แคมป์ปิ้งกร่อย ม็อบไล่ประยุทธ์ มาสภาหลักร้อย

"3 นิ้ว" ไม่สนคำสั่งสภา ห้ามจัดชุมนุมลานหน้ารัฐสภา ตั้งแคมป์คู่ขนานอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ปราศรัยโจมตีรัฐบาล พร้อมประกาศปักหลักค้างคืนถึง 23 ก.ค. แต่บรรยากาศโหรงเหรงมวลชนมาไม่ถึง 100 คน "เครือข่ายชาวนาฯ" ยกขบวนให้กำลังใจ "บิ๊กตู่" ขอให้อยู่ครบเทอม

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้เผยแพร่เอกสารข่าวระบุ ว่าที่เรือตรียุทธนา สำเภาเงิน ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ในฐานะโฆษกประจำสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ชี้แจงกรณีการพิจารณาขอใช้พื้นที่รัฐสภาจัดกิจกรรม “แคมป์ปิ้งฟังสภา จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์” ระหว่างวันที่ 19-23 ก.ค.2565 ของกลุ่มเคลื่อนไหวภาคประชาชนในนามราษฎร

ตามที่กลุ่มเคลื่อนไหวภาคประชาชนในนามราษฎรได้มีหนังสือลงวันที่ 12 ก.ค.2565 ขออนุญาตใช้พื้นที่บริเวณลานกว้างหน้ารัฐสภา (ฝั่งประตู ส.ส.) ถนนทหาร จัดกิจกรรม “แคมป์ปิ้งฟังสภา จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์” โดยจะมีการตั้งแคมป์ค้างคืน ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.2565 เวลา 08.00 น. ถึงวันที่ 23 ก.ค.2565 เวลา 12.00 น. โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมวันละ 500 คน และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมค้างคืนประมาณ 300 คน พร้อมขอใช้ไฟฟ้าของรัฐสภา สำหรับการส่องสว่างและเครื่องขยายเสียงระหว่างการทำกิจกรรมนั้น

โดยทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ตรวจสอบตามรายงานของสำนักรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับการพิจารณาอนุญาตขอใช้พื้นที่บริเวณลานกว้างหน้ารัฐสภา ถนนทหาร และการขอใช้ไฟฟ้าของรัฐสภาสำหรับการส่องสว่างและใช้เครื่องขยายเสียง เพื่อจัดกิจกรรมข้างต้นแล้วว่า เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้ว่าจ้างก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ยังไม่ได้รับมอบพื้นที่ตามสัญญาจ้างจากบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้รับจ้างก่อสร้างฯ ประกอบกับระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการบริหารจัดการพื้นที่และอาคารรัฐสภา พ.ศ.2545 ได้กำหนดหลักการไว้ว่า ในการใช้งานพื้นที่หรืออาคารรัฐสภาจะต้องเป็นไปเพื่อการปฏิบัติหน้าที่นิติบัญญัติ หรือการบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา ด้วยเหตุนี้ สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จึงยังไม่อาจอนุญาตตามความประสงค์ในขณะนี้ได้

ต่อมาเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.ศักดิเดช กัมพลานุวงศ์ ผกก.สน.บางโพ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานรักษาความปลอดภัย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร  ได้ลงพื้นที่บริเวณลานกว้างหน้ารัฐสภา ถนนทหาร ที่ทางกลุ่มแนวร่วมราษฎรนัดหมายทำกิจกรรมชุมนุม “แคมป์ปิ้งฟังสภา จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจประยุทธ์” เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย และพูดคุยกับผู้จัดกิจกรรมถึงการใช้พื้นที่ และรูปแบบการทำกิจกรรม ที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมชี้แจงว่า จะมีการปักหลักพักค้าง โดยจะแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับนอน และพื้นที่สำหรับใช้ทำกิจกรรมปราศรัย

ด้านกลุ่มราษฎร กลุ่มทะลุฟ้า ได้เข้ามาตั้งเต็นท์เพื่อรองรับมวลชน รวมทั้งที่พักหลับนอน ครัว และเวทีการจัดอภิปรายภาคประชาชน และบูธต่างๆ ตั้งแต่ช่วงบ่าย กระทั่งเวลา 14.00 น. มวลชนจำนวนหนึ่งได้ทยอยเข้าพื้นที่เพื่อร่วมกิจกรรม “แคมป์ปิ้งฟังสภา จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์” บริเวณลานกว้างหน้ารัฐสภา (ฝั่งประตู ส.ส.) โดยกิจกรรมเริ่มเวลา 17.00 น. มีการเล่นดนตรีและร้องเพลงจาก เอ้ The Voice และน้ำ คีตาญชลี จนเวลา 17.20 น. ที่เวทีกลางแกนนำกลุ่มราษฎรได้ขึ้นกล่าวเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมรับฟังการอภิปรายภาคประชาชน พร้อมเชิญชวนประชาชนให้มาลงมติที่ยังเหลืออีกจุดเดียวคือหน้ารัฐสภา

