NIA จับมือ UNIDO ปั้นสตาร์ทอัพไทยขับเคลื่อนซีเมนต์–คอนกรีตคาร์บอนต่ำ

 เวทีเสวนาโดยผู้แทนจากองค์กร UNIDO – NIA – TCMA – TCA

โครงการก่อสร้างจึงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทั้งตึกสูง ถนน บ้าน และโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีซีเมนต์และคอนกรีตเป็นวัสดุหลัก แต่เบื้องหลังความมั่นคงแข็งแรงเหล่านี้กลับแฝงด้วยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก จากรายงานของธนาคารกรุงเทพ ซีเมนต์เป็นวัสดุที่มีการใช้มากเป็นอันดับสองของโลกรองจากน้ำเมื่อผสมน้ำจะกลายเป็นคอนกรีต ซึ่งเป็นหัวใจของงานก่อสร้างทั่วโลก ส่งผลให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์กลายเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ คิดเป็น 7–8% ของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก มากกว่าภาคการบินรวมกัน

เมื่อการผลิตซีเมนต์ 1 ตัน ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ราว 900 กิโลกรัม และด้วยการผลิตทั่วโลกที่มากกว่า 4 พันล้านตันต่อปี ส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 3.6 พันล้านตัน นับเป็นโจทย์สำคัญของโลกท่ามกลางวิกฤตโลกร้อนที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) จึงได้จัดงาน Open House เปิดตัวโครงการ “Innovation Acceleration Programme for Decarbonization of the Cement and Concrete Industries” โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งขับเคลื่อนผู้ประกอบการไทยให้หันมาใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมหลักของประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และคอนกรีตในประเทศไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 8 ล้านดอลลาร์แคนาดา จากกระทรวงสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของแคนาดา (ECCC) เพื่อสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการ นักวิจัย ที่มีผลงานเทคโนโลยีระดับ TRL 6 ขึ้นไป ในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เชื่อมต่อกับภาคอุตสาหกรรมซีเมนต์ คอนกรีต และก่อสร้าง ให้มีโอกาสได้นำเทคโนโลยีไปใช้งานจริง และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการ Innovation Acceleration Programme for Decarbonization of the Cement and Concrete Industries มีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมสตาร์ทอัพไทยที่มีเทคโนโลยีด้าน Climate Tech หรือ Green Technology รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยคาร์บอน (Decarbonization) และ Net Zero Emission ให้นำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมซีเมนต์และคอนกรีต

ดร.กริชผกา กล่าวว่า การได้งบประประมาณสนับสนุนในครั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาไทยมีการพัฒนากลุ่ม Climate Tech มาต่อเนื่องกว่า 2–3 ปี และผลงานชัดเจนมากพอ และการเลือกสตาร์ทที่จะพัฒนานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีในกลุ่มอุตสาหกรรมซีเมนต์และคอนกรีต เพราะเป็นหนึ่งในภาคการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมค่อนข้างสูง ทั้งในแง่ของการทำลายภูเขา ฝุ่นละออง ความร้อน และมลภาวะอื่น ๆ จึงเชื่อว่าสตาร์ทอัพไทยจะสามารถเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เช่น การออกแบบคอนกรีตให้แข็งแรงขึ้นโดยใช้ซีเมนต์น้อยลง การใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตบล็อกคอนกรีต ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถช่วยลดต้นทุน ลดของเสีย และสร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ในอุตสาหกรรม

“โครงการนี้ยังเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพได้ทดลองใช้งานจริงกับภาคอุตสาหกรรม โดยมีการจับคู่ระหว่างผู้พัฒนาเทคโนโลยีกับผู้ใช้งานจริง เช่น สมาคมคอนกรีตและซีเมนต์ หรือบริษัทใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่าง SCG ปูนอินทรีย์ ฯลฯ โดยข่วงที่เปิด Open House คาดว่าจะมีสตาร์ทอัพให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 50 ราย แต่สุดท้ายจะคัดเลือกผู้ที่มีความพร้อมเข้าสู่กระบวนการทดลองใช้งานจริงจำนวนประมาณ 5 ราย  และอาจจะเพิ่มจำนวนอีก 5 ราย หากมีสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ” ดร.กริชผกา กล่าว

สำหรับสตาร์ทอัพไทย ดร.กริชผกา ให้ความเห็นว่า เป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพสูง แม้ว่าเราจะเริ่มช้ากว่าประเทศอื่น เช่น สหรัฐฯ หรือสวีเดน แต่ถ้ามองในระดับภูมิภาค เช่น เวียดนาม ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน และเรามีระบบนิเวศที่พร้อม ทั้งในแง่ของงานวิจัยในมหาวิทยาลัย ความร่วมมือจากภาคเอกชน และความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ โครงการนี้จึงเป็นทั้งโอกาสและเวทีสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพไทยในการเติบโต และสร้างผลกระทบในระดับโลก

