วัคซีนไอกรน (รุ่นใหม่) นวัตกรรมเพื่อคนไทยและตลาดโลก

โรคไอกรน (pertussis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bordetella pertussis ซึ่งก่อให้เกิดอาการไข้สูงไอรุนแรงในเด็กเล็กจนอาจต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตได้อาการของโรคในวัยรุ่นและผู้ใหญ่มักมีอาการไอเรื้อรังมากกว่า 2-3 สัปดาห์และพบว่าอาการมีความรุนแรงมากขึ้นในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคปอดเรื้อรัง การติดต่อแพร่เชื้อโดยการไอจามจากบุคคลที่เป็นโรคที่มีการติดเชื้อไปสู่คนที่อยู่ใกล้ชิดกันโดยเฉพาะเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคไอกรนสู่ทารกที่มีความเสี่ยงสูงรวมทั้งการแพร่ไปสู่บุคคลอื่น เช่น คนในบ้าน เด็กเล็ก ในโรงเรียน คนเลี้ยงเด็ก ทหารในค่ายการให้การวินิจฉัยโรคไอกรนเป็นไปได้ยาก  เพราะอาการไอเรื้อรังแพทย์ไม่สามารถแยกจากการติดเชื้ออื่น ๆได้ต้องส่งตรวจโดยป้ายสิ่งคัดหลั่งจากลำคอส่งตรวจพีซีอาร์ ซึ่งยุ่งยากและมีราคาแพงทำให้แพทย์มักไม่ได้ให้การวินิจฉัยโรคนี้และทำให้การให้ยาต้านจุลชีพล่าช้า  เป็นผลให้ผู้ป่วยต้องมารับการตรวจรักษาหลายครั้ง หรือต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล  ในประเทศไทยพบว่าโรคไอกรนของเด็กทารกลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากมีการฉีดวัคซีนแบบรวมป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน 3 ครั้งในเด็กขวบปีแรก

รศ.นพ.สุรสิทธิ์ ชัยทองวงศ์วัฒนา

อย่างไรก็ตาม  รายงานโรคไอกรนในประชากรไทยน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริงมากคล้ายกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกปัจจุบันอุบัติการณ์โรคไอกรนพบสูงขึ้นในทั้งเด็กโต วัยรุ่น และผู้ใหญ่รวมทั้งมีการระบาดในบางพื้นที่เช่นในจังหวัดภาคใต้ ในโรงเรียนซึ่งอาจเป็นผลของการที่ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนในวัยเด็กเริ่มลดลง  เมื่อเวลาผ่านไป  ดังนั้น การให้วัคซีนป้องกันโรคไอกรนใน สตรีตั้งครรภ์ วัยรุ่นผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคเพียงพอน่าจะเป็นทางเดียวในการลดอุบัติการณ์การเกิดโรคไอกรนในเด็กทารก  ซึ่งมีอัตราป่วยตายสูงและการฉีดวัคซีนแก่ประชากร ยังมีผลในการลดป่วยและลดการแพร่เชื้อสู่บุคคลอื่นวัคซีนป้องกันโรคไอกรนที่ใช้ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุในประเทศไทย

 รศ. นพ.ฉันชาย  สิทธิพันธุ์  คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ 

ปัจจุบันมีทั้งวัคซีนแบบรวมคือวัคซีนบาดทะยัก คอตีบและไอกรน (Tdap) ซึ่งเป็นวัคซีนนำเข้าจากต่างประเทศ และวัคซีนไอกรนชนิดไร้เซลล์แบบรีคอมบิแนนท์ ซึ่งถูกคิดค้นและผลิตโดยบริษัทในประเทศไทย ซึ่งมีขบวนการผลิตวัคซีนที่แตกต่างจากวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทในยุโรปซึ่งมี 2 ชนิดคือ วัคซีนรวมโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดไร้เซลล์แบบรีคอมบิแนนท์ (Tdap (recombinant))และวัคซีนไอกรนชนิดไร้เซลล์แบบรีคอมบิแนนท์ชนิดเดี่ยว (Recombinant acellular pertussis vaccine;ap) ซึ่งวัคซีนได้ถูกนำมาใช้ในการป้องกันโรคโดยการฉีดแก่หญิงตั้งครรภ์ในช่วงตั้งครรภ์ 20-36สัปดาห์เพื่อการป้องกันโรคไอกรนในเด็กแรกเกิด ขณะเดียวกันการให้วัคซีนในวัยรุ่นผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเพื่อลดอุบัติการณ์ของโรคและส่งผลลดการแพร่เชื้อสู่บุคคลอื่น

