คุมข้าวสารถึง17เม.ย./นิวไฮอีก

ศบค.แจงตัวเลขติดเชื้อโควิดรายใหม่ 20,289 ราย เสียชีวิตยังทำสถิติรายวัน 119 ชีวิต กทม.นำโด่งติดเชื้อกว่า 3 พันราย "บิ๊กตู่" วอนผู้สูงอายุเร่งฉีดเข็มกระตุ้น พร้อมเด็กอายุ 12-17 ปีควรฉีดก่อนเปิดเทอม "เขตพระนคร" คุมเข้มข้าวสารยาวถึง 17 เม.ย. 

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า  พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,289 ราย ติดเชื้อในประเทศ 20,179 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 20,105 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 74 ราย, มาจากเรือนจำ 42 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ  68 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 24,969 ราย อยู่ระหว่างรักษา 224,905 ราย อาการหนัก 2,024 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 872 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 119 ราย เป็นชาย 70 ราย หญิง 49 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 97 ราย มีโรคเรื้อรัง 19 ราย ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 3 ราย ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 3,993,292 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 3,741,758 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 26,629 ราย ส่วนยอดฉีดวัคซีนวันที่ 14 เม.ย. 26,928 โดส ยอดฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 131,631,366 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 503,027,795 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 6,217,873 ราย

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 3,110 ราย, ชลบุรี 736 ราย, นครศรีธรรมราช 726 ราย, สมุทรปราการ 658 ราย, นครปฐม 630 ราย, นนทบุรี 622 ราย, ร้อยเอ็ด 562 ราย, นครราชสีมา 511 ราย, บุรีรัมย์ 483 ราย และขอนแก่น 466 ราย 

ทั้งนี้ สำนักงานประชาสัมพันธ์ กทม.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ที่มีผู้ป่วยรายใหม่ 3,110 คน ว่ามาจากระบบเฝ้าระวัง 2,943 คน และต่างชาติ 167 คน  ทำให้มีผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.2565 จำนวน 242,787 ราย และมีผู้เสียชีวิต 11 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 จำนวน 697 ราย โดย 10 เขตที่ติดโควิดสูงสุดคือ เขตบางซื่อ 376 ราย, เขตวัฒนา 192 ราย, เขตสะพานสูง 157 ราย, เขตจอมทอง 146 ราย, เขตบางเขน 122 ราย, เขตหลักสี่ 118 ราย, เขตบางกะปิ 113 ราย, เขตบางบอน 106 ราย, เขตบางแค 97 ราย และเขตหนองแขม 90 ราย โดยเขตที่มีผู้ป่วยรายใหม่น้อยที่สุดคือ เขตสัมพันธวงศ์ 1 คน ส่วนผลการฉีดวัคซีนในพื้นที่ กทม.นั้น เมื่อวันที่ 14 เม.ย.มียอดผู้รับวัคซีนเพิ่ม 1,032 โดส ทำให้มียอดผู้รับวัคซีนสะสม 25,021,940 โดส

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในไทยยังทรงตัวสูง ขณะที่แนวโน้มผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตยังเพิ่มขึ้น ดังนั้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ขอให้ทุกคนยังต้องเข้มในการปฏิบัติตามมาตรการเพื่อลดการติดเชื้อภายใต้ข้อกำหนดที่ ศบค.ผ่อนคลายมาตรการให้จัดงานเทศกาลสงกรานต์  และขอลูกหลานพาผู้สูงอายุในครอบครัว ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตหากติดเชื้อได้ รวมทั้งขอให้เด็กอายุ 12-17 ปี เข้ารับการฉีดเข็มกระตุ้นก่อนเปิดเทอมช่วงเดือน พ.ค.ด้วย

“กระทรวงสาธารณสุขแนะนำเด็กอายุ 12-17 ปี ขณะนี้เข้าสู่ระยะที่ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นแล้ว ควรเข้ารับวัคซีนก่อนเปิดเทอมช่วงเดือน พ.ค. โดยสามารถเลือกรับได้ทั้งแบบเต็มโดสหรือครึ่งโดส ซึ่งทั้ง 2 แบบมีประสิทธิภาพในการเพิ่มภูมิคุ้มกันไม่แตกต่างกัน เพียงแต่การฉีดครึ่งโดสจะมีผลข้างเคียงจากวัคซีนน้อยกว่า ทั้งนี้ กลุ่มเด็กที่สุขภาพปกติ จะฉีดโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ส่วนกลุ่มเด็กป่วยสามารถรับบริการในโรงพยาบาลที่รักษาได้ ขณะที่เด็กประถมศึกษาอายุ 5-11 ปี ฉีดเข็มแรกไปแล้วนั้น ก็จะฉีดเข็มสองห่างจากเข็มแรกประมาณ 8 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเร่งรัดฉีดเพื่อรองรับการเปิดเทอมต่อไป” นายธนกรกล่าว

ขณะที่นายวสันต์ บุญหมื่นไวย์ ผู้อำนวยการเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงการควบคุมดูแลพื้นที่บริเวณถนนข้าวสาร เขตพระนคร เพื่อไม่ให้มีการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ว่า ภายหลังจากที่ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้าไปตรึงกำลังควบคุมไม่ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวที่มาดื่มกิน เล่นน้ำ-ประแป้งกัน สถานการณ์เมื่อคืนวันที่ 14 เม.ย.เป็นไปอย่างเรียบร้อยดี โดยเขตพระนครได้รับความกรุณาจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ส่งเจ้าหน้าที่ไป 70 นาย และ สน.ชนะสงคราม อีกประมาณ 20 นาย ก็จะดูแลทั้งหมด 8 จุด โดยจุดใหญ่จะอยู่หน้าทางเข้าทั้ง 2 ทาง ได้แก่ ฝั่งถนนจักรพงศ์และฝั่งถนนตะนาว

"เมื่อวันที่ 14 เม.ย. มีนักท่องเที่ยวมาเยอะพอสมควร แต่ก็พยายามควบคุมให้อยู่ในพื้นที่ไม่ให้มากนัก และไม่มีการเล่นน้ำเลย เราขอความร่วมมือตั้งแต่ที่จุดสกัด เพราะเราไม่ให้นำอุปกรณ์เล่นน้ำหรือพวกขันน้ำ กระป๋องอะไรเข้าเลย เราให้ฝากไว้ที่จุดสกัดก่อน ซึ่งประชาชนเองก็เข้าใจ และเรามีตำรวจท่องเที่ยวมาประชาสัมพันธ์ด้วย และส่งเจ้าหน้าที่สำนักงานการต่างประเทศที่พูดภาษาอังกฤษกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อสร้างความเข้าใจ" นายวสันต์กล่าว และว่า จะวางกำลังไปถึงวันอาทิตย์ที่ 17 เม.ย.นี้ โดยวันที่ 15 เม.ย. จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่เท่าเดิมก่อน เพื่อประเมินสถานการณ์ โดยหากเบาลงก็จะลดกำลังเจ้าหน้าที่ลง แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่ไปประจำอยู่แน่นอน.