30ก.ย.ชี้ชะตาบิ๊กตู่ ศาลรธน.มีหลักฐานเพียงพอวินิจฉัย/ฝ่ายค้านห้ามยุบสภา

ลุ้นระทึก ศาล รธน.นัดชี้ชะตา "บิ๊กตู่" ปมวาระ 8 ปี 30 ก.ย.นี้   นายกฯ มอบอำนาจหัวหน้าทีมกฎหมายฟังคำพิพากษาแทน "ชลน่าน" ปักใจ "ประยุทธ์" ไปแน่ ดักคอห้ามยุบสภา เพราะต้องเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปก 

เมื่อวันที่​ 14 กันยายน 2656 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญออกเอกสารข่าวแจ้งว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่แล้ว เห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและหลักฐานเพียงพอให้พิจารณาวินิจฉัยได้

จึงให้ยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติ​ประกอบรัฐธรรมนูญ​ (พ.ร.ป.) ​ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติและอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย. เวลา 15.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม  ว่าเดินทางเข้าทำงานที่กระทรวงกลาโหมตั้งแต่ช่วงเช้า โดยไม่มีวาระงานใดเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ยังไม่มีกำหนดการ พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์รับทราบผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดนัดอ่านคำวินิจฉัยเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 โดยเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และยืนยันว่าจะให้ความเคารพต่อผลการพิจารณาของศาล ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะเป็นเช่นใด

"พล.อ.ประยุทธ์ขอขอบคุณกำลังใจจากประชาชนทุกคนที่มอบให้ และขณะนี้ยังคงปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่ และในสถานการณ์ปัจจุบันได้ให้กองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงกลาโหม เร่งดูแล ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากสถานการณ์น้ำท่วมขังอย่างทันท่วงที  ทั้งในกรุงเทพมหานครและอีกหลายพื้นที่ของประเทศไทย พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟู เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว" นายอนุชากล่าว

แหล่งข่าวระดับสูงจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ก่อนจะนัดฟังคำพิพากษา  ศาลจะต้องมีหนังสือไปถึงคู่ความ คือผู้ร้องและผู้ถูกร้อง ให้มาฟัง แต่ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือมา หากศาลมีหนังสือมาถึง ทางพล.อ.ประยุทธ์ได้มอบอำนาจให้ พล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะทีมกฎหมาย ให้เป็นผู้ไปฟังแทน โดยนายกฯ ไม่จำเป็นต้องไปเอง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนในฐานะที่เป็นประชาชน ก็ขอให้เป็นเรื่องของศาลในการพิจารณา คงไม่ไปก้าวล่วงหรือวิพากษ์วิจารณ์อะไร ส่วนกำลังใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจากที่ได้มีการพูดคุยกัน พล.อ.ประยุทธ์เองก็อยากทำงานตลอด แต่ตอนนี้ก็คงทำได้ในฐานะ รมว.กลาโหม ซึ่งทราบว่ามีความเป็นห่วงและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอยู่เช่นเดียวกัน

'ชลน่าน'ห้ามยุบสภา

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้บันทึกวีดิทัศน์การกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระดับผู้นำ ว่าด้วยการพลิกโฉมการศึกษา (Transforming Education Summit : TES) ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งถือเป็นการใช้ตึกไทยคู่ฟ้าครั้งแรกในการปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ศาลนัดวันที่ 30 ก.ย. เป็นผลจากการที่ศาลพิเคราะห์หลักฐานทั้งหมดแล้วเห็นว่ามีความครบถ้วนเพียงพอ ไม่ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมอีก ถือว่าสิ้นข้อสงสัยแล้ว จึงให้ทิ้งเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยออกมา เพื่อให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปทำคำวินิจฉัยส่วนตนเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนจะมาแถลงคำวินิจฉัยในวันที่ 30 ก.ย. พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าพยานหลักฐานต่างๆ ที่ยื่นไปทั้งหมด มีหลักฐานเพียงพอว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องสิ้นสภาพการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 24 ส.ค.2565 

 เขากล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จริง ใครจะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร ยังเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมายอยู่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 168 ระบุว่า หากนายกฯพ้นตำแหน่ง ให้ ครม.รวมถึงนายกฯ อยู่รักษาการต่อ จนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ยกเว้น 4 กรณีที่ ครม.ไม่สามารถทำหน้าที่รักษาการต่อได้คือ 1.ความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน 2.ความผิดในลักษณะต้องห้ามของตัวนายกรัฐมนตรี 3.ความผิดเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริต 4.การฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งความผิดกรณีวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกฯ ยังเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมายที่ยังมีความเห็นแตกต่างว่าจะเข้าเงื่อนไขข้อยกเว้น 4 ข้อ ที่ห้าม พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ 

