“เรือกอแระ” เป็นเรือคู่กายของชาวประมงพื้นถิ่นในแถบพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง คือ จังหวัดปัตตานี นราธิวาส และในบางพื้นที่ของสงขลา นครศรีธรรมราช ไล่ไปจนถึงแหลมมลายู ที่ยังคงพบเห็นการทำประมงด้วยเรือกอและ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ส่วนตัวเรือกอและนั้น ก็มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนเรือภาคอื่นๆในประเทศ เพราะมีความสวยงามด้วยสีสันที่ฉูดฉาด มีการวาดลวดลายทั้งไทย มลายู และชวา มีรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียว คล่องแคล่ว ฝ่าคลื่นทะเลได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันการประมงได้พัฒนาให้มีความทันสมัยเป็นเรือพาณิชย์ หรือเรือเครื่องยนต์ ทำให้การใช้เรือกออาจจะพบเห็นได้ในบางพื้นที่ของจังหวัดในภาคใต้ อย่างในนราธิวาส นับเป็นอีกจังหวัดที่ยังมีการใช้เรือกอและในการทำประมงอยู่ค่อนข้างมาก และถือเป็นแหล่งอู่ต่อเรือและเขียนลวดลายที่สำคัญในแถบภาคใต้ ที่ยังคงมีผู้สืบทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาการต่อเรือกอและมาจวบจนปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทางกระทรวงวัฒนธรรม ได้มีนโยบายในการนำทุนทางวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความหลากหลายทางด้านอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ ศาสนา ภาษา ประเพณี วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ท้องถิ่นมาขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ซึ่งจ.นราธิวาสมีความหลากหลายทางด้านอัตลักษณ์ ประกอบกับมีการเชื่อมโยงประเพณีวัฒนธรรมกับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม
โดยทางจังหวัดนราธิวาส โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนราธิวาส จึงได้จัดงานเทศกาลเรือกอและศิลปสีและลวดลาย ภายใต้โครงการพัฒนาสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนอัตลักษณ์วัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นและขับเคลื่อน Soft Power ในจ.นราธิวาส โดยเชื่อมโยงประเพณีวัฒนธรรมกับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนราธิวาส (หลังเก่า) ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส
สำหรับกิจกรรมภายในเทศกาลเรือกอและฯ ประกอบด้วย นิทรรศการเรือกอและ การสาธิตวาดลวดลายเรือกอและ การทำเรือกอและจำลอง ผลิตภัณฑ์จากเรือกอและ การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เช่น การแสดงดิเกร์ฮูลู การแสดงมโนราห์ การแสดงซีละฯลฯ เดินช้อปิมตลาดนัดวัฒนธรรม จำหน่ายอาหารพื้นบ้านและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมไทย (CPOT) จากอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดปัตตานี เป็นต้น
นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า เทศกาลเรือกอและ ศิลปะ สี และลวดลาย นับเป็นการจัดกิจกรรมครั้งที่ 3 ภายใต้โครงการพัฒนาสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ต่อเนื่องจากงานเทศกาลริเวร่าท้าลมร้อน : Shade of Pattani จังหวัดปัตตานี และเทศกาลฟื้นย่านชุมชนโบราณเมืองเบตง จังหวัดยะลา เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์และสร้างภาพลักษณ์ของจังหวัดนราธิวาสควบคู่กับการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากความหลากหลายทางประเพณีวัฒนธรรม เพิ่มรายได้แก่คนในพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนบนพื้นฐาน ตลอดจนการยอมรับความหลากหลายทางประเพณีวัฒนธรรม นำไปสู่ความมั่นคงในพื้นที่
“เป็นการเชื่อมโยงประเพณีวัฒนธรรมไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจังเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมีโอกาสมาท่องเที่ยวในพื้นที่ชายแดนใต้มากขึ้น เป็นมิติใหม่ในการพัฒนาและให้ความสำคัญต่ออัตลักษณ์และวิถีชีวิตของประชาชน เพื่อขับเคลื่อน Soft Power ในจ.นราธิวาส โดยเฉพาะ เรือกอและ เป็นเรือประมงภูมิปัญญาและเป็นศิลปะชายแดนใต้ที่มีอัตลักษณ์และสืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานดินแดนปักษ์ใต้ มีลวดลายที่เกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ สะท้อนวิถีความเป็นอยู่ร่วมในจังหวัดชายแดนใต้ นับได้ว่าเป็นนวัตกรรมสร้างสรรค์ซึ่งเป็นผลของวัฒนธรรมสัมพันธ์ที่มีคุณค่าสมควรอนุรักษ์ไว้อย่างยิ่ง” ปลัด วธ.กล่าว
ด้านนายฐปนัท วงศ์ศานติบูรณ์ วัฒนธรรมจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาสังคมพหุวัฒนธรรมให้เข้มแข็งและสร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ของจ.นราธิวาส และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ยกระดับความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและนักลงทุน ที่จะก่อให้เกิดการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในชุมชน ซึ่งตลอดการจัดงานได้มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ที่สำคัญือการเขียนลวดลายเรือกอและจำลอง สะท้อวิถีขาวประมงและสัญลักษณ์ของชาวนราธิวาส
ฮำซัม ยูโซะ ช่างเขียนเรือกอและ หมู่บ้านทอน ต.โคกเตียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เล่าว่า ครอบครัวเป็นช่างเขียนเรือกอและ เป็นสิ่งที่เราได้เห็นมาตั้งแต่เด็กทำให้เกิดความชื่นชอบและฝึกฝนในการเขียนเรือกอและเพื่อสืบทอดต่อจากพ่อ ซึ่งในหมู่บ้านปัจจุบันคนที่เป็นช่างเขียนเรือและช่างต่อเรือกอและเหลือน้อยแล้ว แต่คนในหมู่บ้านก็ยังมีการทำประมงด้วยเรือกอและอยู่บ้าง แต่ไม่เยอะเท่าเมื่อก่อน และมีเรือท้ายตัด ที่มีรูปร่างเล็กกว่ามีการวาดลวดลายลายเหมือนเรือกอเและเหมือนกัน ซึ่งการวาดเรือเทคนิคที่สำคัญก็คือ การเขียนลวดลายที่มีการผสมผสานของหลากหลายวัฒนธรรมทั้งลายไทย ลายมลายู และลายอินโดนีเซีย ซึ่งต้องใช้ความชำนาญในการลงสีเพราะเป็นการวาดครั้งเดียว ที่สำคัญคือการแต่งแต้มสีสันให้เด่นชัด ทำให้เรือมีมีความสวยงามแชะความโดดเด่น ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะอนุรักษ์และสืบทอด ส่งต่อ ภูมิปัญญานี้ให้กับคนรุ่นหลังต่อไปด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉลอง'ต้มยำกุ้ง' กระหึ่มโลก ชวนลองเมนูมรดกวัฒนธรรม
โด่งดังก้องโลกกับเมนูต้มยำกุ้งของดีเมืองไทย กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัดงานฉลองต้มยำกุ้งและเคบายา มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ในโอกาสที่ ยูเนสโก ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “ต้มยำกุ้ง” (Tomyum Kung) และ “เคบายา” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List
แสดง'โขน-โนรา'สานสัมพันธ์ที่เขมร
25 พ.ย.2567 - นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายนำมิติทางศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมมาส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทยในภูมิภาคอาเซียนและเวทีนานาชาติ
'ปลัดยุพา' เริ่มลุยงาน สปน. เร่งสรรหา 'เลขาฯ สคบ.' จบใน 1 เดือน
'ปลัดยุพา’ เข้าทำเนียบฯ วันแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยันพร้อมลุยงาน สปน. แก้ปัญหาประชาชน คาด 1 เดือน สรรหา ‘เลขาฯ สคบ.’ คนใหม่ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
ย้อนเวลา 4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ
ชวนแต่งชุดไทยเดินทางย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา ดื่มด่ำกับบรรยากาศโบราณสถานยามค่ำคืนที่งดงามในงาน “ 4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ภายใต้แนวคิด “ย้อนเวลา ส่องวิถี ปลุกแสงสี พระนครศรีอยุธยา” โดยจะจัดกิจกรรมตามวัดและโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
สืบสานประเพณีถวายผ้าพระกฐินวัดหนองแวง แหล่งรวมมรดกวัฒนธรรม
5 พ.ย.2567 - นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เนื่องในเทศกาลกฐิน พุทธศักราช 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานผ้าพระกฐินให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นำไปถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษา