4จว.ตั้งโซนดริงก์ ไฟเขียวรับ1พ.ย.คงเคอร์ฟิวแค่7จังหวัด

"บิ๊กตู่" ย้ำเปิดประเทศ 1 พ.ย. เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยันเตรียมแผนเผชิญเหตุด้านสาธารณสุข พร้อมสั่งจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ให้เพียงพอ ขอ ปชช.ยึดมาตรการ สธ.ดูแลตัวเองเข้มงวด "ศบค.ชุดใหญ่" เคาะปรับโซนสีแดงเข้มเหลือ 7 จว. คงเคอร์ฟิวห้ามออกจากบ้านตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงตี 3 จังหวัดอื่นให้ยกเลิก โยน "ผู้ว่าฯ กทม." กำหนดโซนจำหน่าย-ดื่มแอลกอฮอล์เมืองกรุงไม่ให้เปิดเสรีทั่วไป "พิพัฒน์" ยอมรับผิดสื่อสารพลาดนำ "ลิซ่า" เคาต์ดาวน์ไทย

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 29 ต.ค. เวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 17/2564 โดยช่วงต้นการประชุม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้ต้องดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและในประเทศ เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ต่างจังหวัดในการขับเคลื่อน โดยเฉพาะในช่วงใกล้ปีใหม่

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีอาการอ่อนเพลีย คาดว่าจะเป็นผลหลังรับวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 3 เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์แถลงหลังประชุมว่า ประเด็นสำคัญจากที่ได้ประกาศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ กำหนดให้เป็นวันเริ่มเปิดประเทศ โดยมีชาวต่างชาติและชาวไทยที่เดินทางมาทางอากาศจาก 46 ประเทศในชั้นแรกนี้ และสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งจะมีหลายมาตรการ รวมทั้งต้องการจะได้รับความร่วมมือจากประชาชน ต้องช่วยกันระมัดระวังอย่างเต็มที่ และใช้มาตรการด้านสาธารณสุขที่กำหนดมาแล้วอย่างเต็มที่ รวมทั้งด้านการแพทย์ได้มีแผนเผชิญเหตุ เตรียมการให้พร้อมในการดูแลรักษา ทั้งโรงพยาบาลสนาม พื้นที่กักตัว จะต้องมีความพร้อมเช่นเดิมเผื่อกรณีที่มีสถานการณ์เกิดขึ้น ควบคู่กับการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ให้เพียงพอ

"เมื่อเราประกาศให้ทั่วโลกทราบไปแล้ว ขอให้เข้าใจว่าไม่ใช่ว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาได้ทันที แต่ละประเทศต้องประเมินวางแผน อนุญาตให้คนของเขาออกมานอกประเทศเหมือนกัน เราก็ต้องศึกษามาตรการที่วางไว้ว่าสามารถจะปฏิบัติได้หรือไม่ การประกาศล่วงหน้ามีประโยชน์เพื่อให้ประเทศต่างๆ เหล่านั้นรวมถึงนักท่องเที่ยวได้วางแผนเตรียมการ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆที่นักท่องเที่ยวจะพิจารณาในช่วงการเดินทางปลายปีนี้ นี่ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของเรา เราคาดหวังอย่างนั้น ถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผมออกไปในเรื่องการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและปลอดภัย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนการโชว์ของลิซ่า ก็ต้องเห็นใจ เราพยายามติดต่อมาระยะเวลานานพอสมควรแล้ว ก็ไปเคลียร์วันเวลาของเขา ของบริษัทเขาไป ก็เคลียร์ไม่ออก ก็จำเป็นต้องเลื่อนออกไป มาไม่ได้ในช่วงนี้ แต่วันหน้าเขาก็คงมีโอกาสมาอีก วันนี้ผมก็ให้แนวทางไปว่าให้มีการแสดงของคนต่างประเทศบ้าง ที่มาได้ ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกมา นอกจากนี้ได้ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปหาการแสดงที่เป็นวัฒนธรรมของเรา 5 ภาค มีหลายกิจกรรมที่สามารถแสดงสลับกันไปมาเพื่อให้คนตื่นเต้น ถ่ายรูป และมีส่วนร่วม และจะได้ประทับใจในวัฒนธรรมของคนไทย
ลดเคอร์ฟิวเหลือ 7 จว.แดงเข้ม