 “คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคิดว่าไม่มีผลต่อการพิจารณายุบสภา เพราะมีเหตุผลอื่นที่เป็นองค์ประกอบหลักมากกว่า อาทิ การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปก การวางตัวบุคคลเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง และเสียงเรียกร้องของประชาชนให้ยุบสภาจะดังแค่ไหน ที่รัฐบาลต้องเอามาประกอบตัดสินใจเรื่องการยุบสภา”นพ.ชลน่านกล่าว

ทุจริตโดยไม่มีข้อจํากัด

 ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทํางานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้ข้อสังเกตดังนี้ 1.มาตรา 158 บัญญัติกรณี 8 ปี ว่านายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ไม่ว่าจะดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่ ทั้งนี้ ได้บัญญัติแตกต่างไปจากมาตรา 171 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ 2550 ที่บัญญัติเพียงว่า นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งติดต่อกันเกินกว่าแปดปีมิได้ รัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับมีหลักการแปดปีเหมือนกัน ทําไมถึงเขียนต่างกัน 

2.การที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 264 ได้บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีที่เป็นอยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้ โดยยกเว้นคุณสมบัติบางประการที่กําหนดไว้ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 แต่กลับไม่ยกเว้นคุณสมบัติบางเรื่อง เช่น การดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีเกินกว่าแปดปี ถ้าต้องการยกเว้นก็ควรจะต้องเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเรื่องแปดปียกเว้น เป็นมาก่อน ไม่นับ แต่เรื่องอื่นๆ กลับเขียนไว้โดยชัดเจนว่าไม่นํามาใช้บังคับกับ ครม.ที่เป็นอยู่ก่อนแล้ว 

3.เจตนารมณ์สําคัญของการห้ามนายกรัฐมนตรีดํารงตําแหน่งเกินกว่าแปดปีมีความชัดเจน ในบันทึกการประชุมของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญว่าเพื่อมิให้เกิดการผูกขาดอํานาจในทางการเมืองยาวเกินไป อันจะเป็นต้นเหตุวิกฤตทางการเมืองได้ ระยะเวลาการดํารงตําแหน่งของผู้นําประเทศถือเป็นสากล เป็นส่วนหนึ่งของหลักนิติธรรม เพราะอํานาจทําให้คนทุจริต อํานาจเด็ดขาด ทําให้ทุจริตได้อย่างไม่มีข้อจํากัด คนที่มีอํานาจเหนือคนอื่นมีแนวโน้มที่จะทุจริตหรือใช้อํานาจในทางมิชอบ ถ้าปล่อยให้บุคคลเหล่านี้มีอํานาจเด็ดขาดเป็นระยะเวลายาวนานเกินไป ก็เท่ากับปล่อยให้ผู้ใช้อํานาจสามารถกระทํามิชอบ ทุจริตโดยไม่มีข้อจํากัด การที่บุคคลใดจะดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี จะต้องทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ใช้อํานาจอธิปไตยหนึ่งในสามอํานาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้มาอย่างไร ตามกฎหมายใดก็คือนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยนั่นเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลรัฐธรรมนูญ วันเดียวกันนี้ กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "คนเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการและผู้รักประชาธิปไตย" ประมาณ 10 คน นำโดยนายภัทรพล ธนเดชพรเลิศ พร้อมด้วยนายวรัญชัย โชคชนะ นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง ร่วมกันยื่นหนังสือถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลพิจารณาคดีอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่หวั่นเกรงต่ออิทธิพลใดๆ และยึดถือความถูกต้องและผลประโยชน์ของประเทศชาติ

พร้อมอ่านเนื้อความจดหมายเปิดผนึกสรุป 3 ประเด็น 1.พล.อ.​ประยุทธ์​ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการมาครบ 8 ปี ซึ่งเป็นที่รับรู้กันทั่วโลก 2. วัตถุประสงค์การกำหนดวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี เพื่อป้องกันการผูกขาดอำนาจหรือป้องกันการสืบทอดอำนาจ และขอให้ศาลพิจารณาคำร้องนี้ไม่ให้ล่าช้า และ 3.ขอให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ซึ่งในวันที่มีการนัดตัดสินวาระดังกล่าว จะมาปักหลักรอฟังผลคำวินิจฉัยที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญด้วย.      

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

งบ68 ทร.ซื้อเครื่องบินลำเลียง  ‘เรือดำน้ำ-ฟริเกต’ ไปถึงไหน?

คงต้องติดตามดูต่อไปว่า “สุทิน” จะได้รับการอนุมัติให้นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหมต่อเพื่อผลักดันโครงการ และปัญหาที่ยังไม่ลุล่วงเหล่านี้หรือไม่

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์