ศ.พญ.ธัญวีร์ ภูธนกิจ 

จากความสำเร็จในการคิดค้นวัคซีนไอกรนรุ่นใหม่  ล่าสุดนายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ คุณวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล ประธานกรรมการบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัดร่วมกันแถลงข่าววัคซีนไอกรน (รุ่นใหม่) นวัตกรรมเพื่อคนไทยและตลาดโลกในโอกาสที่การพัฒนาและวิจัยทางคลินิกวัคซีนไอกรน (รุ่นใหม่) ประสบความสำเร็จและได้การขึ้นทะเบียนตำรับวัคซีน โดยมี ศ.นพ.ธีระพงษ์ ตัณฑวิเชียร ศ.พญ.ธันยวีร์ ภูธนกิจ และรศ.นพ.สุรสิทธิ์ ชัยทองวงศ์วัฒนา เข้าร่วมการแถลงข่าวและร่วมเสวนาความสำเร็จในการร่วมมือพัฒนาและวิจัยทางคลินิกวัคซีนไอกรน (รุ่นใหม่)สำหรับหลายช่วงวัย

นายวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล  ประธานกรรมการบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด

สำหรับ  การดำเนินการโครงการวิจัย PreBoostของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นการศึกษาการสร้างภูมิคุ้มกันโรคไอกรนและความปลอดภัยที่เกิดจากการใช้วัคซีนสูตรใหม่แบบลดขนาด (low-dose 2 microgram)ของวัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์แบบรีคอมบิแนนท์ในกลุ่มประชากรทั่วไป (วัยรุ่นและผู้ใหญ่)และประชากรกลุ่มเปราะบาง (เช่น หญิงตั้งครรภ์)เพื่อนำไปสู่การขึ้นทะเบียนวัคซีน สำหรับการป้องกันโรคไอกรน โดยทำการศึกษาวัคซีนสูตรใหม่แบบลดขนาด(low-dose 2 microgram) ในรูปแบบวัคซีนไอกรนชนิดเดี่ยว (Recombinant acellular pertussisvaccine; ap-2,5) และวัคซีนรวมคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดไร้เซลล์แบบรีคอมบิแนนท์ (Tetanus-diphtheria-recombinant ap vaccine, Tdap-2,5) เปรียบเทียบกับวัคซีน Tdapที่ผลิตโดยบริษัทในยุโรปและ วัคซีนรวมคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดไร้เซลล์แบบรีคอมบิแนนท์และวัคซีนไอกรนชนิดไร้เซลล์แบบรีคอมบิแนนท์ชนิดเดี่ยวขนาดปกติที่ใช้ทั่วไป โดยได้ทำการศึกษาการฉีดวัคซีนในประชากรหลายช่วงวัยได้แก่ วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุรวมถึงหญิงตั้งครรภ์ พบว่าวัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์แบบรีคอมบิแนนท์สูตรใหม่แบบลดขนาด(low-dose 2 microgram)ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันโรคไอกรนได้สูงกว่าและภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นคงอยู่นานกว่าวัคซีนแบบรวม Tdap

ศ.นพ.ธีระพงษ์ ตัณฑวิเชียร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

2553 จากรัฐบาลที่ถูกบีบด้วยอาวุธ สู่ประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นหลังเลือกจำ

เหตุการณ์ในรั้ว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อกลุ่มนิสิตบางส่วนชูป้ายว่า “สลายการชุมนุม 53 คนสั่งฆ่าอยู่นี่” ระหว่างที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกรัฐมนตรี มาบรรยายพิเศษให้หลักสูตรปริญญาเอกสาขานโยบายสาธารณะ

แม่ยก ปชป.เดือด! ฟาดเด็กอมมือ รับงานโจมตีอภิสิทธิ์ คนควรละอายคือพ่อแม่

นางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ ติ๊งต่าง เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับ ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า การกระทำของนศ.จุฬาฯเหล่านี้มันชั

Chula Dairy Expo 2025 ปลุกพลังเครือข่าย AIC สระบุรี ชูนวัตกรรม-เทคโนโลยี หนุนโคนมไทยยั่งยืน

จุฬาฯ ร่วมภาครัฐ-เอกชน จัดงานใหญ่ “Chula Dairy Conference and Expo 2025” สร้างเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ หนุนเกษตรกรรุ่นใหม่ เสริมแกร่งอุตสาหกรรมโคนมไทยด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ มุ่งพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค

'ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ' ฟุตบอลประเพณีครั้งที่75 พร้อมฟาดแข้ง15ก.พ.นี้

5 ปีที่รอคอย! ความยิ่งใหญ่ที่หวนคืน กับการกลับมาของการแข่งขันฟุตบอลนัดประวัติศาสตร์ ระหว่างสองมหาวิทยาลัยเก่าแก่ อย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะกลับมาร่วมสร้างความทรงจำครั้งใหม่ สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน  ลงสนามในวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์  ณ สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