จากนั้นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวทางการเมือง นายวรัญชัย โชคชนะ ได้ปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล โดยถือกล้วยและงูเห่าพลาสติก ซึ่งอ้างว่าเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลชุดนี้ ขณะเดียวกันมีป้ายประท้วงแขวนคอระบุว่า “ไม่ไว้วางใจประยุทธ์เป็นรัฐมนตรีอีกต่อไป รัฐบาลซื้องูเห่าแจกกล้วย ยึดอำนาจสืบทอด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำลายประชาธิปไตย” โดยอ้างว่ารัฐบาลชุดนี้มีการซื้อ ส.ส.งูเห่า มีการแจกกล้วย ส.ส.งูเห่า และเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกับสาปแช่ง ส.ส.งูเห่า   

ส่วนมวลชนที่เข้าร่วมกิจกรรมยังโหรงเรง มีเพียงไม่ถึง 100 คน ประกอบกับสภาพอากาศท้องฟ้ากำลังมืดครึ้ม ฝนทำท่าจะตก ทำให้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมน้อย และทางแกนนำก็ได้ย้ายเวทีกลางแจ้งเข้าไปอยู่ภายในเต็นท์ โดยเป็นการพูดคุยเสวนาของแกนนำสลับกับการเล่นดนตรีคั่นรอเวลามวลชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรม

ทั้งนี้ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันจะคงปักหลักอยู่ที่บริเวณหน้ารัฐสภา แม้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จะไม่อนุญาตให้ชุมนุมจัดกิจกรรมตามที่ร้องขอ โดยยืนยันจะชุมนุมไม่ไปไหนจนกว่าจะถึงวันที่ 23 ก.ค. ซึ่งเป็นวันลงมติรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทั้ง 11 คน เพราะถือเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถติดตามการอภิปรายได้ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุมได้ส่งหนังสือมายังสำนักงานเลขาธิการสภาฯ เพื่อขอค้างคืนบริเวณหน้ารัฐสภาในวันที่ 19- 23 ก.ค.นั้น มีจำนวน 300 คน แต่จนถึงเวลา 18.30 น. ของวันที่ 19 ก.ค. ยังมีผู้ชุมนุมบางตาไม่ถึง 100 คน 

ที่รัฐสภา เครือข่ายชาวนาเพื่อการพาณิชย์ อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวแห่งชาติ นำโดยนายพชร พูลเจริญภักดี ประธานเครือข่ายชาวนาฯ เดินทางมายื่นหนังสือขอให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โดยขอให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี นับจากวันที่ 9 มิถุนายน 62 พร้อมกับขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สนับสนุนนโยบายให้กรมการข้าวช่วยเหลือประชาชน และขอให้รัฐบาลสนับสนุนชาวนาทำตลาดเอง

นายพชรกล่าวว่า การส่งออกข้าวไทยเผชิญความท้าทายทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ทั้งภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง นอกจากนี้ ผลผลิตข้าวโลกที่เพิ่มขึ้นจากการที่ประเทศคู่แข่งพัฒนาสายพันธุ์ข้าวที่ดีขึ้น ทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งตลาดข้าวโลกมากขึ้นเรื่อยๆ จากตลาดข้าวของประเทศอื่น เช่น เวียดนาม และอินเดีย นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองบางคนร่วมมือกับนายทุนแทรกแซงตลาดข้าวไทย

"วันนี้พวกเราเห็นการทำงานของรัฐบาลที่ทุ่มเทแก้ปัญหาปากท้องพี่น้องชาวนา เตรียมจะผลักดันงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทผ่านกรมการข้าว นายกฯ ลุงตู่ เป็นนายกฯ คนแรกที่ประกาศตนเป็นหัวหน้าครอบครัวชาวนา แสดงว่าท่านรักและห่วงใยชาวนาจริง เราจึงมาให้กำลังใจท่านที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ปี 60 จากการเลือกของสภา เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.62 ขอให้ท่านสู้ศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาครั้งนี้ การที่ท่านรื้อฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ กลับคืนมาได้ สามารถช่วยให้ตลาดข้าวดีขึ้น พี่น้องชาวนาก็จะได้ไปทำตลาดข้าวต่อไป วันนี้เราจึงมาขอเป็นกำลังใจให้ท่านอยู่ไปจนครบ 8 ปี" ประธานเครือข่ายชาวนาฯ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง