ระทึก60สส.ซํ้ารอยเอ๋ ปปช.ถอดคำพิพากษาตรวจสอบเป็นรายๆ‘พี่ศรี’จี้ให้เร่งรัด

ระทึก! "พี่ศรี-เอ๋" บุก ป.ป.ช.เร่งรัดสอบสวน ส.ส.ครอบครองที่ดินเข้าข่ายผิดจริยธรรมซ้ำรอย "ปารีณา"  ด้าน "ประเสริฐ" ไม่หวั่นยันชี้แจงได้หมด อ้างเป็นคนละเรื่องกับคดีปารีณา เลขาฯป.ป.ช.เผยกำลังตรวจสอบกรณีครอบครองที่ดิน ส.ส.อีก 50-60 ราย ชี้แต่ละเคสแตกต่างกัน ต้องดูเป็นรายๆ ไปได้มาถูกต้องหรือไม่ "โฆษกรัฐบาล" เย้ย พท.ฉายหนังตัวอย่างซ้ำซาก เผื่อใจไว้หน้าแตกด้วย อาจถูกนายกฯ น็อกกลางสภา   "ยุทธพงศ์" โวเปิดสภาศึกซักฟอกล้ม "บิ๊กตู่" แน่ พท.ลุยภูเก็ตตั้งเป้ามี ส.ส.ภาคใต้ฟื้นความยิ่งใหญ่เหมือนยุคไทยรักไทย

เมื่อวันอาทิตย์ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันจันทร์ที่ 11 เม.ย. เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นนทบุรี เพื่อขอให้เร่งรัดการไต่สวนสอบสวนกรณีสมาคมเคยยื่นร้องเรียนให้ตรวจสอบ ส.ส.อีกกว่า 10 ราย ที่ยึดถือครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.อยู่ในขณะเป็น ส.ส. ที่สมาคมเคยยื่นร้องเรียนไว้เมื่อปลายปี 2562 ว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ หลังจากศาลฎีกาฯ ได้วางบรรทัดฐานในกรณีนี้ในคดีปารีณาไว้แล้ว #กฎหมายต้องไม่เลือกปฏิบัติ

ขณะที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า #ลอยนวลพอเห็นคำว่า..มั่นใจรัฐบาลไปไม่รอดก็..อดไม่ได้ ที่จะถามประเสริฐไปว่า มีสติไหมตอนพูด ในเมื่อเห็นๆ อยู่ว่าหลังการอภิปรายก็รอดตลอด แต่ที่ไม่รอดคือปารีณา และท่านด้วย เพราะท่านก็แจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่าครอบครองที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิเหมือนกัน แล้วทำไมยังลอยหน้าลอยตาลอยนวลอยู่

ดังนั้น วันจันทร์นี้ ปารีณาจะไป ป.ป.ช. เพื่อนำคำพิพากษาศาลฎีกาไปประกอบเรื่องประเสริฐครอบครองที่ดินรัฐ จะได้ชี้มูลไม่ยาก และจะร้องให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการไต่สวนคดีของประเสริฐครอบครองที่ดินรัฐว่า มีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ เหตุใดคดีปารีณาเร็ว คดีของประเสริฐล่าช้ามาก

ป.ล. ขอบคุณเสียงประทัดที่คู่แข่งส่งคนมาจุดแล้วเรียกนักข่าวมาทำข่าว ฉลองปารีณาหลุด ส.ส. ทำให้ปารีณาขึ้น!!!! และหยุดร้องไห้ ต่อไปปารีณาจะแรงกว่าเก่า 1 ล้านเท่าค่ะ

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่อยากโต้อะไรกับ น.ส.ปารีณา ในเรื่องนี้ หรือไปกล่าวพาดพิง น.ส.ปารีณา ยืนยันว่าไม่ได้หวั่นไหวหรือวิตกกังวลอะไร ซึ่งก็พร้อมอยู่แล้วไม่มีปัญหา สามารถชี้แจงได้หมด และในกรณีของตนก็เป็นคนละเรื่องกับคดีของ น.ส.ปารีณา ด้วย

นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีมีชื่อหลังจากสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญได้ยื่นเรื่อง ป.ป.ช. เอาผิดจริยธรรมร้ายแรง ส.ส.ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.และ ภ.บ.ท.5 ว่าเป็นสิทธิ์ที่องค์การดังกล่าวจะยื่นตรวจสอบได้ และการครอบครองของแต่ละคนก็ไม่มีเหมือนกัน และในส่วนที่ดิน ส.ป.ก.ที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ผู้ครอบครองคือพ่อตา ที่ จ.บุรีรัมย์ ที่ได้รับสิทธิมาถูกต้องในการทำการเกษตร ทำนา ขุดบ่อเลี้ยง ปลา เลี้ยงเป็ด ไก่  และภายหลังได้แบ่งให้ลูกๆ ซึ่งรวมถึงภรรยาของตัวเอง ซึ่งบัดนี้ที่ดินดังกล่าวก็ยังดำเนินตามวัตถุประสงค์ของ ส.ป.ก. และเมื่อช่วงเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ทาง ส.ป.ก. เข้ามาสำรวจที่ดินดังกล่าว และแจ้งกลับไปที่ ป.ป.ช.แล้วว่าเป็นที่ดินได้รับมาถูกต้อง

ขณะที่นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการครอบครองที่ดินของ ส.ส. ที่ก่อนหน้านี้มีการร้องมายัง ป.ป.ช.เพื่อให้เอาผิดข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ลักษณะเดียวกับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามาอยู่หลายรายพอสมควร โดยนอกจากที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เคยมายื่นเอาไว้ 19 รายชื่อ ยังมีคนอื่นมายื่นอีก และมีที่ ป.ป.ช.ตรวจพบจากการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน 50-60 ราย แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้ง 50-60 ราย จะมีมูลเหมือนกับของ น.ส.ปารีณาทั้งหมด ต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป ทั้งนี้ สำหรับเรื่องการครอบครองที่ดินมีการแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนไปบ้างแล้ว ประมาณ 1-2 ราย

 “แต่ละกรณีข้อเท็จจริงอาจจะมีความแตกต่างกัน และมีความยุ่งยากแตกต่างกัน อย่างกรณีคุณปารีณา ทางหน่วยงานลงไปตรวจสอบและส่งข้อมูลมาให้ ป.ป.ช.ทั้งหมด เลยวินิจฉัยได้ง่าย แต่รายอื่นต้องมีการประสานกับหน่วยงานอื่นลงไปตรวจสอบ และลงพื้นที่ไปดูว่าครอบครองที่ดินเมื่อไหร่ อย่างไร ตรงนี้เป็นความยุ่งยากพอสมควร” นายนิวัติไชย กล่าว

ยกคำพิพากษาฟัน ส.ส.รุกที่ดิน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้คนเข้าใจว่า ถ้ามีความผิดเกี่ยวกับการครอบครองที่ดิน จะผิดข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงทั้งหมด นายนิวัติไชยกล่าวว่า ต้องย้อนกลับไปดูคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีของ น.ส.ปารีณาว่าวินิจฉัยว่าอย่างไร เราต้องถอดออกมา เช่น ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องรู้หรือไม่รู้ รู้แล้วมีการดำเนินการแก้ไขหรือไม่ จำนวนหรือปริมาณการครอบครองที่ดิน และความเสียหายที่ก่อให้เกิดกับรัฐสูงหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องดูเป็นรายๆ ไปเกี่ยวกับหลักการครอบครอง 

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการไต่สวนนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 แจ้งถือครองที่ดินของรัฐ (น.ส.2) โดยมิชอบ ที่มีการแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนไปก่อนหน้านี้ นายนิวัติไชยกล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินเช่นกัน มีการไต่สวนในเรื่องของจริยธรรมด้วย ขณะนี้มีความคืบหน้าเป็นระยะ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายศรีสุวรรณเคยร้องต่อ ป.ป.ช.ให้เอาผิด ส.ส.หลายคน ในข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง โดยได้มีการยื่นเอาไว้ 4 ครั้ง ครั้งที่ 1 วันที่ 20 พ.ย.62 ยื่นไว้ 3 คน ได้แก่ 1.น.ส.ปารีณา ซึ่ง ป.ป.ช.ชี้มูลและศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว 2.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ และ 3.นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ครั้งที่ 2 วันที่ 27 พ.ย.62 ยื่นไว้จำนวน 3 คน ได้แก่ 1.นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย 2.นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ ส.ส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย และ 3.นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ  

ครั้งที่ 3 วันที่ 4 ธ.ค.62 ยื่นไว้จำนวน 13 คน ได้แก่ 1.นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ส.ส.กทม. พรรคอนาคตใหม่ 2.นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด พรรคอนาคตใหม่ 3.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ 4.น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ 5.นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ 6.นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรครวมพลังประชาชาติไทย  

7.นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ 8.นายมานพ ศรีผึ้ง ส.ส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย 9.นายสฤษดิ์ บุตรเนียร ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย 10.นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย 11.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย 12.นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย และ 13.นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย และครั้งที่ 4 วันที่ 27 ม.ค.63 ยื่นไว้อีก 1 คน นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ และแกนนำพรรคภูมิใจไทย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่แกนนำพรรคพรรคเพื่อไทยหลายคนออกระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศต่อไปไม่ได้แล้วพรรคเพื่อไทยพร้อมล้ม พล.อ.ประยุทธ์ในการอภิปรายในสภาว่า ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร เพราะพรรคเพื่อไทยพูดโหมโรงแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เพียงแต่สลับหน้ากันพูด ใครที่คิดว่ากำลังจะถูกประชาชนลืมก็รีบออกมาพูดบ้างก็เท่านั้น ก่อนที่จะกลายเป็น ส.ส.ที่ชาวบ้านเขาลืม แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ก็ขอให้ทำได้จริงอย่างที่ปากพูดด้วย ไม่ใช่โม้เพื่อหวังชิงพื้นที่สื่อรายวันเท่านั้น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้กังวลอะไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ตรงข้าม รัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงสิ่งที่ถูกบิดเบือนมาตลอดด้วย

รัฐบาลเย้ย พท.ฉายหนังตัวอย่าง

"ฝ่ายค้านอย่าเอาแต่ฉายหนังตัวอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะคนดูเขาจับไต๋ได้หมดแล้ว อย่าอภิปรายแบบน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ประชาชนฟังแล้วนอกจากจะไม่ได้อะไร ยังน่าเบื่ออีกต่างหาก ดีไม่ดีที่โม้ว่าจะล้มท่านนายกฯ ไปๆ มาๆ จะถูกท่านนายกฯ น็อกกลางสภาเอาเสียเอง ดังนั้น เผื่อใจไว้หน้าแตกด้วยก็ดี ถึงเวลาจะได้ไม่ขายขี้หน้ามากนัก" นายธนกรกล่าว

นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่มีฮั้วรัฐบาล และเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลลำบากใจที่จะยกมือสนับสนุนนายกฯ เพราะกลัวกระทบเสียงเลือกตั้งว่า ไม่มีใครอยากฮั้วกับฝ่ายค้านอย่างแน่นอน และนายกฯ ไม่เคยกลัวการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะถูกอภิปรายมาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งนายกฯ สามารถชี้แจงให้กับประชาชนเข้าใจได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม รวมถึงเรื่องคลิปเสียงคนใกล้ชิด นายกฯ ก็บอกแล้วว่าสามารถชี้แจงได้เช่นเดียวกันโดยขอให้รอฟัง

"การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ฝ่ายค้านก็ควรใช้เวทีนี้อย่างสร้างสรรค์ ขออย่านำมากล่าวหาโจมตีนายกฯ และรัฐบาลอย่างเดียว จนไม่สนใจในเนื้อหา เพราะไม่เกิดประโยชน์กับใคร ขอให้ฝ่ายค้านหยุดเสี้ยม และอย่าเดาว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะลำบากใจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ  เพราะยังเหนียวแน่น มั่นใจว่าฝ่ายค้านก็คงไม่ได้มีอะไรใหม่ ที่จะนำมาอภิปรายจนสามารถล้มรัฐบาลได้อยู่แล้ว" นายชนะศักดิ์กล่าว

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงว่า จากรายงานตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตโควิด-19 วันนี้ ซึ่งสูงถึง 108 ราย พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะบ้านเมืองพังพินาศทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ประชาชนเดือดร้อน ยอดคนเสียชีวิตโควิด-19 มากกว่าสงครามรัสเซียและยูเครน และขอประกาศว่าพรรคเพื่อไทย มีความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อเปิดประชุมสภา รัฐบาลเจอแน่ จะฉายหนังให้คุณดู เตรียมตอบได้เลย ประเด็นที่จะไล่พล.อ.ประยุทธ์ คือเรื่องเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ การสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ รถไฟฟ้าสายสีเขียว และการแก้โควิด-19 ที่ล้มเหลว ประเด็นเหล่านี้พรรค พร้อมล้มพล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว เตรียมเจอในสภาได้เลย

