เปิดประเทศวันแรกนทท.คึกคัก

เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวคึกคัก! เที่ยวบินจากนาริตะแตะรันเวย์สุวรรณภูมิเป็นลำแรก ผอ.สุวรรณภูมิคาดตลอดเดือน พ.ย.ต้อนรับผู้โดยสารเฉลี่ย 2.4 หมื่นคนต่อวัน “สธ.-คค.” ลงพื้นที่ยันภาพรวมเรียบร้อยดี “ประยุทธ์” ขอบคุณข้ามฟ้าจากกลาสโกว์ บอกเพราะทุกภาคส่วนร่วมมือ “ศบค.” แถลงตัวเลขติดเชื้อใหม่ 8,165  ราย เสียชีวิต 55 ราย ยังต้องจับตา 10 จังหวัดใกล้ชิด “โมเดอร์นา”  ถึงไทยล็อตแรก เตรียมกระจายผู้จองรายละ 10%

เมื่อวันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน ถือเป็นวันแรกของประเทศไทยที่เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวใน 63 ประเทศ/พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ  โดยไม่ต้องกักตัวหลังตรวจไม่พบเชื้อ โดยบรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิกลับมาคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า โดยนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า มีสายการบินแจ้งทำการบินเที่ยวบินผ่านสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 335 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินจากต่างประเทศ 40 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารจำนวน 2,424 คน  แบ่งเป็นผู้โดยสารต่างชาติ 1,534 คน และผู้โดยสายคนไทย 890  คน โดยคาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ  38,000 คน ส่วนผู้โดยสารตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.คาดว่าจะอยู่ที่  725,978 คน เฉลี่ย 24,199 คนต่อวัน

“ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาจจะติดขัดช่วงจุดคัดกรองจุดแรก​ที่มีผู้โดยสารหนาแน่น​ เนื่องจากเอกสารไม่เรียบร้อย แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิ​สูง” นายกิตติพงศ์กล่าว

สำหรับเที่ยวบินของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่บินเข้าไทยมาถึงตั้งแต่เมื่อคืนเวลา 00.05 น. จากสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเที่ยวบิน NH805 สายการบินออลนิปปอนแอร์เวยส์ มีผู้โดยสาร 43 คน  เป็นคนไทย 32 คน และชาวต่างชาติอีก 11 คน

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า ผู้ที่เดินทางเข้ามา  2,424 คน เมื่อเดินทางมาถึงทุกคนต้องผ่านการตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เพื่อตรวจสอบใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศ (COE : Certificate of  Entry) หรือสแกน QR Code ระบบ Thailand Pass มีเจ้าหน้าที่ให้บริการ 10-15 คน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทาง  ใช้เวลาประมาณ 1 นาทีต่อคน จากนั้นเข้าสู่พิธีการตรวจคนเข้าเมือง  และเดินทางไปยังโรงแรมที่จัดไว้เพื่อเข้ารับการตรวจด้วยวิธี RT-PCR และพักรอผลตรวจ 1 คืน หากผลเป็นลบสามารถเดินทางไปได้ทั่วประเทศ โดยนักท่องเที่ยวต้องโหลดแอปพลิเคชันหมอชนะ สำหรับติดตามตัวตลอดเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย

ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม (คค.) กล่าวหลังลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเช่นกันว่า ถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนการเปลี่ยนระบบการคัดกรองผู้โดยสารเข้าประเทศจากระบบ  COE เป็นระบบ Thailand Pass มีความแตกต่างกันเพียง  45 วินาทีเท่านั้น ซึ่งช่วงแรกที่มีการเปลี่ยนผ่านระบบมีติดขัดบ้างเล็กน้อย จึงขอเวลา 7 วันในการสรุปข้อมูลให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ระบบที่ดำเนินการอยู่มีความลงตัวมากที่สุด

บิ๊กตู่ปลื้มเปิดประเทศ

ขณะเดียวกัน ในเวลา 13.40 น.ตามเวลาในไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางถึงเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เพื่อเข้าร่วมประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP 26 โดยนายกฯ กล่าวก่อนลงเครื่องบินว่า ขอแสดงความยินดีกับบรรยากาศการเปิดประเทศวันแรก ขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีความพร้อมที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการเปิดประเทศ โดยรับทราบจากการรายงานข่าวมาว่า การเปิดประเทศไทยในวันนี้เริ่มต้นไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเที่ยวบินต่างๆ ก็เข้ามายังประเทศไทยกว่า 60 เที่ยวบิน และได้รับรายงานว่าทุกส่วนงานมีความพร้อม ได้รับการชื่นชมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยังมีความบกพร่องอยู่ก็ขอให้ดำเนินการให้ดีที่สุด เพื่อแก้ปัญหาและเดินหน้าประเทศของเราต่อไปให้ได้โดยเร็ว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การเปิดประเทศบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยที่สนามบินสุวรรณภูมิมี 61 เที่ยวบิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินจากยุโรปเป็นหลัก ขณะที่จำนวนผู้โดยสารเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 2,300 คน และคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศอีกบางส่วน รวมมีคนเดินทางเข้าประเทศประมาณ 3,000 คน และในวันที่ 1-5 พ.ย.นี้ มีสายการบินต่างชาติทั่วโลกที่จะทำการบินเข้าและออกไทยทั้งหมด 27 สายการบิน  มีผู้โดยสารรวม 15,230 คน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ระบบ  Thailand Pass ซึ่งเป็นมาตรการรองรับการเดินทางเข้าไทย สำหรับคนไทยและคนต่างชาติ เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนไปเมื่อเวลา  09.00 น. วันที่ 1 พ.ย. ผ่านเว็บไซต์ https://tp.consular.go.th ส่วนระบบ COE ยังใช้ในกลุ่มการเดินทางเข้าประเทศทั้งทางบกและทางน้ำ

ส่วนที่ท่าอากาศยานภูเก็ต เที่ยวบินแรกที่แตะรันเวย์สนามบินภูเก็ตมาจากสวิตเซอร์แลนด์ สายการบิน Edelweiss มีนักท่องเที่ยว 227 คน และวันนี้มีเที่ยวบินบินเข้ามาจังหวัดภูเก็ตกว่า 11  เที่ยวบิน

ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีผ่อนปรนให้มีการเปิดจำหน่ายแอลกอฮอล์ในร้านอาหารไม่เกินเวลา 21.00 น.ว่า มีการส่งเจ้าหน้าที่ร่วมกับกรมการปกครองเข้ากวดขันป้องกันการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลา  โดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ห้ามปล่อยปละละเลย หรือมีส่วนรับผลประโยชน์เพื่อปล่อยให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลา หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจะลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อไป

ยังจับตาโควิด 10 จังหวัด

สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 นั้น พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,165 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี  2563 จำนวน 1,920,189 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 9,574 ราย  ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,801,702  ราย อยู่ระหว่างรักษา 99,227 ราย อาการหนัก 2,221 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 494 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 55 ราย เป็นชาย 26 ราย  หญิง 29 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน  19,260 ราย

