2ป.ห่วงนํ้าท่วม อนุมัติงบพันล้าน เร่งฟื้นฟูเยียวยา

"บิ๊กป้อม" นั่งหัวโต๊ะ ครม.เคาะงบกลางกว่า 1.5 พันล้านบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ สั่งตั้งศูนย์ส่วนหน้าแก้น้ำท่วมอีสานที่อุบลฯ กำชับทุกส่วนราชการช่วยเหลือ ปชช. ฝากมหาดไทยเร่งฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ   “ประยุทธ์” ไม่น้อยหน้า สั่งทหารทุกเหล่าทัพเตรียมพร้อมอพยพประชาชนหากสถานการณ์วิกฤต  

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกฯ มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามที่ได้มีการคาดการณ์ในช่วงกันยายน-ตุลาคมนี้ ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมาก รวมทั้งสถานการณ์น้ำท่วมขังที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงขอให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมขังอย่างทันที

พร้อมฝากกระทรวงมหาดไทยเร่งฟื้นฟู เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย รวมทั้งเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการมวลน้ำ โอกาสนี้ จะเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ณ จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 8 กันยายนนี้ โดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) จะบูรณาการทุกภาคส่วนในพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด โดยบรรเทาทุกข์ให้กับพี่น้องประชาชนไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนหรือเดือดร้อนน้อยที่สุด

 นายอนุชายังแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติงบกลางวงเงิน 664 ล้านบาท ให้กรมชลประทานจัดหาเครื่องจักรกลสูบน้ำ 203 เครื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง และยังเป็นการทดแทนเครื่องสูบน้ำที่มีอายุการใช้งานมากและมีประสิทธิภาพการทำงานต่ำ ซ่อมแซมไม่คุ้มค่า รวมทั้งยังเป็นการปรับแผนวิธีการหรือแนวทางการเผชิญเหตุอุทกภัยและภัยแล้งเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานป้องกันความเสียหายและบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำ ช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนที่รวดเร็ว

สำหรับโครงการจัดหาเครื่องจักรกลสูบน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง รวม 3 รายการ โดยเป็นเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่งขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาดท่อต่างๆ ดังนี้  ขนาดท่อส่งไม่น้อยกว่า 8 นิ้ว จำนวน 27 เครื่อง งบประมาณ 67,130,100 ล้านบาท, ขนาดท่อส่งไม่น้อยกว่า 10 นิ้ว  จำนวน 34 เครื่อง งบประมาณ 99,749,200 ล้านบาท, ขนาดท่อส่งไม่น้อยกว่า 14 นิ้ว จำนวน 142 เครื่อง งบประมาณ 497 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 203 เครื่อง วงเงินรวมทั้งสิ้น 663,879,300 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.อนุมัติงบกลาง กรอบวงเงิน 911.7120 ล้านบาท  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2565/66 เพิ่มเติม จำนวน 576 โครงการ โดยจะเป็นการดำเนินการภายใต้ 3 กระทรวง 7 หน่วยงาน ดังนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 192.0700 ล้านบาท, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 519 โครงการ วงเงินรวม  619.7137 ล้านบาท โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จำนวน 496 โครงการ วงเงิน 376.4279 ล้านบาท และกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 23 โครงการ วงเงิน 243.2858 ล้านบาท, กระทรวงมหาดไทย จำนวนทั้งสิ้น 53 โครงการ วงเงินรวม 99.9283 ล้านบาท ประกอบด้วย จังหวัด จำนวน 1 โครงการ วงเงิน 4.5790 ล้านบาท, องค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 40 โครงการ วงเงิน 62.1180 ล้านบาท,  องค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 11 โครงการ วงเงิน 31.6313 ล้านบาท และเทศบาลตำบล จำนวน 1 โครงการ วงเงิน 1.6000 ล้านบาท 

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เมื่อโครงการต่างๆ ดำเนินการแล้วเสร็จนั้น จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 3,542 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ประมาณ 542 ครัวเรือน ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 3.32 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นต้น

ขณะที่ พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม ได้กำชับสั่งการทุกเหล่าทัพ ที่มีหน่วยทหารในพื้นที่ทั่วประเทศ เตรียมยกระดับสนับสนุนรับมือกับสถานการณ์การเตือนภัยจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านและปกคลุมไทย ส่งผลฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักมากในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 

โดยให้ประสานทำงานร่วมกับฝ่ายปกครอง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและจิตอาสาในพื้นที่ และเตรียมปฏิบัติตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของแต่ละเหล่าทัพและหน่วยทหารในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะการติดตามเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ทั้งนี้ ให้กระจายกำลังเร่งด่วนเข้าช่วยเหลือและอพยพประชาชน ทรัพย์สินมีค่าออกจากพื้นที่  และหากจำเป็นวิกฤต ให้เปิดพื้นที่หน่วยทหารรับการอพยพประชาชนเข้าดูแล  พร้อมกันนี้ ให้สนับสนุนเคลื่อนย้ายกำลังพล เครื่องมือช่างและเครื่องสูบน้ำเข้าแก้ปัญหาพื้นที่วิกฤตทันที เพื่อลดความเสียหายและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน 

ด้านนายสุรชาติ ศรีบุษกร ส.ส.พปชร.พิจิตร เขต 3 เปิดเผยว่า 5 ส.ส.พรรคพปชร. ประกอบด้วย จ.พิจิตร จ.นครสวรรค์ และ จ.กำแพงเพชร ได้รายงานและเข้าหารือต่อ พล.อ.ประวิตรเพื่อให้ท่านช่วยพิจารณาจัดหางบประมาณในการซ่อมแซมฝายแม่น้ำปิงแตกจังหวัดกำแพงเพชรเป็นการเร่งด่วนด้วย และจะของบประมาณอีก 100 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงฝายในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาวังยาง ซึ่งอยู่ในแม่น้ำปิงตอนใต้ของ จ.กำแพงเพชร ให้มีขนาดใหญ่และมีมาตรฐานขึ้นอีกเพื่อใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการน้ำช่วยเหลือชาวไร่อ้อยกำแพงเพชร-ชาวนาพิจิตรต่อไปอีกด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง