ฟุ้งดีลเขี่ยประยุทธ์! ชลน่านโวคุยพรรคเล็ก-ธรรมนัส/‘ตู่-ป้อม’งดจ้อการเมือง

“บิ๊กป้อม” เดินเกาะไหล่ “น้องตู่” แต่รูดซิปปากตอบปมการเมืองทั้งคู่ “สุชาติ” งงข่าวนายกฯ สำรอง เย้ย "ธรรมนัส" จินตนาการไปเอง ส.ส.ซ่อนมีด พท.ไม่มีกั๊ก "ชลน่าน" แบไต๋ฝ่ายค้านเปิดดีลพรรคเล็ก-ก๊วนธรรมนัส รวมเสียงโค่น "บิ๊กตู่" ผ่านศึกซักฟอก แนะลาออกก่อน มิ.ย. “พิเชษฐ” เผย “ศท.-กลุ่ม 16” หารือผู้นำฝ่ายค้านสัปดาห์หน้ารับมือศึกซักฟอก โฆษกรัฐบาลไม่ให้ค่าคำขู่อภิปราย ถามกลับเอาอะไรมามั่นใจว่ารัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม “อภิสิทธิ์” ซัดเพื่อไทยก้าวไม่พ้น "ครอบครัวชินวัตร”  หวั่นหากชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาลอาจเกิดรัฐประหารอีก

เมื่อวันอาทิตย์ เวลา 11.00 น. ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม  เดินทางมาถึงกระทรวงแรงงานเพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ ระหว่างรอเปิดงานได้เข้าไปพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่เดินทางมาถึงก่อนและเข้าไปนั่งในห้องพักรับรอง โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที  ก่อนจะเดินเข้าห้องประชุมกระทรวงแรงงานบริเวณที่จัดงานพร้อมกัน โดยระหว่างเดินทางเข้าห้องประชุม พล.อ.ประวิตรได้เดินเกาะไหล่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งก่อนและหลังเข้าร่วมงาน พล.อ.ประวิตรไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่ก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ในประเด็นการเมืองเลย 

ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและผู้อำนวยการพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสนายกฯ สำรองหาก พล.อ.ประยุทธ์เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองว่า ตนก็งงกับข่าวเหมือนกัน ซึ่งโฆษกพรรค พปชร.ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนไปแล้ว และเรื่องนี้ไม่ได้เป็นประเด็น ตนจึงไม่อยากไปพูดหรือไปคิดอะไร ทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลไม่มีใครคิดเรื่องนี้หรอก คนที่ให้ข่าวต้องถามกลับไปที่พรรคการเมืองนั้นว่าคิดจากอะไร โฆษกพรรค พปชร.ได้ออกมาชี้แจงชัดเจนอยู่แล้ว แต่พรรคอื่นเขาไม่ตอบ เขามองว่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นสาระ ไม่ใช่เรื่องจริง ในงานวันนี้ก็เห็นว่าทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรก็นั่งอยู่ด้วยกันและคุยกัน

เมื่อถามถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย พูดถึงกรณีที่นายสุชาติไปกินข้าวกับพรรคเล็ก นายสุชาติกล่าวว่า ตนวิทยายุทธ์อาจจะน้อยกว่า วันไหนเจอต้องขอถามเขาว่าต้องสอนตนหน่อย ว่าตนไปทานข้าวก็รู้จักพวกนี้มาก่อน หลายคนรู้จักก่อนมาเป็น ส.ส.อีก  บังเอิญตนสนิทสนมกับคนพวกนี้อยู่แล้ว และพรรคเล็กเหล่านี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เรามีอะไรที่พูดคุยกันได้เราก็คุยกัน กินข้าวกัน ก็เห็นถ่ายรูปพูดคุยกันไม่ได้มีอะไร ส่วนกรณีที่พรรคเล็กไปทานข้าวกับพรรคเพื่อไทย น่าจะมีแค่คนเดียว คนอื่นไม่ได้ไป ทานกับตนอยู่ 15-16 คน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ไปขอข้อมูลฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุชาติกล่าวว่า รู้จักนายพิเชษฐมานาน  เป็นคนที่มีวุฒิภาวะ มีความรู้และความสามารถเพราะเป็นรัฐมนตรีมาก่อน ในทางการเมืองก็มีมุมมองของมารยาททางการเมือง เชื่อว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะพรรคเล็กพูดแล้วว่าจะดูข้อมูลในการอภิปราย และดูว่าน้ำหนักเป็นอย่างไร

ถามว่า มองสถานการณ์การเมืองช่วงนี้ค่อนข้างอ่อนไหวหรือไม่ เพราะร้อยเอกธรรมนัสเตือนว่า ทุกคนรอเปิดสภาและซ่อนมีดไว้อยู่ นายสุชาติกล่าวว่า เขาอาจจะจินตนาการไปเอง สื่อมวลชนลองไปถามพรรคร่วมรัฐบาลว่ามีใครพูดแบบนี้บ้าง แต่คนที่พูดไม่ใช่พรรคร่วมนะ แต่ถ้าพรรคร่วมพูดนั่นถึงจะน่ากลัว

พท.ดีลพรรคเล็กล้มบิ๊กตู่

 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการพูดคุยกับพรรคเล็ก เพื่อเสนอแนวทางในการโหวตร่วมกับฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ฟังข้อเสนอเขาแล้วดูเป็นประโยชน์ วัตถุประสงค์ของเราต้องการให้พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคเล็กเห็นพ้องกับข้อมูลของเราอยู่แล้ว ถ้าพูดคุยกันได้ในมุมของเราถือว่าเป็นประโยชน์ และพรรคเล็กเองอาจจะคิดว่าการที่เขาช่วยโหวตน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติก็ได้ ขณะนี้ยังไม่มีการนัดหมายที่ชัดเจน แต่มีการติดต่อประสานมา ก็รับข้อเสนอในการที่จะพูดคุย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นประโยชน์

ส่วนที่มองว่าเป็นเกมปั่นราคากล้วย นพ.ชลน่านกล่าวว่า หลายคนอาจจะคิดแบบนั้นก็ได้ หากเขามีเจตนาที่ดีกับประเทศจริงๆ ถือว่าเขาทำโจ่งแจ้งไม่ได้ทำลับๆ ล่อๆ เขาประกาศว่าอยากช่วยในเรื่องที่เห็นว่าเป็นความเสียหาย ซึ่งการประกาศเช่นนี้หมายถึงเขาสัญญากับประชาชนว่าจะทำ ถ้าไม่ทำแล้วไปเข้าสมมติฐานว่าเป็นการปั่นราคา จะเสียหายเอง คงไม่คิดฆ่าตัวตายทางการเมือง เพราะจะเป็นการเล่นการเมืองครั้งสุดท้ายของเขาเลย

ถามย้ำว่า แสดงว่าจะมีการพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส ด้วยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า วันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านมี 208 เสียง การจะมีเสียงไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งต้องใช้ 238 เสียง ดังนั้นแนวทางการแสวงหาเสียง นอกจากใช้ข้อมูลแล้ว การติดต่อประสานงานกับพรรคที่เห็นแก่ชาติบ้านเมือง เราแสวงหาโดยไม่ปฏิเสธที่จะเข้าไปพบปะพูดคุยอยู่แล้ว แต่จะเป็นจังหวะไหนค่อยดูกันอีกครั้ง ถ้าได้เสียงจากพรรคเศรษฐกิจไทยก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะล้ม พล.อ.ประยุทธ์ได้ 

"เผลอๆ อาจจะมีการตัดสินใจก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยก็ได้ หากกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับผ่านวาระ 3  ประมาณกลางเดือน มิ.ย. ดังนั้นช่วงกลางเดือน มิ.ย.จะเป็นช่วงที่จะมีการตัดสินใจหลายเรื่อง หากนายกฯ ต้องการรับผิดชอบต่อบ้านเมือง และคิดว่าท่านออกไปแล้วจะมีคนเข้ามาทำหน้าที่ได้ดีกว่า หรือสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ท่านอาจจะตัดสินใจในช่วงเวลานี้เลย ซึ่งง่ายที่สุดคือการลาออก" นพ.ชลน่านกล่าว

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค พท. กล่าวถึงการกินเลี้ยงร่วมกับพรรคเล็กได้พูดคุยกันในประเด็นใดบ้างว่า ในการสนทนานายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 พูดถึงความอึดอัดใจที่มีต่อการแสดงความเห็นโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ซึ่งไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเซ็นสัญญาจ้างในวันที่ 3 พ.ค. ถึงขนาดปรารภว่าถ้ารัฐบาลยังเดินหน้าในความเสียหายที่เกิดขึ้น ท่านถึงกับพูดว่าจะไม่ยกมือสนับสนุน การติดต่อประสานงานกับพรรคเล็ก นพ.ชลน่านได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้ประสานเบื้องต้น  ว่าจะมีการพูดคุยหรือไม่มีการพูดคุยกัน หากมีความคืบหน้าอย่างไรจะนำเสนอให้ทราบอีกครั้ง

เมื่อถามว่า แม้ว่าจะได้กลุ่ม 16 มาสนับสนุนแต่ก็ไม่พอโหวตล้มรัฐบาลอยู่ดี จะมีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ไม่อยากให้มองแบบนั้น วันนี้พรรคเศรษฐกิจไทยยังไม่แสดงตนว่าเป็นพรรครัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน ดังนั้น 18 เสียงจะโยกไปทางไหนยังตอบไม่ได้  แต่ถ้าพรรคเศรษฐกิจไทยรวมกับพรรคเล็กจะมี 30 กว่าเสียง ซึ่งก็มีนัยทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้

โฆษก รบ.เย้ย พท.ราคาคุย

ด้านนายพิเชษฐ สถิรชวาล กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่ม 16 แสดงจุดยืนจะโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในกรณีการประมูลระบบท่อส่งน้ำในพื้นที่อีอีซีโดยไม่โปร่งใสนั้น ปรากฏว่ามีผู้ส่งข้อมูลความน่าสงสัยเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวมาให้ตนจำนวนมาก ในสัปดาห์หน้า นพ.ชลน่าน  ศรีแก้ว ได้นัดกลุ่ม 16 และพรรคเศรษฐกิจไทยหารือถึงข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีการพูดคุยถึงประเด็นความน่าสงสัยโครงการระบบท่อส่งน้ำในพื้นที่อีอีซีด้วย แต่ยังไม่กำหนดชัดเจนจะนัดหารือวันใด

 “ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่แม้กลุ่ม 16 เป็นฝ่ายรัฐบาลจะไปพูดคุยกับฝ่ายค้าน เพราะอยากให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา ว่ามีความเข้มข้นในการตรวจสอบ รัฐบาล แม้จะอยู่ฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ได้หมายความว่าจะเห็นด้วยกับรัฐบาลทุกเรื่อง ต้องรอดูข้อมูลฝ่ายค้าน ถ้ามีข้อมูลหนักแน่นก็พร้อมยกมือสวนเพื่อเรียกศรัทธาประชาชนใน ระบบรัฐสภากลับมา หลังขาดความเชื่อมั่นกรณีสภาล่มซ้ำซาก” นายพิเชษฐกล่าว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง  เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ครบเทอมและจะเจอศึกหนักหลังเปิดสภา 22 พ.ค.นี้ว่า รัฐบาลไม่ได้สนใจและไม่ให้ค่ากับคำขู่ของนายประเสริฐและพรรคเพื่อไทยเลย เพราะพฤติกรรมชอบขู่ให้กลัวแต่เอาเข้าจริงไม่มีอะไรนั้น เป็นเอกลักษณ์ของพรรคการเมืองนี้อยู่แล้ว ที่เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ครบเทอมนั้น เอาอะไรมามั่นใจเช่นนั้น หรือแค่ต้องการอยากมีอำนาจ อยากกลับมาเป็นรัฐบาลอีกเต็มแก่แล้ว จึงหาเรื่องดิสเครดิตคนอื่นไปเรื่อย  ไม่นับรวมเรื่องที่ไปดีลหาคะแนนสนับสนุนจาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เพื่อมาล้มรัฐบาลเองในการอภิปรายแบบไม่อายฟ้าดินอีก หรือแม้กระทั่งออกมาประกาศโชว์พาวว่าจะได้รับเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์เกิน 250 ที่นั่งด้วย

"ขอย้ำว่าพลเอกประยุทธ์ รวมทั้ง ครม.พร้อมเสมอ และไม่หวั่นศึกใดทั้งสิ้นไม่ว่าจะ 3 ศึกหรือกี่ศึกก็ตาม  เพราะรัฐบาลไม่เคยทำอะไรผิดและสามารถชี้แจงตอบได้ทุกประเด็น ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลทุกคนก็คำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสม และประโยชน์ของบ้านเมืองมากกว่าที่จะเล่นเกมการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณา พ ร.บ.งบประมาณ ปี 2566 หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ตาม  ขอเพียงฝ่ายค้านทำการบ้านให้หนักๆ อย่าให้เป็นแค่เพียงราคาคุยเท่านั้นก็พอ" นายธนกรกล่าว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ช่องยูทูบสภาที่ 3 ถึงกรณีท่าทีของนายทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชู น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว  ขึ้นมา แล้วหวังว่าจะเกิดแลนด์สไลด์ ถ้าพรรคเพื่อไทยมาในลักษณะนี้ น.ส.แพทองธารมาจะเอานายทักษิณกลับบ้าน ก็อาจจะมีการรัฐประหารเกิดใหม่อีกรอบว่า ต้องยอมรับว่าความกังวลตรงนี้มีแน่นอน เพราะเกิดความรู้สึกว่าในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็ยังก้าวไม่พ้นครอบครัวชินวัตร สมมุติว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง คนในครอบครัวมาดำรงตำแหน่งอีก ลำพังตรงนั้นก็ไม่เป็นไรถ้าประชาชนเลือก   เพียงแต่ว่าอย่าย้อนกลับไปสู่พฤติกรรม หรือการกระทำที่เป็นลักษณะของการเอื้อประโยชน์ให้ครอบครัว ให้พวกพ้อง หรือไปทำอะไรที่ฝืนกับหลักธรรมาภิบาล หลักกฎหมาย ซึ่งอาจจะรวมไปถึงแนวคิดเรื่องการนิรโทษกรรม.