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 1  พ.ย. ได้แก่ กทม. 625 ราย, นครศรีธรรมราช 539 ราย, สงขลา  476 ราย, ปัตตานี 448 ราย, เชียงใหม่ 378 ราย, นราธิวาส  351 ราย, ตรัง 295 ราย, ยะลา 290 ราย, ชลบุรี 259 ราย  และสมุทรปราการ 249 ราย ขณะที่ จ.อำนาจเจริญและนครพนม เป็น  2 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ โดยภาพรวมทั้งประเทศถือว่าตัวเลขการติดเชื้อลดลง รวมไปถึง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ สธ.ยังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดในพื้นที่ 10 จังหวัด อาทิ ยะลา, ปัตตานี,  นราธิวาส, สงขลา, เชียงใหม่, ตาก, ระยอง, จันทบุรี และขอนแก่น  เนื่องจากยังพบการติดเชื้อสูงอยู่ ขณะเดียวกันพบคลัสเตอร์ใหม่หลายแห่ง อาทิ ผู้ติดเชื้อจากบุญบั้งไฟที่ จ.หนองคาย และเดินทางข้ามไปยัง  จ.อุดรธานี, คลัสเตอร์งานแต่งงานที่ จ.เชียงใหม่, คลัสเตอร์แคมป์คนงานที่ จ.ชลบุรี, นครนายก, เชียงใหม่ และประจวบคีรีขันธ์, คลัสเตอร์โรงเรียนและวิทยาลัยที่ จ.เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน รวมถึงคลัสเตอร์แรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองที่ จ.กำแพงเพชรและพิจิตร

พญ.อภิสมัยกล่าวถึงยอดผู้ได้รับวัคซีนของไทยเมื่อวันที่ 31 ต.ค.  มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 320,719 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 75,710,277 โดส โดยเป็นการฉีดเข็มที่หนึ่งไปแล้ว 58.8% ขณะที่พื้นที่ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว เหลือเพียงไม่กี่จังหวัดที่ฉีดวัคซีนยังไม่ครอบคลุม 70% ของประชากร  จึงจะเร่งรัดฉีดให้ครอบคลุม พร้อมกันนี้จะระดมการกระจายวัคซีนไปยังภาคเหนือและอีสานที่ยังถือว่าได้รับวัคซีนน้อยกว่าภาคอื่นๆ รวมถึงพื้นที่ชายขอบ โดยในเดือน พ.ย.นี้ตั้งเป้าฉีดวัคซีนประชาชนให้ได้  70%

​นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ระบุว่า ภาพรวมการติดเชื้อลดลงและหวังว่าจะลดลงเรื่อยๆ ขณะที่อัตราการเสียชีวิตมีการแกว่งตัวค่อนข้างสูงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้การติดเชื้อใน กทม.ช่วง 7 วันที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลง แต่ยังมี 6 จังหวัดที่ต้องระวังเพิ่มอย่างใกล้ชิด  คือ นครศรีธรรมราช, เชียงใหม่, ตาก, ระยอง, จันทบุรี และขอนแก่น  โดย 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนและเพิ่มสูงขึ้นจึงต้องมีการจับตามอง

ด้าน น.ส.รัชดากล่าวว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้ออกประกาศ เรื่องการปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกันตนที่ได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งปลดล็อกให้ผู้ประกันตนสัญชาติไทยสามารถยื่นขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามประกาศ สปสช. กรณีได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนโควิด-19 โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.64 

ขณะที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) พร้อมด้วยบริษัท แซดพี เทอราพิวติกส์ ซิลลิค ฟาร์มา ประเทศไทย, สมาคมโรงพยาบาลเอกชน  แถลงข่าวเรื่องวัคซีนโมเดอร์นาล็อตแรกว่า เดินทางมาถึงไทย  560,200 โดส โดย ภญ.สุนัยนา กิจเกษตรไพศาล ผู้จัดการทั่วไป แซดพีฯ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่นำเข้าวัคซีนโมเดอร์นาล็อตแรกจำนวน  560,200 โดสได้ตามแผน และหลังจากนี้จะทยอยนำส่งวัคซีนให้ครบ 1.9 ล้านโดสในไตรมาส 4 ของปีนี้ ที่เหลืออีก 6.8 ล้านโดสจะทยอยส่งให้ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2565

นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่า  วัคซีนล็อตแรก 560,200 โดส หรือประมาณ 10% มีอายุอยู่ได้ประมาณ 7 เดือน ดังนั้นจะจัดสรรวัคซีนไปตามสัดส่วนผู้ที่จองประมาณ 10% ด้วย.   

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง