
สรุปเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงเดือนรอมฎอน 5 เหตุ พบมีเหตุการณ์ความรุนแรงเพียง 1 เหตุ
ตามที่คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขได้ดำเนินการพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่าง หรือกลุ่ม BRN ครั้งล่าสุด จนได้ข้อตกลงร่วมกันในการยุติความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน โดยช่วงเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ความรุนแรงซึ่งเป็นที่สนใจของสาธารณชนจำนวน 5 เหตุการณ์ ตรวจสอบแล้วเป็นคดีความมั่นคง 1 เหตุ และไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง 4 เหตุ โดยเหตุคดีความมั่นคง เป็นเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก ในพื้นที่ ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 15 เม.ย.65 ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิต 1 ราย เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นาย หลังเกิดเหตุ มีกลุ่มขบวนการที่ไม่ได้เข้าร่วมในการพูดคุยออกมาให้การยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว ส่วนคดีที่ไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงมีจำนวน 4 เหตุ คือ
1.เหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามลอบยิง นายอับดุลมูดอเละ อาแว ซึ่งเป็นครูสอนโรงเรียนตาดีกา และเป็นหัวคะแนนนักการเมืองท้องถิ่น เสียชีวิตในพื้นที่ ต.ดาโต๊ะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 10 เม.ย.65 จากหลักฐานหัวกระสุนและปลอกกระสุนของคนร้ายในที่เกิดเหตุระบุว่า อาวุธที่ใช้เป็นกระบอกเดียวกันกับที่ใช้ยิงประชาชนเสียชีวิตเมื่อปี 2560 ในพื้นที่ อ.หนองจิก โดยมูลเหตุเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว สำหรับเหตุลอบยิงนายอับดุลมูดอเละในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่าเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัวเช่นกัน และตอนนี้รู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานเข้าดำเนินการตามกฎหมาย
2.เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายอับดุลลาเต๊ะ จะปะกียา รองปลัด อบต.เขาตูม เมื่อวันที่ 23 เม.ย.65 ในพื้นที่ ต.สะเตง อ.เมืองฯ จ.ยะลา คดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ และให้การรับสารภาพว่าเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินคดี
3.เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายเจ๊ะหามิ อิสมารอฮิม ในพื้นที่ ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 27 เม.ย.65 จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า เหตุดังกล่าวเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างผู้ตายกับคู่กรณี โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด
4.เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่บ้านราษฎรไทยพุทธในพื้นที่ ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา เมื่อวันที่ 30 เม.ย.65 ทำให้บ้านเรือนเสียหายเล็กน้อย จำนวน 2 หลัง ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ก่อเหตุ และได้ให้การรับสารภาพว่าเกิดจากความคลุ้มคลั่งเนื่องจากเสพยาเสพติดจนเกินขนาด และกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุมีสื่อสังคมออนไลน์หรือองค์กรแนวร่วมพยายามสื่อสารบิดเบือนข้อเท็จจริง ชี้นำให้สังคมเชื่อว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะคดียิงนายอับดุลมูดอเละ อาแว ครูสอนโรงเรียนตาดีกา และคดียิงนายเจ๊ะหามิ อิสมารอฮิม บิดาของผู้เสียชีวิตในคดีเขาตะเว ซึ่งทั้ง 2 คดีนี้เจ้าหน้าที่มีข้อเท็จจริงในเบื้องต้นว่าไม่ได้เกิดจากเหตุความมั่นคงอย่างแน่นอน แต่เกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้กระทำความผิดแล้ว กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมเข้าดำเนินคดีตามกฎหมาย
อีกทั้งนโยบายของ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ที่ได้เน้นย้ำให้หน่วยในพื้นที่ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย และเคารพหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด จึงเป็นไปไม่ได้ที่การกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข่าวสาร และกรุณาตรวจสอบให้รอบด้านก่อนที่จะเชื่อหรือส่งต่อให้ผู้อื่น เพราะอาจเป็นแนวร่วมมุมกลับ ซ้ำเติมปัญหาในพื้นที่ให้มีความยุ่งยากมากขึ้นได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


