โพลหนุนถอดแมสก์ที่โล่ง กทม.ชงศปก.ศบค.เคาะ

ติดเชื้อโควิดอีก 3.1 พันราย ดับ 23 คน เลขาฯ สมช.เผย กทม.ชง "ศปก.ศบค." ถอดแมสก์คนกรุง มอบกรมอนามัยดูรายละเอียดก่อนถกในศปก.ศบค.สัปดาห์หน้า "นิด้าโพล" เผยปชช.ส่วนใหญ่เห็นด้วยถอดแมสก์ในที่โล่ง   ยันไม่กลัวติดเชื้่อเพราะดูแลป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี ได้รับวัคซีนแล้ว

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,185 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 3,183 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 3,183 ราย, มาจากเรือนจำและสถานที่ต้องขัง 2 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 3,326 ราย อยู่ระหว่างรักษา 25,262 ราย อาการหนัก 678 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 331 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 23 ราย เป็นชาย 13 ราย หญิง 10 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 20 ราย มีโรคเรื้อรัง 2 ราย ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 1 ราย

มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,477,052 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,421,528 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 30,262 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 537,151,703 ราย เสียชีวิตสะสม 6,325,499 ราย 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เตรียมเสนอให้มีการถอดหน้ากากอนามัยในพื้นที่โล่งแจ้งหรือสวนสาธารณะด้วยความสมัครใจของประชาชนว่า เรื่องนี้ต้องนำเข้าหารือในที่ประชุม ศบค.เพื่อพิจารณา ซึ่งกระบวนการการพิจารณาก็มีอยู่แล้ว หากจะมีมาตรการใดต่างๆ ออกมา ก็จะมีการประชุมของศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ก่อน เพื่อกลั่นกรองและหาข้อสรุปเบื้องต้น ถือเป็นเรื่องปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงเวลาที่เหมาะสมหรือยังที่จะให้ประชาชนถอดหน้ากากอนามัย นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ทุกคนสามารถประเมินสถานการณ์ของตัวเองได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ไหน ควรใส่หรือถอด

พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผอ.ศปก.ศบค. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ในที่ประชุมวันนี้ทาง กทม.ได้เสนอให้พิจารณาเรื่องการถอดหน้ากากอนามัยในพื้นที่ กทม. ซึ่งสอดคล้องกับหลายหน่วยงานที่พิจารณา และเป็นไปตามโรดแมปของรัฐบาลตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทาง โดยหลายหน่วยงานให้ความเห็นและมีการประเมินสถานการณ์ปัจจุบันก่อนมอบหมายให้กรมอนามัยไปพิจารณาและรวบรวมรายละเอียด ก่อนนำเสนอที่ประชุม ศปก.ศบค. ในสัปดาห์หน้าอีกครั้ง

"วันนี้มีการนำเอาสถานการณ์ขึ้นมาหารือ มีรายละเอียดต่างๆ ว่าจะให้ถอดหน้ากากอนามัยทั้งหมดหรือไม่ หรือจะถอดภายใต้เงื่อนไขอย่างไรที่ประชาชนจะปฏิบัติได้ง่ายและปลอดภัย สอดรับกับการนำไปสู่การเป็นโรคประจำถิ่นในระยะต่อไป ทั้งนี้ ทาง กทม.ไม่ได้มีการระบุถึงเงื่อนเวลาที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด"

พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงตี 2 นั้น ในเรื่องนี้อยากให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตปกติมากที่สุด เบื้องต้นเท่าที่ประเมินสถานการณ์หลังกลับมาเปิดให้บริการ ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ทางกรมควบคุมโรคจะพิจารณาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานบริการ ที่กำหนดเรื่องโซนนิ่ง เวลาเปิด-ปิด หรือเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยยึดกฎหมายเดิมที่เคยบังคับใช้ก่อนช่วงการระบาดของโควิด-19 เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และจะนำกลับมาพิจารณาในที่ประชุม ศปก.ศบค. สัปดาห์หน้าเช่นเดียวกัน

วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง “ถอดหน้ากากในที่โล่งแจ้ง-เปิดสถานบันเทิงถึงตี 2” สำรวจระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายน 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค 1 ,310 หน่วยตัวอย่าง

เมื่อถามถึงความกลัวของประชาชนว่าจะติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากการแพร่ระบาดในขณะนี้ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 32.90 ระบุว่าไม่มีความกลัวเลย เพราะ ดูแลป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อฯ ขณะที่บางส่วนระบุว่าไม่ได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด รองลงมา ร้อยละ 29.01 ระบุว่าค่อนข้างมีความกลัว เพราะผู้ต้องเดินทางไปทำงานนอกบ้าน ต้องติดต่อกับผู้คนจำนวนมาก และพักอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด, ร้อยละ 25.27 ระบุว่าไม่ค่อยมีความกลัว เพราะดูแลและป้องกันตนเองเป็นอย่างดี และไม่ได้เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด และร้อยละ 12.82 ระบุมีความกลัวมาก เพราะเชื้อไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนเเพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน ขณะที่บางส่วนระบุว่าเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว จึงเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อได้ง่าย

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวคิดที่จะอนุญาตให้ประชาชนถอดหน้ากากได้ในขณะอยู่ในที่โล่งแจ้ง พบว่า ร้อยละ 37.48 ระบุว่าเห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 27.71 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย, ร้อยละ 17.48 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย และร้อยละ 17.33 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย

ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นต่อแนวคิดที่จะอนุญาตให้สถานบันเทิงเปิดบริการได้ถึงตี 2 พบว่า ร้อยละ 25.65 ระบุว่าเห็นด้วยมาก และค่อนข้างเห็นด้วย ในสัดส่วนที่เท่ากัน รองลงมา ร้อยละ 25.34 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย และร้อยละ 23.36 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

'เสี่ยหนู' ขอเช็กปมเก้าอี้ 'ครูแก้ว' หลังถูก ป.ป.ช.ฟันจริยธรรมร้ายแรงก่อน

'อนุทิน' ขอเช็กรายละเอียด ตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี หลัง 'ครูแก้ว' ถูก ป.ป.ช.ชี้จริยธรรมร้ายแรงที่ดินป่าดงพะทาย