กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสิงห์บุรี จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศล และจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ โดยทำความสะอาดบริเวณลานวัด อุโบสถ วิหาร และศาลาการเปรียญ และปลูกต้นไม้ผลและไม้ประดับ ถวายพระราชกุศลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม โดยมี นางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายสุเมธ ธีรนิติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา และประชาชนเข้าร่วมในพิธี ณ วัดสาลโคดม ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวานนี้
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าจะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดีถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ทรงตรากตรำพระวรกาย เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรในถิ่นทุรกันการ ทรงติดตามพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อสนองพระราชดำริในโครงการพัฒนาต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ รวมทั้งพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตรงตามความต้องการพื้นฐานที่แท้จริงของชนบท โดยเฉพาะโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ เป็นการแก้ไขปัญหาความยากจนที่บรรดานักวิชาการด้านการพัฒนายอมรับยกย่องว่ามีพระอัจฉริยภาพสูงส่งยิ่ง ซึ่งแพร่หลายเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และปัจจุบันมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ในด้านพระศาสนา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด ทรงยึดในหลักธรรมแห่งพรหมวิหาร 4 ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ทรงพยายามทุกวิถีทางและทุกโอกาสที่จะทรงแนะนำให้พสกนิกรเห็นว่า ความเจริญทางด้านจิตใจเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญที่สุด ไม่น้อยไปกว่าความเจริญทางด้านวัตถุ เพราะจะช่วยให้ชีวิตมนุษย์สมบูรณ์ และมีค่า ดังพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่นักศึกษาพยาบาล ณ หอประชุมราชแพทยาลัย โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พุทธศักราช 2510 ความตอนหนึ่งว่า “…ความเจริญทางด้านวัตถุจำต้องควบคู่ไปกับความเจริญทางด้านจิตใจ จะทำให้ชีวิตมนุษย์สมบูรณ์และมีค่า บุคคลแม้จะเป็นผู้ที่ขาดความมั่นคงทางวัตถุ แต่ร่ำรวยในด้านคุณธรรม มีความรักและห่วงใยในเพื่อนมนุษย์ จึงนับว่าเป็นผู้ที่พระพุทธศาสนายกย่องแล้วว่าเจริญแท้…” และยังทรงอุปถัมภ์บำรุงศาสนาอื่น ๆ ในประเทศด้วย เพราะมีพระราชศรัทธาว่า ทุกศาสนาล้วนมีหลักธรรมที่สอนให้คนประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ดีงามเช่นเดียวกัน
รมว.วธ. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ยังจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ ณ พระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ในวันที่ 9 สิงหาคม 2567 สำหรับส่วนภูมิภาค กรมการศาสนาร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ตามที่จังหวัดเห็นสมควร อาทิ พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระเจดีย์หรือพระพุทธรูปสำคัญประจำจังหวัด การบวชเนกขัมมะ ศีลจาริณี พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์สามเณร กิจกรรมปฏิบัติธรรม การจัดนิทรรศการหรือจัดทำวีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติฯ และกิจกรรมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ในมิติทางศาสนา เพื่อส่งเสริมให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าภายใต้พระบรมโพธิสมภารได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักธรรมทางศาสนามาใช้ในการสร้างสติ สมาธิ และปัญญา แล้วนำมาประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้สังคมเกิดความสงบร่มเย็น สันติสุข ตลอดจนส่งเสริมให้วัดเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้โบราณประเพณีของสังคมไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อว่า ขอเชิญชวนพสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ศึกษาเรียนรู้พระราชกรณียกิจ พระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม และรักษาวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ร่วมกันพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