 ดร.กริชผกา  กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของ NIA ได้มีการเตรียมงบประมาณจำนวน 900 ล้านบาท ในการสนับสนุนสตาร์ทอัพใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรม  ได้แก่ 1.อาหารเกษตรมูลค่าสูง 2.การแพทย์ 3.การท่องเที่ยว 4.สภาพภูมิอากาศและ EV และ 5.Soft Power ด้านความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรม

ด้านศุภฤกษ์ คณาสุข ผู้ประสานงานโครงการจากองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) กล่าวว่า นวัตกรรม เป็นองค์ประกอบสำคัญที่โครงการมุ่งสนับสนุน โดยมีเป้าหมายหลักในการเสริมสร้างศักยภาพสตาร์ทอัพในประเทศ เพื่อให้มีขีดความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีที่แข่งขันได้ในระดับโลก และไม่ได้มุ่งเพียงการบ่มเพาะธุรกิจใหม่ แต่ยังเน้นการจับคู่กับผู้ใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการต่อยอดอย่างเป็นรูปธรรม

Photo_By_Kan

“พร้อมทั้งเตรียมผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาร่วมให้คำปรึกษา ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยี มองไกลกว่าระดับประเทศ โดยคาดหวังให้ผู้ประกอบการสามารถเติบโตสู่ตลาดสากลได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเหตุผลที่โครงการถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างเต็มที่” ศุภฤกษ์ กล่าว

มนสิช สาริกะภูติ คณะทำงานสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมซีเมนต์ยังคงใช้พลังงานความร้อนในกระบวนการผลิตสูง โดยเฉพาะการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลัก ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก โดยในปี 2020 การผลิตซีเมนต์ปล่อยคาร์บอนคิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของทั้งอุตสาหกรรม ทั้งนี้ผู้ผลิตซีเมนต์ในปัจจุบันจึงเริ่มหันมาใช้เชื้อเพลิงทดแทน เช่น ไบโอแมสหรือขยะจากชุมชน ซึ่งสามารถลดการใช้ถ่านหินได้ประมาณ 30% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพและเทคโนโลยีของแต่ละโรงงาน การมีนวัตกรรมเพื่อใช้ผลิตเชื้อเพลิงทางเลือกจึงมีบทบาทสำคัญ ไม่เพียงเฉพาะในอุตสาหกรรมซีเมนต์ แต่ยังรวมถึงทุกอุตสาหกรรมที่ยังต้องพึ่งพาถ่านหินอีกด้วย

มนสิช กล่าวต่อว่า ความท้าทายหลักของอุตสาหกรรมซีเมนต์คือ การเปลี่ยนผ่านจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการสร้างแรงจูงใจและนโยบายที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านเทคโนโลยี เงินทุน และการสร้างตลาดใหม่ร่วมกัน รวมถึงการสนับสนุนสตาร์ทอัพที่มีผลงานด้านนวัตกรรมที่มีประโยชน์จ่อภาคอุตสาหกรรม

โครงการนี้เปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมตั้งแต่วันนี้- 23 มิถุนายน 2568 โดยมุ่งเน้นสตาร์ทอัพและนักพัฒนาเทคโนโลยี ด้าน Process Improvement Technology  เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต, Waste Circular Technology  เทคโนโลยีด้านการรีไซเคิล/หมุนเวียนของเสีย, Decarbonization Technology  เทคโนโลยีลดการปล่อยคาร์บอนหรือก๊าซเรือนกระจก

โดยสามารถอ่านรายละเอียดโครงการได้ที่ https://acceleratedecarbonize.nia.or.th/ และสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ https://acceleratedecarbonize.nia.or.th/application-forms/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่คุณนิมิต นิพัทธ์ธรรมกุล ผู้จัดการพัฒนานวัตกรรม ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรม โทรศัพท์: 02-017 5555 ต่อ 545 มือถือ : 08 9414  7411 หรืออีเมล : [email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

NIA - อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดรับสมัครสตาร์ทอัพ-เอสเอ็มอีด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ร่วมบ่มเพาะและทดลองตลาด สร้างนวัตกรรมสู่โรงงานอัจฉริยะ

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เปิดเผยว่า NIA ร่วมกับ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ (Startup), เอสเอ็มอี (SME)

ถอดรหัส เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ เติบโตสวนกระแสตลาดก่อสร้างพัฒนา 'ปูนเอสซีจี คาร์บอนต่ำ' รายแรกของไทยบุกตลาดโลก

ทำไมปูนเอสซีจี คาร์บอนต่ำได้รับการยอมรับระดับโลก ส่งออกสู่อเมริกา 1.3 ล้านตัน แคนาดา ออสเตรเลีย อาเซียน