองค์พระธาตุหลวงที่มีขนาดใหญ่มีความสูง 45 เมตร รูปลักษณะคล้ายดอกบัวตูม อันหมายถึงสัญลักษณ์คำสอนของพระพุทธเจ้า มีพระธาตุเล็กอยู่บนพระธาตุใหญ่ชั้นที่สอง รองทั้งสี่ด้าน ชั้นที่สามสร้างถัดจากพระธาตุองค์เล็ก 30 องค์นั้น มีรูปลักษณะเป็นหลังเต่า หรือขันตักน้ำคว่ำ เป็นฐานของยอดพระธาตุ มีรูปเป็นสี่เหลียมล้อมรอบด้วยกลีบดอกบัวใหญ่ดูแล้ววิจิตรสวยงาม บริเวณระเบียงคตยังมีโบราณวัตถุที่ตั้งจัดแสดงให้ได้ชม อาทิ พระปางมารวิชัยที่ทำขึ้นจากไม้ พระพุทธรูปเนื้อทองคำ ศิลปะล้านช้าง ศิวลึงค์ทำด้วยหินทราย ศิลปะเขมร พระพุทธรูปปางห้ามญาติ ศิลปะเขมรทำจากหินทราย และยังมีภาพวาดที่แสดงเรื่องราวของพระธาตุหลวงที่ประชาชนเคารพศรัทธามาตั้งแต่ในอดีตอีกด้วย


ปิดท้ายทริปด้วยการชมน้ำพุที่ ปะตูไซ ใจกลางนครเวียงจันทน์ เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อเป็นการสดุดีวีรชนผู้ร่วมรบเพื่อประกาศเอกราชจากประเทศฝรั่งเศส มีการออกแบบและทำลวดลายตกแต่งด้วยศิลปะแบบล้านช้าง ด้านเพดานจองปะตูไซ คือจิตรกรรมเกี่ยวกับเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และมีการนำสัตว์ในตำนานตามความเชื่อของศาสนาพุทธ เช่น กินรี และพญานาค มาตกแต่งบริเวณที่เสาด้วย มีการแสดงน้ำพุในช่วงเย็นทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 17.00 เป็นต้นไป(วันและเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) แม้ว่าลาวจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านการพัฒนาเมืองให้เจริญมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงงดงามไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยประวัติศาสตร์จากอดีตที่ยังคงมีอยู่ให้คนรุ่นหลังได้มาเที่ยวชม


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เตือนประชาชนระวัง 'โรคหัด' หลังพบแพร่ระบาด บริเวณชายแดนเพื่อนบ้าน
รัฐบาลเตือนประชาชนระวัง 'โรคหัด' หลังพบแพร่ระบาดบริเวณชายแดนเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.เชียงราย เผยปี 68 พบผู้ป่วยสะสมแล้วพันกว่าราย
'วุฒิสภาไทย' โชว์โปร่งใส-ตอบโจทย์ปชช. ผ่าน 4 กลไก บนเวทีลาว
'วุฒิสภาไทย' แลกเปลี่ยนประสบการณ์รัฐสภาระดับภูมิภาค ณ เวียงจันทน์ ชู 4 กลไก สอดรับแนวปฏิบัติ 'เปิดเผย-ตอบสนองประชาชน'
'ไทย-ลาว' หารือเต็มคณะตั้งเป้าค้าขายทะลุ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2570
ไทย-ลาวหารือเต็มคณะ ผลักดันแก้ปัญหายาเสพติด ภัยออนไลน์ค้ามนุษย์ ตั้งเป้ามูลค่าการค้า 11,000 ล้าน ดอลลาร์ในปี 2027
'อนุทิน' พร้อมภริยาและคณะถึง สปป.ลาวแล้ว
นายกฯ อนุทิน เดินทางถึง สปป.ลาว แล้ว ตามคำเชิญของ นรม.สปป.ลาว. เตรียมหารือเต็มคณะ
ไซยะบุรี พาวเวอร์ รับเหรียญชัยแรงงานจาก สปป.ลาว
โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) รับมอบเหรียญชัยแรงงานและประกาศนียบัตรในฐานะองค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรีได้ตามมาตรฐานสากลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


