ธนารักษ์ฉับไว ลงนามสัญญา ดูแลท่อน้ำอีอีซี

ท่อส่งน้ำอีอีซีจบแล้ว “ธนารักษ์” จรดปากกาเซ็นแล้วโครงการ 2.5 หมื่นล้านบาทกับ “วงษ์สยามก่อสร้าง”  หลังศาลปกครองสูงสุดไม่คุ้มครองคดีอีสท์วอเตอร์ฟ้อง มั่นใจรัฐไม่เสียหาย เร่งลงพื้นที่เจรจาส่งมอบทรัพย์สินใน 60 วันเพื่อไม่ให้ล่าช้า

เมื่อวันศุกร์ที่ 23 กันยายน นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นประธานในพิธีลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) ระหว่างกรมธนารักษ์ กับนายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ซึ่งบริษัทเป็นผู้ชนะการประมูลตามที่คณะกรรมการที่ราชพัสดุได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2565 หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองชั้นต้น เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2565 ชั่วคราว ของ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) หรืออีสท์วอเตอร์ ในการเดินหน้าโครงการดังกล่าว

นายประภาสกล่าวว่า หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ได้ทำหนังสือด่วนถึงกรมธนารักษ์ ว่าหากเซ็นสัญญาล่าช้าจะมีค่าเสียหายต่อวันที่กรมต้องชดใช้ รวมทั้งหากเซ็นสัญญาล่าช้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร กรมธนารักษ์อาจมีความผิดละเมิดและละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในฐานะอธิบดีกรมธนารักษ์ ก็กังวลว่าจะทำให้เกิดความล่าช้า โดยเฉพาะที่จะครบกำหนดเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.2565 และหากไม่เซ็น ก็อาจมีความผิดละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้

อธิบดีกรมธนารักษ์ย้ำว่า แม้มีการเซ็นสัญญาแล้ว แต่ยืนยันว่าภาครัฐจะไม่มีความเสียหาย ในส่วนของคดีหลัก หากในระยะข้างหน้าศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า กระบวนการคัดเลือกไม่ชอบ ในสัญญาที่ทำไว้วงษ์สยามก่อสร้าง ให้ถือเป็นโมฆะได้ คู่สัญญาไม่สามารถฟ้องเอาผิดรัฐ หรือเรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐได้ ไม่ว่าจะในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น

“การลงนามในสัญญาวันนี้ ให้ถือว่าเป็นคู่สัญญาเท่านั้น โดยสัญญาจะเริ่มก็ต่อเมื่อกรมธนารักษ์ได้ส่งมอบทรัพย์สินให้กับวงษ์สยามก่อสร้างแล้วเสร็จ จึงจะเริ่มนับอายุสัญญา โดยตลอดสัญญามีระยะเวลา 30 ปี ให้ผลตอบแทนแก่รัฐรวมประมาณ 25,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้จะส่งเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจทรัพย์สิน ซึ่งมีในส่วนท่อที่ต่อขยายไปยังผู้บริโภค ที่ยังเป็นของอีสท์วอเตอร์ และผู้ใช้น้ำ จะต้องลงไปเคลียร์ว่าท่อส่วนดังกล่าวอีสท์วอเตอร์จะถอดออกหรือจะขายให้วงษ์สยามก่อสร้าง  โดยจะต้องให้ได้ข้อสรุปภายใน 60 วัน เพื่อไม่ให้การส่งมอบล่าช้า” นายประภาศกล่าว

นายประภาศกล่าวอีกว่า กรมจะเร่งส่งมอบทรัพย์สินใน 2 โครงการก่อน คือ 1.โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และ 2.โครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ- แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) โดยคาดว่าจะส่งมอบได้ช่วงต้นปี 2566 ขณะที่โครงการท่อส่งน้ำดอกกรายของอีสท์วอเตอร์ จะครบสัญญาสิ้นปี 2566 และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบให้ได้ปี 2567 มีกำหนดระยะเวลา 30 ปี

อธิบดีกรมธนารักษ์ยังกล่าวถึงผลประโยชน์ภาครัฐจะได้รับในการลงนามสัญญาว่า บริษัท วงษ์สยามก่อสร้างฯ ต้องชำระผลประโยชน์ ดังนี้ 1.ค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา เป็นเงิน 1,450 ล้านบาท 2.ผลประโยชน์ตอบแทนรายปี ปีแรกชำระในวันที่ลงนามในสัญญา เป็นเงิน 44.64 ล้านบาท รวมตลอดอายุสัญญาเป็นเงิน 2,908.03 ล้านบาท และ 3.ส่วนแบ่งรายได้รายปี จากการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ในอัตรา 27% ต่อปีของรายได้รวมก่อนหักค่าใช้จ่ายทุกปีตลอดอายุสัญญา รวมเป็นเงิน 21,335.19 ล้านบาท

“วันนี้กรมได้รับเงินทันทีจากค่าแรกเข้า 580 ล้านบาท ผลประโยชน์ตอบแทนรายปี 44 ล้านบาท และหลักทรัพย์ประกัน 118 ล้านบาท หากคิดเฉพาะรายได้ จะมีเงินเข้าหลวงกว่า 620 ล้านบาท” นายประภาศกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง