
แม้ประเทศไทยจะเดินหน้านโยบายควบคุมและปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด ทั้งในด้านกฎหมาย การสกัดกั้นตามแนวชายแดน และการบำบัดฟื้นฟูผู้เสพ แต่ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นวิกฤตเรื้อรังที่ฝังลึกในสังคมไทย เนื่องจากปัจจุบันสารเสพติดมีการพัฒนาในรูปแบบที่หลากหลาย เข้าถึงง่ายและกระจายได้รวดเร็ว โดยเฉพาะยาเสพติดสังเคราะห์ที่แพร่ระบาดในกลุ่มเยาวชน อย่างไรก็ตาม “ยาบ้า” ยังคงเป็นสารเสพติดหลักที่สร้างปัญหาหนักที่สุด ทั้งในแง่จำนวนผู้เสพ การจับกุม และผลกระทบทางสังคม ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งที่น่ากังวลคือ ผู้เสพจำนวนไม่น้อยอาจเข้าสู่วงจรอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมจากการเสพ เช่น ความรุนแรงในครอบครัว การลักทรัพย์ หรืออาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลให้ปัญหาลุกลามต่อเนื่องและยากต่อการควบคุม ดังนั้น การรับมือกับยาเสพติดจึงไม่ใช่เพียงการจัดการกับ ยาเสพติด เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคน และโครงสร้างสังคม ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการหยุดยั้งวงจรนี้อย่างยั่งยืน
ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด ( ป.ป.ส.) จัด กิจกรรมรณรงค์และประชาสัมพันธ์เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก (26 มิถุนายน) ประจำปี 2568 คอนเสิร์ตต่อต้านยาเสพติด Music Against Drugs 2025 ภายใต้คำขวัญ Stop Drugs, Start Power สร้างพลังไทย หยุดภัยยาเสพติด เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีพื้นที่ในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ และลดความเสี่ยงต่อการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยมีศิลปินชื่อมากมายมาร่วมให้ความสนุกในวันที่ 15 มิถุนายน บริเวณนิคมอุสาหกรรมลาดกระบัง เวลา 15.30-23.00 น และ วันที่ 21 มิถุนายน บริเวณอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.)กล่าวว่า ข้อมูลจากการวิจัยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่าประเทศไทยมีผู้ใช้ยาเสพติดประมาณ 1.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1.5 ล้านคนเสพยาบ้า 170,000 คนเสพยาไอซ์ และ 150,000 คนเสพเฮโรอีน ส่วนที่เหลือใช้สารเสพติดประเภทอื่น เช่น สารผสมสังเคราะห์ หรือยาน้ำรูปแบบใหม่ โดยมีผู้ใช้ยาอย่างต่อเนื่อง 20–30 วันต่อเดือนถึง 300,000 คน แบ่งเป็นยาบ้า 280,000 คน, ไอซ์ 10,000 คน และเฮโรอีน 15,000 คน
โดยการวิจัยมาจากประชากรไทยราว 64 ล้านคน และกรองเฉพาะกลุ่มอายุ 12–65 ปี ซึ่งมีประมาณ 50 ล้านคน ในจำนวนนี้มี 1.9 ล้านคน พบว่าอัตราการใช้สารเสพติดอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่ถือเป็นกลุ่มเปราะบาง นอกจากนี้ ยังพบว่าสารเสพติดที่ใช้แตกต่างกันตามระดับฐานะและพื้นที่ เช่น กลุ่มคนรายได้น้อยมักใช้ยาบ้าเพราะราคาถูกและเข้าถึงง่าย ส่วนกลุ่มรายได้สูงมีแนวโน้มใช้ยาไอซ์ หรือสารเสพติดผสมใหม่ ๆ อย่างแฮปปี้วอเตอร์ และลาบูบู้ ที่กำลังนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่
เลขาธิการ ป.ป.ส.กหล่าวต่อว่า สำหรับ ยาบ้า ซึ่งหลายคนอาจไม่ทราบว่าในปัจจุบันยาบ้าไม่ได้มีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีน 100% อีกต่อไป ตัวอย่างเช่น ยาเม็ดหนึ่งอาจมีเมทแอมเฟตามีนเพียง 20% ที่เหลืออีก 80% อาจเป็นสารอื่น เช่น คาเฟอีน หรือสารที่อันตรายต่อสมอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำลายระบบประสาทของเยาวชนอย่างรุนแรง

“สิ่งที่น่าห่วงคือ ผู้เสพจำนวนไม่น้อยมีแนวโน้มเข้าสู่วงจรอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นการลักทรัพย์ ความรุนแรงในครอบครัว หรือการฆาตกรรม สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบเชิงโครงสร้างที่ลุกลามจากปัญหายาเสพติด หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้คนเข้าสู่วงจรยาเสพติดคือ ความขาดแคลนความอบอุ่นจากครอบครัว งานวิจัยหลายชิ้นชี้ชัดว่า ความสัมพันธ์ในครอบครัวมีผลโดยตรงต่อพฤติกรรมการเสพยา และเป็นหัวใจของการป้องกันปัญหาในระยะยาว” เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าว
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึงการทำงานของภาครัฐแม้จะมีนโยบายเชิงรุก ทั้งด้านกฎหมาย การบำบัด การปราบปราม และความร่วมมือระหว่างประเทศ แต่หากขาดการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนและชุมชน ก็ยากที่จะจัดการปัญหาได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทซึ่งยังมีความสัมพันธ์แบบชุมชนครอบครัว เพราะสิ่งสำคัญกับบทบาทของครอบครัวและชุมชน ตนมักจะพูดเสมอว่า “ยาเสพติดกลัวครอบครัวที่อบอุ่น กลัวองค์กรที่เข้มแข็ง” ซึ่งแม้จะเป็นคำพูดที่เรียบง่าย แต่การนำไปปฏิบัติจริงนั้นไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้นจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐ แต่รวมถึงทุกคนในครอบครัวและชุมช ครอบครัวไม่จำเป็นต้องร่ำรวย แต่ขอให้มีความรัก ความเข้าใจ และดูแลกันอย่างใกล้ชิด เพราะสิ่งเหล่านี้คือภูมิคุ้มกันทางใจที่สำคัญของลูกหลาน
ทั้งนี้ในทุก 5 ปี จะมีการทบทวนประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อประเมินว่านโยบายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการป้องกัน ปราบปราม การบำบัด และการสร้างความร่วมมือกับนานาประเทศ ยังตอบโจทย์สถานการณ์หรือไม่ ซึ่งจะเป็นภารกิจสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันขับเคลื่อนต่อไป

เบเนดิกต์ ฮอฟมันน์ ผู้แทนสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มการใช้ยาเสพติดทั่วโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้น ทั้งในด้านปริมาณการผลิตและจำนวนผู้เสพ โดยเพราะการเปลี่ยนแปลงจากการใช้สารเสพติดที่สกัดจากพืช เช่น ฝิ่นหรือเฮโรอีน ไปสู่ยาเสพติดสังเคราะห์อย่างเมทแอมเฟตามีน หรือที่รู้จักกันในชื่อยาบ้า ซึ่งกลายเป็นปัญหาสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แทนที่ยาเสพติดแบบดั้งเดิมที่เคยมีบทบาทหลักในอดีต โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการผลิตและการลักลอบขนส่งยาเสพติดสังเคราะห์
ผู้แทน UNODC กล่าวต่อว่า ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ยาบ้ายังคงเป็นปัญหาหลัก เนื่องจากมีราคาถูกและเข้าถึงได้ง่าย ขณะเดียวกันก็เริ่มพบการใช้สารเสพติดชนิดใหม่ เช่น แฮปปี้วอเตอร์ ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มเยาวชนโดยเฉพาะในสถานบันเทิง สารเหล่านี้มักผลิตจากสารเคมีหลากหลายชนิด ทำให้ควบคุมได้ยากยิ่งกว่ายาเสพติดในอดีต
ผู้แทน UNODC กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลเป็นพิเศษคือ พื้นที่ที่ยังมีปัญหาเรื่องการปกครอง โดยเฉพาะในรัฐฉานของเมียนมา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ แม้จะยังคงมีการปลูกฝิ่นและผลิตเฮโรอีนอยู่บ้าง แต่ปัจจุบัน ยาเสพติดสังเคราะห์โดยเฉพาะยาบ้าได้กลายเป็นชนิดหลักที่ผลิตในพื้นที่นี้แล้ว อีกทั้งยังมีการขยายแหล่งผลิตไปยังพื้นที่อื่น แม้จะยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับรัฐฉาน
ผู้แทน UNODC อธิบายถึงบริเวณพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง ยังคงเผชิญกับปัญหาสุญญากาศทางอำนาจรัฐ ซึ่งหมายถึงการที่รัฐบาลควบคุมพื้นที่ได้ไม่ทั่วถึง ส่งผลให้กลุ่มอาชญากรใช้ช่องว่างนี้ร่วมมือกับกลุ่มที่มีอำนาจในพื้นที่เพื่อขยายการผลิตและค้ายาเสพติดอย่างเป็นระบบ หรือสถานการณ์ความขัดแย้งและความไม่มั่นคงภายในเมียนมา ยิ่งทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น เพราะแม้รัฐจะอ่อนแอลง แต่กลุ่มติดอาวุธบางกลุ่มสามารถสร้างความมั่นคงในพื้นที่ที่ตนควบคุมไว้ได้ ทำให้สภาพแวดล้อมเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการผลิตยาเสพติด

“แม้รัฐบาลไทยจะเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนตอนเหนือและตะวันตก แต่ขบวนการค้ายายังคงปรับเปลี่ยนเส้นทาง โดยเริ่มหันมาใช้ชายแดนตะวันออก ระหว่างไทยกับกัมพูชาและลาว ซึ่งกำลังกลายเป็นเส้นทางหลักในการลักลอบนำยาเข้าสู่ภาคใต้ของไทย และกระจายไปยังประเทศอื่น ในแง่ของผู้ใช้ พบว่าเยาวชนยังเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ เนื่องจากยาเสพติดสังเคราะห์มีราคาถูกและเข้าถึงง่าย บางชนิดถูกผลิตในรูปแบบที่ดูน่ารัก สีสันสดใส หรือคล้ายขนม เช่น ลูกอม ทำให้เยาวชนเข้าไม่ถึงข้อมูลความอันตราย และอาจถูกจูงใจให้ลองใช้ได้ง่ายขึ้น” ผู้แทน UNODC กล่าว
ผู้แทน UNODC ทิ้งท้ายว่า โดยรวมคาดว่าการผลิตยาในพื้นที่อย่างรัฐฉานจะยังคงดำเนินต่อไปเนื่องจากผลประโยชน์มหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศอย่างไทยกำลังเร่งเสริมความเข้มข้นทั้งด้านการปราบปรามและการป้องกัน ซึ่งอาจช่วยลดการใช้ยาเสพติดในประเทศได้ แม้ว่าในระดับภูมิภาคโดยรวม แนวโน้มการใช้ยาอาจยังคงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการป้องกันในบางประเทศเริ่มเห็นผล เช่น โครงการ Music Against Drugs ที่ใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางในการรณรงค์กับเยาวชน ซึ่งช่วยลดการใช้ยาในบางพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เรนวูดกรุ๊ป'ชวนแฟนลูกเด้ง ช่วยเชียร์เด็กไทย สู้ศึกเยาวชนชิงถ้วยมิตรภาพไทย-จีน
เรนวูด กรุ๊ป (Reignwood Group) และมูลนิธิเรนวูด (ประเทศไทย) เดินหน้าสนับสนุนเต็มกำลังในการพัฒนาด้านกีฬาแก่เยาวชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญชวนแฟนกีฬาลูกเด้งเช้าชมการแข่งขันและร่วมเชียร์เด็กไทยสู้ศึก “เทเบิลเทนนิสเยาวชนชิงถ้วยมิตรภาพไทย-จีน 2568” (2025 Thailand–China Friendship Youth Table Tennis Championship) เฉลิมฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในวันที่ 6-7 ธ.ค.นี้ ณ โรงยิมโรงเรียนนานาชาติ KIS (KIS International School Reignwood Park)
ท่วมหนักซ่อนยา! รวบ 'ไข่นุ้ย' หนีน้ำขนยาบ้าเข้าบ้าน
ตำรวจ-ปปส.บุกบ้านหมู่ 8 ไทยบุรี ท่าศาลา รวบผู้ต้องสงสัยค้ายารายใหญ่ หลังลำเลียงยาบ้า 38,750 เม็ดหนีน้ำท่วมมาซ่อนไว้ในบ้าน ก่อนพบซุกแนบเนียนในกระป๋องคอลลาเจนหลายใบ
กก.ดส. บุกจับคู่รักขายหัวจ่าย 'พอตซอมบี้' ยึดของกลางเพียบ
ชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) นำโดย พ.ต.ต.ยศชนินทร์ ประเสริฐโสภา สว.กก.ดส.บช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชปส.ดส. ร่วมกับ เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.กทม.
ป.ป.ส. จับชาวเวียดนาม 5 ราย ยึดเฮโรอีนเกือบ 3 กก. เตรียมส่งออสเตรเลีย
ป.ป.ส. สกัดกั้นเครือข่ายเวียดนามข้ามชาติ ซุกเฮโรอีนส่งออสเตรเลีย ขยายผลค้นห้องพักกลางกรุง ยึด “คลับดรักส์” เตรียมกระจายนักเที่ยว
กองกำลังผาเมือง ปะทะแก๊งขนยาเสพติดชายแดนเชียงใหม่ ยึดยาบ้า 5 แสนเม็ด
กองกำลังผาเมือง ปะทะกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ยึดยาบ้า จำนวน 500,000 เม็ด ในพื้นที่ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
นายกฯ นำคณะขึ้นเหนือตรวจแม่น้ำปิง-ปราบยาเสพติด
นายกฯ นำคณะบินเหนือ ลงพื้นที่เชียงใหม่ตรวจราชการศักยภาพแม่น้ำปิง -ปล่อยปลาน้ำจืด 1 แสนตัว พร้อมร่วมแถลงผลคดีต่างด้าว-ยาเสพติด ยันเน้นงานราชการ การเมืองไว้ก่อน