นายยุทธพงศ์กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือว่า นอกจากเรือดำน้ำจากจีนที่ไม่มีเครื่องยนต์ กำลังเป็นปัญหาอยู่นั้น ขณะนี้ในส่วนของท่าจอดเรือดำน้ำ ที่ดำเนินการสร้างภายในฐานทัพเรือสัตหีบ ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ทั้งที่ของบไปแล้วเมื่อปี 2563-2564 โดยได้งบประมาณไป 900 ล้านบาท ในสัญญาการก่อสร้างระบุว่า กองทัพเรือเป็นคู่สัญญากับบริษัท CSOC จากประเทศจีน แต่เมื่อถึงเวลาทำงานจริงกลับเป็นบางบริษัทที่เข้ามาดำเนินการขุด ซึ่งผิดเงื่อนไขในสัญญา ฝากไปถึง พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เนื่องจากพื้นที่กองทัพเรือเป็นพื้นที่เฉพาะ ใครเป็นผู้อนุญาตให้บางบริษัทเข้า-ออกพื้นที่ ถ้ากองทัพเรือไม่จัดการ จะจัดการ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงเปิดสมัยประชุมสภานี้แน่นอน ซึ่งพรรคมีพร้อมอย่างมาก

โวปักธงภาคใต้เหมือนยุค ทรท.

วันเดียวกัน ที่โรงแรมโบท ลากูน รีสอร์ต นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย,   นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะ ร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 สาขาพรรคเพื่อไทย จ.ภูเก็ต พร้อมพบปะหารือสมาชิกพรรคและรับฟังการสะท้อนปัญหาจากประชาชน

 นายประเสริฐกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมที่จะเข้ามาบริหารประเทศ เพื่อแก้ไขวิกฤตต่างๆ ที่รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพชุดนี้บริหารประเทศผิดพลาดสร้างความยากลำบากให้ประชาชนอย่างแสนสาหัสมาตลอด จน 8 ปีที่ผ่านมาเสมือนประเทศและพี่ต้องประชาชนต้องติดอยู่ในหลุมดำ มองไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวัน มองไม่เห็นอนาคต โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลักของประเทศ และจังหวัดภูเก็ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ต้องซบเซาลงอย่างหนัก ประชาชนจำนวนมากต้องตกงาน ผู้ประกอบการต้องหยุดกิจการ ปิดกิจการกันจ้าละหวั่น จึงหมดเวลาแล้วที่จะปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้มีอำนาจต่อไปแล้วทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น

 “พรรคเพื่อไทยมุ่งหวังที่จะคืนความมั่งคั่ง คืนชีวิตใหม่ และคืนอนาคตให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเรื่องท่องเที่ยวหลักของประเทศ พรรคได้เตรียมที่จะศึกษาแนวทางการเพิ่มศักยภาพเพื่อยกระดับจังหวัดภูเก็ตให้เป็น เมืองเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้มากขึ้นในแต่ละปี และในการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทย มีเป้าหมายที่จะปักธง ส.ส.ภาคใต้ให้ได้อีกครั้ง เหมือนที่เคยทำได้ในสมัยพรรคไทยรักไทย โดยพรรคจะต้องมี ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อให้เห็นปากเป็นเสียงเป็นตัวแทนในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน พร้อมร่วมกันผลักดันนโยบายพรรคเพื่อไทยในการฟื้นฟูวิกฤต พัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษกิจในพื้นที่ให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าว 

สำหรับการลงพื้นที่ จ.ภูเก็ตของแกนนำพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ผู้ประกอบการรถบัสและกิจการขนส่งจังหวัดภูเก็ต นำโดยนายชนวีร์ เอกเตียวสกุล ประธานชมรมรถบัส 30 จังหวัดภูเก็ต ได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอความช่วยเหลือผู้ประกอบการรถขนส่ง อันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้เหลียวแลช่วยเหลือใดๆ โดยเฉพาะปัญหาการขาดเงินทุนหมุนเวียน เพื่อหล่อเลี้ยงและปรับปรุงกิจการ จนภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นและถูกฟ้องร้องยึดรถและดำเนินคดีจำนวนมาก

นายชนวีร์กล่าวว่า วันนี้สิ้นหวังกับการรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ในทุกด้าน เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีรายได้ และไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล หากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นรัฐบาล อยากเสนอให้ตั้งกองทุนฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อเปิดให้กู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง