ในวันที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี เขายังฝากแผน “รีดไขมันกองทัพ” ไว้ให้บ้านเมือง แผนที่พูดง่ายเหมือนโฆษณา แต่ในสนามจริงอาจใช้เวลานานกว่าที่เจ้าของแผนจะมีสิทธิ์กลับมาทดสอบด้วยตัวเอง
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ทุ่นระเบิด ไม่ได้สนใจว่าผู้เหยียบคือพลทหาร หรือผู้บังคับบัญชาระดับนายพล มันเพียงแต่รอเวลา กดไกทำลายร่างใครก็ตามที่ก้าวผิดจังหวะ เหตุการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่เพิ่งคร่าขาและชีวิตของทหารไทยหลายราย คือภาพจริงที่ไม่อาจซ่อนใต้คำพูดสวยหรูได้อีกต่อไป
ในจังหวะที่เสียงปืนเพิ่งเงียบลงจากการเจรจา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็โยนข้อเสนอชุดใหญ่ลงบนโต๊ะการเมือง ข้อเสนอที่เขาเรียกว่า “รีดไขมันกองทัพ” และหั่นงบส่วนที่ไม่จำเป็นไปลงทุนกับ เทคโนโลยีความมั่นคงสมัยใหม่ เพื่อ “ยกระดับกองกำลังชายแดน”
พิธาพูดถึง UAV แบบ VTOL ที่บินได้ทั้งวันทั้งคืน, ระบบ AI surveillance ประมวลผลเรียลไทม์, หมวกนิรภัยอัจฉริยะ และหุ่นยนต์เก็บกู้ทุ่นระเบิด ทั้งหมดฟังดูเหมือนแผนการที่ไม่มีใครค้านได้ เพราะใครจะไม่อยากเห็นทหารกลับบ้านโดยครบ 32 ชิ้นส่วนร่างกาย?
แต่ปัญหาของข้อเสนอนี้ ไม่ใช่เพราะมัน “ไม่ดี” หากแต่เพราะมันตั้งอยู่บนภาพฝันที่ถูกวาดบนกระดาษเรียบ และอาจไม่เหลือเส้นเดียวเมื่อกระดาษนั้นเปียกโคลนชายแดนจริง ๆ
คนที่ติดตามพิธามาตั้งแต่เวทีหาเสียงย่อมจำได้ว่า เขาเคยพูดประโยคที่กลายเป็นดาบสองคม “ทหารมีไว้ทำไม?”, “ทุกวันนี้ประเทศใกล้ๆกันมันไม่ทะเลาะกันแล้ว”, และ “รบไปผมก็ไม่เชื่อว่าคุณจะชนะ”
ในช่วงเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชาที่ผ่านมา คำพูดเหล่านี้ถูกขุดมาซ้ำและโจมตีอย่างหนักบนโซเชียล จนพิธาต้องออกมาแก้ต่างผ่านสื่อว่า “ทหารมีไว้ป้องกันประเทศ ไม่ใช่มีไว้ปกครองประเทศ” แต่แม้จะชี้แจงแล้ว ภาพจำเดิม ก็ยังฝังอยู่ในสายตาฝ่ายตรงข้าม ว่าเขามองกองทัพจากมุมตรงข้ามเสมอ
ดังนั้น “รีดไขมัน” จึงไม่ใช่เพียงการลดความสูญเสียในศึกไทย–กัมพูชาที่กำลังเกิดขึ้น แต่ยังเป็นการวางหมากระยะยาวเพื่อลดบทบาทและอำนาจที่เขามองว่า “เกินขอบเขต” ของกองทัพไทย
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีไม่ใช่เวทมนตร์ และไม่เคยทำงานได้เพียงเพราะถูกซื้อมาใหม่ ตัวอย่างจากกองทัพสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่า แม้แต่ UAV รุ่นล่าสุดก็ยังเจอปัญหา GPS ดับ, ภาพตัด หรือชนต้นไม้ในป่าเยอรมนีเพราะผู้ใช้ไม่คุ้นชิน และระบบสนับสนุนไม่พร้อม
ถ้า “รีดไขมัน” แล้วนำงบไปซื้อของเหล่านี้ทันทีโดยไม่มีโครงสร้างรองรับหรือแผนฝึกเข้มข้น มันก็ไม่ต่างจากการซื้อเรือยอร์ชให้คนที่ว่ายน้ำไม่เป็น แล้วหวังให้เขาไปแข่งข้ามมหาสมุทร
เหตุการณ์ทหารเหยียบกับระเบิด กลายเป็นกระสุนให้กลุ่มการเมืองที่หนุนพิธาโพสต์ว่า “เห็นไหม ถ้าเชื่อพิธา ทหารอาจไม่ขาขาด” หรือบางคนก็เหน็บแรงว่า “เอานายพลไปแทนสิ ประเทศเรามีนายพลเกินพอ”
การเมืองแบบนี้เล่นง่าย แต่ทิ้งรอยแผลยาก เพราะมันใช้ ความเจ็บปวดของครอบครัวทหาร เป็นเครื่องมือพิสูจน์ความถูกต้องของฝ่ายตน โดยไม่สนว่าความจริงในสนามรบนั้นซับซ้อนกว่าที่ภาพบนโซเชียลบอกมากนัก
ข้อเสนอของพิธา แม้ตั้งอยู่บนเจตนาลดความสูญเสีย แต่ก็สอดคล้องกับภาพลักษณ์ต่อต้านกองทัพที่เขาสร้างมาตลอด ในสายตาฝ่ายตรงข้าม มันจึงถูกมองเป็นการ “ลดทอนศักยภาพ” มากกว่า “ยกระดับประสิทธิภาพ”
และนี่คือจุดที่ข้อเสนอนี้อาจไม่ทะลุทะลวงเพราะคนที่จะต้องใช้เทคโนโลยีจริง คือคนที่พิธาไม่เคยวางใจเต็มร้อย
กรณี Tower 22 ในจอร์แดน คือบทเรียนสด ๆโดรนติดระเบิดสังหารทหารสหรัฐฯ ทั้งที่มีระบบตรวจจับและแจ้งเตือนครบ เหตุเกิดเพราะความสับสนของคนปฏิบัติและช่องโหว่การสื่อสาร
เทคโนโลยีล้มเหลวไม่ใช่เพราะมันเก่า แต่เพราะ มนุษย์ที่ใช้มันไม่พร้อม เช่นเดียวกับกรณี UAV ในเยอรมนีที่ปัญหาเล็ก ๆ กลับหยุดภารกิจทั้งชุดได้
นี่คือสิ่งที่พิธาอาจประเมินต่ำไป การมีของล้ำ ≠ การใช้ได้ล้ำ ความพร้อมของบุคลากร, ระบบบำรุงรักษา, การประสานงาน และแม้แต่การสื่อสารในสนาม ต้องมาก่อนเครื่องบินไร้คนขับราคาแพง
ถ้าไม่สร้างสิ่งเหล่านี้ก่อน “รีดไขมัน” แล้วช็อปเทคโนโลยี อาจทำให้ประเทศได้ ของที่ใช้ไม่ได้ ในเวลาที่ต้องใช้จริงที่สุด
พิธาไม่ได้เสนอเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเหตุปะทะไทย–กัมพูชา เขามองไปไกลถึงอนาคต ว่ากองทัพไทยต้องมีเทคโนโลยีระดับแนวหน้าเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว
แต่ความจริงที่ “ฝังอยู่ใต้ดิน” ไม่ได้มีเพียงทุ่นระเบิดของกัมพูชา มันยังหมายถึงปัญหาฝังรากในกองทัพไทยเอง ตั้งแต่ระบบจัดซื้อที่วกวน, วัฒนธรรมใช้งบที่ไม่โปร่งใส, ไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาชนที่ไม่ไว้วางใจกัน
ถ้าข้อเสนอพิธาจะเกิดผลจริง ต้องไม่ใช่แค่ซื้อของดี แต่ต้องเปลี่ยนระบบให้พร้อมรับของดีด้วย และนี่คือสิ่งที่ในบทความต้นฉบับของพิธา พูดน้อยกว่าที่ควรจะพูด
การปฏิรูปกองทัพไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เพราะมันเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะมันต้องชนทั้งวัฒนธรรม อำนาจเก่า และความเชื่อของสังคมไทย
พูดบนเวทีหรือเขียนในบทความอาจดูง่าย แต่ในวันจริงที่ต้องทำ อาจเจอแรงต้านทุกตารางนิ้วในค่ายทหาร และกว่าจะเปลี่ยนได้ อาจต้องใช้เวลานานกว่าหนึ่งทศวรรษ
ในวันที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ข้อเสนอ “รีดไขมันกองทัพ” จึงเป็นเหมือนพิมพ์เขียวที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ แต่เจ้าของแผน อาจเหลือเวลาไม่มากพอที่จะได้เห็นด้วยตาตัวเอง ว่ามันรอดจากสนามจริงหรือจมอยู่ใต้ดินไปพร้อมกับทุ่นระเบิด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'มทภ.4' ระดม 400 นาย เร่งฟื้นฟู 'รพ.หาดใหญ่' ให้เสร็จวันนี้
'มทภ.4' กำชับทุกหน่วย-ทส. ระดมกำลังกว่า 400 นาย เร่งฟื้นฟูโรงพยาบาลหาดใหญ่ ปรับสภาพผิวจราจรโดยรอบให้เสร็จวันนี้ พร้อมลุยต่อถนนเส้นหลัก เปิดการจราจรให้ประชาชน ก่อนบิ๊กคลีนนิ่งเมืองทั้งหมด
'ผบ.ทสส.' สั่ง ศป.กฉ.ส่วนหน้า 8 ข้อ เร่งฟื้นฟู 'หาดใหญ่'
'ผบ.ทสส.' สั่ง ศป.กฉ.ส่วนหน้า 8 ข้อ จัดระเบียบ ‘ศูนย์พักพิง-การแพทย์’ เร่งเปิดระบบ ‘ไฟฟ้า-ประปา’ แจกถุงยังชีพ-อาหาร มาตรการ รปภ. เก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิต ตั้งจุดรวบรวมขยะ 4 พื้นที่ ย้ายยานพาหนะกีดขวาง
ทำอะไรไม่ได้ ! กองทัพภาค 2 แฉกัมพูชาขโมยลวดหนาม คาดล่อทหารไทยเข้าเขตสังหารซุกระเบิด
กองทัพภาค 2 แฉพบทหารเขมรขโมยลวดหนามออกจากพื้นที่ชายแดน บริเวณช่องระยี–ช่องเปรอ อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์
ทหารยกระดับคุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา ป้องรุกล้ำอธิปไตย
ทหารไทยหน่วยเฉพาะกิจรามนู กองกำลังนเรศวร พร้อมอาวุธปืนหนัก-รถยานเกราะ นำกำลังพลออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา และวางกำลังตามจุดล่อแหลม
ปลื้มปีติ กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทาน เสื้อกันหนาว-รองเท้าผ้าใบ แก่กำลังพลชายแดน
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทาน “เสื้อกันหนาว-รองเท้าผ้าใบ” แก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนและภารกิจต่างๆ
นักรบเก่า จวก 'บิ๊กเล็ก' โลกสวย ให้เจรจา-ยิงขู่ หากเขมรรุกล้ำ ชี้ทหารไทยตายก่อน
กรกต เกตุแก้ว อดีตนักรบเดนตายหลายสมรภูมิ ร้อย ทพ.จู่โจม 911 ค่ายปักธงชัย และนักเขียนวีรกรรมทหารพราน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Korakot Ketkaew" ระบุว่า “นักรบเก่าเตือนน้องอย่ายิงขู่”


