นิทรรศการพิเศษภาพถ่ายฟิล์มกระจก บันทึกประวัติศาสตร์ ร.5 นำพาสยามรอดวิกฤต

ฟิล์มกระจกเป็นเอกสารจดหมายเหตุบันทึกช่วงเวลาอันโดดเด่นในประวัติศาสตร์สยามถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติเก็บรักษาฟิล์มกระจกกว่า 40,000 แผ่น เป็นหนึ่งในวิทยาการด้านการถ่ายภาพที่นิยมในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถึงพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาพถ่ายเหล่านั้นสะท้อนภาพความเป็นไปของบ้านเมืองแต่ละยุคสมัย รวมถึงภาพชีวิตของคนไทยในอดีต 

นับเป็นอีกครั้งที่สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติคัดสรรภาพถ่ายฟิล์มกระจก ชุด หอพระสมุดวชิรญาณ  มาจัดแสดงให้ประชาชนได้ชื่นชมผ่านนิทรรศการพิเศษชื่อว่า Glass Plate Negatives : Circles of Centres ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ“ฟิล์มกระจกจดหมายเหตุ : หนึ่งพันภาพประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ ครั้งที่ 3” พ.ศ. 2568 ด้วยความร่วมมือระหว่างกรมศิลปากร มูลนิธิสิริวัฒนภักดี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในประบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิส่งเสริมการถ่ายภาพ ซึ่งท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน เป็นภัณฑารักษ์และผู้อำนวยการโครงการ

โอกาสนี้ จัดงานแถลงข่าวการจัดนิทรรศการพิเศษGlass Plate Negatives : Circles of Centres ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพฯ พร้อมโชว์ตัวอย่างภาพถ่ายฟิล์มกระจกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ อาทิ ภาพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับพระแท่นสรงมุรธาภิเษกสนานในพระมณฑปพระกระยาสนาน ที่ชาลาช้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พ.ศ.2448 ,ภาพช้างพระที่นั่งของพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย  ระหว่างเสด็จตรวจราชการหัวเมืองปักษ์ใต้  , ภาพกระบวนวอของหม่อมและพระธิดาที่ตามเสด็จพระเจ้าน้องยาเธอ   กรมหลวงดำรงราชานุภาพ  เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย กำลังข้ามแม่น้ำปัตตานีนอกเมืองยะลา  ระหว่างเสด็จตรวจราชการหัวเมือง ปักษ์ใต้ เมื่อ พ.ศ.2449 

นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า นิทรรศการพิเศษภาพถ่ายฟิล์มกระจก ชุด หอพระสมุดวชิรญาณ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 โครงการนี้เริ่มต้นจากการอนุรักษ์ฟิล์มกระจกโดยสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติแปลงภาพจากฟิลม์กระจกสู่ไฟล์ดิจิทัลเพื่อให้การจับต้องฟิลม์กระจกที่มีความเปราะบางน้อยลง จากนั้นเมื่อ พ.ศ.2560  องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ประกาศให้ฟิล์มกระจกและภาพถ่ายต้นฉบับจากฟิล์มกระจก ชุด หอพระสมุดวชิรญาณ เป็นมรดกความทรงจําแห่งโลก (Memory of the World) ในฐานะที่เป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมผ่านมุมมองของผู้ถ่ายภาพ สะท้อนถึงวิวัฒนาการด้านต่างๆ  นำมาสู่การจัดนิทรรศการฟิล์มกระจกจดหมายเหตุ : หนึ่งพันภาพประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ ครั้งที่ 1 ที่พิพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์  และครั้งที่ 2 ในปี 2563  ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครครั้งที่ 3 จะจัดแสดงระหว่างวันที่ 22 พ.ค.-27 ก.ค.2568 ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น 9 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

“ ภาพถ่ายฟิล์มกระจกหากไม่ได้นำมาเผยแพร่ประชาชนจะไม่ได้รับรู้เรื่องราวน่าเล่า กว่าจะเกิดนิทรรศการพิเศษผ่านขั้นตอนมากมาย ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน มีความสนใจ ทุ่มเท และมุ่งมั่นในการเผยแพร่ความรู้ภาพถ่ายฟิล์มกระจกให้น่าสนใจ ไม่อยากให้พลาดนิทรรศการครั้งนี้ เพราะเป็นภาพเกี่ยวกับพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธเจ้าหลวง พระปิยมหาราช  ภาพส่วนหนึ่งบันทึกเรื่องราวการเสด็จประพาสหัวเมืองสยาม ย้อนกลับไป 100 ปี ก่อน การที่กษัตริย์เดินทางไปถิ่นทุรกันดารไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกรอยพระบาทที่ย่างไปถึงนำความร่มเย็นเป็นสุขสู่พสกนิกร ภาพแฝงด้วยพระเมตตา บางภาพสะท้อนทรงรักษาบ้านเมืองเอาไว้ ภาพของรัชกาลที่ 5 กับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย แสดงถึงไทยเป็นอารยประเทศไม่ใช่ใครเหยียบย่ำได้ ภาพเหล่านี้เหมือนประโยคที่ว่า “หนึ่งภาพมีค่ามากกว่าคำพูดเป็นพันคำ”  นิทรรศการพิเศษทั้ง 2 ครั้ง ประสบผลสำเร็จ   เชื่อมั่นว่า ครั้งนี้จะนำความรู้และความเพลิดเพลินผ่านฟิล์มมาไว้ใกล้ตัว “ นายพนมบุตร กล่าว

นายนิติกร กรัยวิเชียร ผู้แทนมูลนิธิสิริวัฒนภักดี กล่าวว่า มูลนิธิฯ ให้ความสำคัญฟิล์มกระจกมรดกวัฒนธรรมของประเทศไทย  การถ่ายภาพเป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคน ภาพถ่ายเป็นสื่อที่เข้าถึงได้ง่ายและมีความผูกพันกับภาพถ่าย ภาพถ่ายเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 3 แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่สมัยรัชกาลที่ 4 มีหลักฐานภาพถ่ายมากมาย ทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์และให้ความสำคัญการถ่ายภาพนวัตกรรมใหม่  ภาพถ่ายฟิล์มกระจกที่อยู่ในการดูแลของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติมีอายุ 160 ปี ขึ้นไป ต้องสืบทอดสู่ลูกหลานผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้ไม่ต้องแตะต้องต้นฉบับ ปัจจุบันแสกนเป็นไฟล์ดิจิทัล 40,000 ภาพในคลัง  โดยมีคณะกรรมการชำระภาพถ่ายตั้งเป้า 1,000 ภาพต่อปี ต้องใช้เวลา 40 ปีจะแล้วเสร็จ เป็นภารกิจที่คนรุ่นหลังต้องสืบสานต่อไป สำหรับนิทรรศการพิเศษเป็นการต่อยอด ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน มีความครีเอทีฟและวางแนวทางออกแบบนิทรรศการที่เป็นประโยชน์ต่อประวัติศาสตร์ไทย ทั้งนี้ ได้สนับสนุนการจัดพิมพ์หนังสือ”หนึ่งพันภาพประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ เล่มที่ 3 “ ด้วย

ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน ภัณฑารักษ์และผอ.โครงการ กล่าวว่า ส่วนตัวชอบถ่ายภาพ  ฟิล์มกระจกเป็นฟิล์มชนิดหนึ่งที่มีภาพในลักษณะเนกาทีฟและโพสซิทีฟปรากฏบนแผ่นกระจก เสน่ห์ของภาพถ่ายฟิล์มกระจกมาจากวิธีที่บ่งบอกฝีมือผู้ถ่ายภาพ เป็นศิลปะที่ยิ่งใหญ่ผสมผสานวิทยาศาสตร์กับศิลปะไว้ เสน่ห์อยู่ที่ความไม่สมบูรณ์ของภาพ ที่น่าสนใจภาพถ่ายเป็นการเก็บเสี้ยววินาทีที่แสงสะท้อนจากบุคคลจริง วัตถุจริง สถานการณ์จริง บันทึกช่วงเวลาประวัติศาสตร์ การกลับไปดูภาพถ่ายฟิลม์กระจกเหมือนกลับมามีชีวิตและเป็นอมตะ

การจัดนิทรรศการภาพถ่ายฟิล์มกระจก ครั้งที่ 3  ผอ.โครงการ เผยได้รับแรงบันดาลใจจากโรล็องด์ บาร์ตส์ (Roland Barthes) นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสผู้กำลังโศกเศร้าต่อการสูญเสียแม่ในนิยาย Camera Lucida บาร์ตส์ค้นภาพถ่ายภาพแล้วภาพเล่า ด้วยความหวังว่าจะเจอแม่ที่แท้จริง บาร์ตส์แยกองค์ประกอบและพิจารณาภาพถ่ายในฐานะงานศิลปะอย่างหนึ่ง ผ่านมุมมองของผู้สังเกตการณ์ เขาสงสัยว่าเหตุใดภาพบางภาพจึงตรึงสายตาของเขามากกว่าภาพอื่นๆ บาร์ตส์ตั้งคำถามว่า “เราจะเปลี่ยนวิธีที่เรามองภาพถ่ายได้อย่างไร”   

“ จากภาพถ่ายฟิล์มกระจกกว่า 1,000 ภาพ ใช้เวลาหลายเดือนคัดเลือกเหลือ 300 ภาพเบื้องต้น ดูจากอารมณ์ความรู้สึกของภาพ ทัศนคติ ความเชื่อมโยงทางด้านศิลปวัฒนธรรม โดยไม่ได้คิดถึงประวัติศาสตร์ในภาพหรือไทม์ไลน์ จนกระทั่งได้ 84 ภาพ นำมาจัดนิทรรศการ Circles of Centres เป็นการบันทึกช่วงเวลาอันโดดเด่นในประวัติศาสตร์สยาม ซึ่งประวัติศาสตร์ขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรื่องราวในภาพเกิดขึ้นเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ภาพถ่ายส่วนใหญ่มาจากช่วงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ ทรงนำพาประเทศผ่านความสับสนและความตึงเครียดของยุคเปลี่ยนผ่านจากจุดศูนย์กลางของมณฑลหรือมันดาลา (Mandala) ตามคติโบราณที่ไร้พรมแดน ไปสู่การรักชาติหรือการเป็นรัฐชาติสมัยใหม่ที่มีเขตแดนชัดเจนและโครงสร้างราชการที่เป็นระบบ นิทรรศการยังสะท้อนภาพชีวิตอันหลากหลายของพระองค์ ไม่เพียงในกรุงเทพฯ แต่ยังรวมถึงการเสด็จประพาสหัวเมืองสยาม อันเป็นส่วนหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป ตั้งแต่ประจวบคีรีขันธ์ไปถึงสงขลา เรื่อยไปจนถึงรัฐสุลต่านต่างๆ ทางตอนใต้ เช่น ตรังกานู อยากชวนทุกคนมาเดินทางและสร้างประสบการณ์ผ่านภาพถ่ายฟิลม์กระจก”  ท่านผู้หญิงสิริกิติยา กล่าว และชวนเปิดมุมมองภาพถ่ายที่มากกว่าความสวยงามในนิทรรศการครั้งสำคัญที่จะเกิดขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมศิลป์ เตรียมบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม ค้นพบ 20 ต้น ใช้ในพระราชพิธีพระบรมศพพระพันปีหลวง

นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการออกแบบพระเมรุมาศ และอาคารประกอบ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายหลังจากสำนักสถาปัตยกรรม

'ไทยเบฟ'หนุนช้างศึกชิงเจ้าอาเซียน เปิด'อะคาเดมี่'เป็นสนามซ้อม ตั้งเป้าคว้าทองซีเกมส์2025

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ “ไทยเบฟ” ผู้สนับสนุนหลักวงการฟุตบอลไทยมากว่า 25 ปี มุ่งมั่นสร้างรากฐานความยั่งยืนของกีฬาในทุกมิติ ตั้งแต่ระดับเยาวชน ผ่านโครงการต่างๆ พร้อมถ่ายทอดแนวคิด Sportsmanship เพราะ มากกว่ากีฬา คือ น้ำใจนักกีฬา พร้อมส่งทัพช้างศึกฟุตบอลทีมชาติไทยชุด U-23 และสนับสนุนสนามซ้อม “ไทยเบฟ ฟุตบอล อะคาเดมี่” ตั้งเป้าทวงบัลลังก์แชมป์ในการแข่งขันมหกรรมกีฬา “ซีเกมส์” ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดย “ไทยเบฟ” ร่วมผลักดันและพัฒนาวงการกีฬาของไทยบนเวทีนานาชาติ ในฐานะ Official Bronze Sponsor

"ไทยเบฟ" ได้รับรางวัลในสาขาความเป็นเลิศด้านผู้นำ และความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน จากเวที TMA Excellence Awards 2025

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลระดับ Distinguished สาขาความเป็นเลิศด้านผู้นำ (Leadership Excellence Award) และ สาขาความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน

“ผ้าห่มผืนเขียว” สัญลักษณ์ของรอยยิ้ม และความอบอุ่น สู่สังคมแห่งการ “ให้” ที่ยั่งยืน

ส่งท้ายการเดินทางของคาราวาน “ผ้าห่มผืนเขียว” โครงการ “ไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว” ปีที่ 26 ที่ได้ออกเดินทางส่งมอบรอยยิ้ม และความอบอุ่นครอบคลุมพื้นที่ 15

ไทยเบฟ ระดมจัดส่งน้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ช่วยเหลือผู้ประสบมหาอุทกภัย อย่างต่อเนื่อง

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ”) ร่วมส่งน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบมหาอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง โดยผสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อเร่งระดมความช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