ขณะที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ว่า ที่ประชุม ศบค.มีมติเห็นชอบตามที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 สธ.เสนอแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 เสนอการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อรองรับการเปิดประเทศ โดยปรับพื้นที่ควบคุมและเข้มงวดสูงสุด (สีแดงเข้ม) 23 จังหวัด เหลือ 7 ได้แก่ จันทบุรี ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด 30 จังหวัด เป็น 38 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 24 จังหวัด เป็น 23 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง 5 จังหวัด ได้แก่ นครพนม น่าน บังกาฬ มุกดาหาร สกลนคร และพื้นที่สีฟ้า (นำร่องการท่องเที่ยว) 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระบี่ พังงา ภูเก็ต

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ศบค.มีมติยกเลิกการห้ามออกเคหสถานทั่วประเทศเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้น ยกเว้นพื้นที่ควบคุมและเข้มงวดสูงสุด (สีแดงเข้ม) 7 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ที่ยังห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 23.00-03.00 น.

“ส่วนที่ถามกันมากว่าพื้นที่สีฟ้าซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว สามารถจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหารได้หรือไม่นั้น ที่ไม่ได้ระบุลงไปในชาร์ต เพราะละไว้ในฐานที่เข้าใจ โดยใน 4 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวนั้น แต่ละจังหวัดต้องมีมาตรการที่เข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่ซับซ้อน ทางผู้ว่าฯ กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องประชุมกันเพื่อกำหนดมาตรการอีกครั้ง เพราะ 4 จังหวัดนี้มีมาตรการเท่ากับระดับพื้นที่สีเขียว” โฆษก ศบค.กล่าว

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เสริมว่า การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สีฟ้า (นำร่องการท่องเที่ยว) 4 จังหวัด ( กทม. กระบี่ ภูเก็ต และพังงา) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. รายละเอียด พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเป็นผู้ไปออกข้อกำหนด โดยเบื้องต้นจะมีการกำหนดโซนพื้นที่ในการจำหน่ายและดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่ได้เปิดเสรีเป็นการทั่วไปในทุกพื้นที่

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีลิซ่า แบล็กพิงก์ ไม่สามารถมาร่วมงานเคาต์ดาวน์ที่ประเทศไทยได้นั้น จะไม่กระทบกับความเชื่อมั่นของประเทศไทย เพราะถึงอย่างไรก็จะเดินหน้าเรื่องการเปิดประเทศ กรณีของลิซ่าถือเป็นกิจกรรมหนึ่ง เราก็ยังมีโอกาสที่จะทำกิจกรรมดีๆ ได้

"เรื่องของลิซ่า ยอมรับว่าเป็นเรื่องของธุรกิจด้วย แต่ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวก็คงจะมีอะไรมาทดแทนกับความรู้สึกที่ประชาชนเสียไป" นายอนุทินกล่าว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่าเรื่องของลิซ่าเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีการสื่อสารออกไปในเบื้องต้น ขณะที่เรายังไม่เห็นรายละเอียดในสัญญาทั้งหมด อย่างที่ตนเคยพูดไปแล้วว่า ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ เราจะได้เห็นสัญญา และสุดท้ายก็เกิดความสับสน

"ผมคิดว่าบริษัทเขาคำนึงถึงชื่อเสียง และประกอบกับสำคัญที่ว่าเขาติดคิว ไม่สามารถยกเลิกคิวเพื่อเอามาให้ประเทศไทยได้ สิ่งเหล่านี้ผมขอเรียนอย่างตรงไปตรงมา ส่วนอีกคนนึงคืออันเดรอา โบเชลลี นักร้องชาวอิตาเลียน ผมก็ยังไม่ขอพูดว่าความชัดเจนคืออะไรในช่วงนี้ เพราะจากความผิดพลาดที่ผ่านมา เราได้รับบทเรียนว่าสิ่งไหนที่ยังไม่จบอย่าเพิ่งพูดก่อน ซึ่งตัวผมยอมรับว่าได้ให้สัมภาษณ์ในเบื้องต้นไป หลังจากนี้เราคงต้องทำอะไรให้รอบคอบมากกว่าเดิม แต่ก็คงยังมีศิลปินชื่อดังระดับโลกเข้ามาแน่ๆ แต่จะเป็นใคร อย่างไรนั้น ต้องขอให้มีการลงตัวเรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งตัวผมเองก็พูดออกไปเยอะ เพราะฉะนั้นความผิดพลาดตรงนี้ ตัวผมเองก็ต้องยอมรับตัวผมเองก็ต้องยอมรับ" นายพิพัฒน์กล่าว

แนะผับบาร์อย่าก้าวกระโดด

ส่วน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โควิดพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ว่า ขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่เริ่มดีขึ้น และผ่านระยะที่แพร่ระบาดสูงสุดมาแล้ว โดยการควบคุมในพื้นที่ภาคใต้ดีขึ้นหลังจากกระจายวัคซีนลงไป

วันเดียวกัน กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานบันเทิงในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และกลุ่มจังหวัดที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวหลัก คือ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต รวม 311 ร้าน ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เพื่อขอให้พิจารณาการอนุญาตให้จำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 17 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. และอนุญาตให้เปิดกิจการสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2564 เป็นต้นไป พร้อมข้อเสนอมาตรฐานการดำเนินกิจการปลอดภัย (COVID-Free Setting) สำหรับสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ และมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการ

อย่างไรก็ตาม เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) พร้อมด้วยเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา (Alcohol Watch) และเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง ร่วมกันจัดเสวนาเรื่อง “การปรับตัวและความรับผิดชอบของสถานประกอบการที่จำหน่ายสุราเพื่อรับมือการเปิดประเทศ”

นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังเปิดประเทศแล้วคนกังวลว่านักท่องเที่ยวจะเอาเชื้อเข้ามาระบาดในประเทศ ซึ่งตนมองว่าปัจจุบันมีการติดเชื้อในไทยจำนวนมากอยู่แล้วเฉลี่ยที่ 9,000-10,000 คน จึงคาดว่า ศบค.คงคิดหนักว่าถ้าให้เปิดแล้วจะทำอย่างไร ดังนั้นทุกฝ่ายต้องคุยกันว่าจะมีมาตรการอย่างไร ไปช้าๆ ดีกว่าก้าวกระโดด และปรับแนวคิดเรื่องการทำอะไรต้องใหญ่ ต้องมีคนเยอะ ให้ทำแบบเล็กๆ คนไม่มาก เพราะในที่ปิดคนแน่นมากๆ ส่งเสียงร้องรำทำเพลงเชื้อโควิดในฝอยละอองจากการส่งเสียงของผู้คนจะลอยตัวในห้องได้มาก ทำให้มีโอกาสแพร่ทางอากาศ ติดกันหลายสิบหลายร้อยเหมือนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา

นายโกมล พรมเพ็ง รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ตนกังวลว่าหากมีการเปิดสถานบันเทิง 1 ธ.ค.นี้ จะต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุมไม่ให้แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ซึ่งกรมยินดีรับเรื่องร้องเรียน เพื่อบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะมีตัวอย่างสิงคโปร์เปิดประเทศได้เพียง 2 สัปดาห์มีการระบาด และสถานพยาบาลรองรับไม่ไหว ดังนั้น หากเราก้าวกระโดดเร็วเกินไปเกรงว่าจะไม่ต่างจากสิงคโปร์ ผู้ประกอบการเองก็จะเสียหายมากระบบต่างๆ ก็กลับมาที่เดิมอีก

ส่วนนายคฑาวุธ ทองไทย หรืออาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่า ประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อยากให้มีการจัดพบปะกันทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ ศิลปิน และกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อหาแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อประโยชน์สูงสุด เพราะปลายปีนี้เราอยากได้ยินคำว่าเคาต์ดาวน์ ไม่ใช่ล็อกดาวน์กันอีก เรายินดีปฏิบัติตามมาตรการของรัฐทุกประการ ขอให้บอกมาว่าต้องทำอย่างไร เพราะเราเองก็มีลูกเมียที่ต้องดูแลเหมือนกัน ที่ผ่านมาก็เจ็บปวดมามากพอแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอนทองเขาบรรทัด' สินค้า GI รายการที่ 3 ของตราด

รัฐบาลมุ่งเพิ่มมูลค่าสินค้าท้องถิ่นไทย ขึ้นทะเบียนทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จังหวัดตราด เพื่อความเชื่อมั่นคุณภาพสินค้า ยกระดับรายได้ชุมชน