ทรงรู้สึกเศร้าสลดใจ ‘ในหลวง’มีพระราชปฏิสันถารครอบครัวเหยื่อขอให้เข้มแข็ง

“ในหลวง-พระราชินี”  ทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บเหตุสลดหนองบัวลำภู  พร้อมพระราชทานขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวผู้สูญเสียที่ รพ.หนองบัวลำภู-รพ.อุดรธานี “บิ๊กตู่” นำคณะรัฐมนตรี วางดอกไม้ไว้อาลัยหน้าประตูศูนย์เด็กเล็กฯ พร้อมให้กำลังใจ และขอทุกคนเข้มแข็ง ยันรัฐบาลจะดูแลอย่างดีที่สุด “ปชช.” หลั่งไหลวางดอกไม้ร่วมอาลัย  รัฐบาลเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต “ผบ.ตร.” เผยผ่าชันสูตรศพ  “อดีตตำรวจคลั่ง” ไม่พบสารเสพติด เปิดชนวนเหตุใหม่ เครียดทะเลาะภรรยาระแวงตีจาก ทั่วประเทศลดธงครึ่งเสาแต่งดำร่วมอาลัย

เมื่อวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังท่าอากาศยานทหาร ดอนเมือง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ทำร้ายเด็กและประชาชนที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์  อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู ณ โรงพยาบาลหนองบัวลำภู อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู และโรงพยาบาลอุดรธานี อำเภอเมืองอุดรธานี  จังหวัดอุดรธานี เป็นการส่วนพระองค์

  เวลา 21.15 น. เสด็จฯ ถึง รพ.หนองบัวลำภู นายสุวิทย์  จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู และนายแพทย์ไพฑูรย์ ใบประเสริฐ ผู้อำนวยการ รพ.หนองบัวลำภู  เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ แล้วเสด็จขึ้นห้องบรรยายสรุป พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสุวิทย์กราบบังคมทูลรายงานสรุปเหตุการณ์ฯ   เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   พระราชทานกระเช้าแก่นายสุวิทย์ เป็นส่วนรวมเพื่อเชิญไปมอบแก่ผู้บาดเจ็บทุกคนจากเหตุการณ์ดังกล่าว 

  ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี     เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมและพระราชทานกำลังใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ณ ห้องโถง รพ.หนองบัวลำภู พร้อมทั้งมีพระราชปฏิสันถารให้กำลังใจ และให้เชื่อมั่นในความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันเพื่อให้ฟื้นกลับมาใช้ชีวิตปกติด้วยกำลังใจที่เข้มแข็งอีกครั้ง ดังความว่า

 “รู้สึกเสียใจเศร้าสลดใจมากที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ช่วงเวลาแห่งความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจก็ไม่ทราบจะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจ ก็เป็นความรู้สึกร่วม เป็นเหตุที่ไม่ดีเกิดขึ้น ถ้าเกิดมีอะไรเดือดร้อนลำบากให้ช่วยเหลือ ให้ดูแล ขอแสดงความเสียใจ และคงไม่มีคำไหนมาแทนความเสียใจได้ ก็ขอให้กำลังใจพวกเราเข้มแข็ง เพื่อให้วิญญาณน้องๆ เขาสบายใจ เราก็จะทำพิธีการทำบุญสวดมนต์เพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลให้กับผู้ที่จากไป แล้วก็เป็นขวัญและกำลังใจให้ทุกคน เราก็เสียใจด้วยมาก เราจะต้องทำยังไงตอนนี้เราต้องทำอะไรให้ดีที่สุด เป็นกำลังใจให้ทุกคนทุกคน”

เมื่อสมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยัง รพ.อุดรธานี 

เวลา 21.15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ถึง รพ.อุดรธานี เสด็จฯ ไปยังตึกศัลยกรรม พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นพ.สุมน ตั้งสุนทรวิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ รพ.อุดรธานี รักษาราชการแทนผู้อำนวยการ รพ.อุดรธานี กราบบังคมทูลรายงานผลการรักษาพยาบาลของเด็กชายกฤษกร เรืองเจริญ  อายุ 3 ขวบ ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ฯ  แล้วเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมและพระราชทานกระเช้าของเยี่ยมแก่บิดาและมารดาของเด็กชายกฤษกร สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร

บรรยากาศที่ รพ.หนองบัวลำภู พสกนิกรชาวหนองบัวลำภูที่เพิ่งเผชิญกับเหตุการณ์สูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ยังมีรอยยิ้มแห่งความปลื้มปีติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ เพื่อมาทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล รวมถึงพระราชทานกำลังใจให้แก่ครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้สูญเสียชีวิต นำมาซึ่งความปลาบปลื้มปีติ และทำให้ครอบครัวผู้สูญเสียมีกำลังใจที่เข้มแข็งในการดำเนินชีวิตต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โปรดให้นายสุวิทย์เชิญพวงมาลาพระราชทานและช่อดอกกุหลาบสีขาว ไปวางที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ ด้วยทรงเสียพระทัยต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้

จากนั้นประชาชนต่างร่วมแสดงความอาลัย ด้วยการวางดอกไม้บริเวณด้านหน้าประตูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ โดยทางจังหวัดหนองบัวลำภูได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตที่ อบต.อุทัยสวรรค์ มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ อบต. ทหาร ตำรวจ ต่างบูรณาการเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งมีญาติผู้เสียชีวิตเดินทางมารอที่ศูนย์ช่วยเหลือแห่งนี้ เพื่อขอทราบแนวทางในการรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล ท่ามกลางความโศกเศร้า

เวลา 14.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์,  นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เดินทางลงพื้นที่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู

เมื่อเดินทางมาถึง พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะได้วางดอกไม้และยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตด้านหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ จากนั้นนายกฯ มอบเงินช่วยเหลือของหน่วยงานภาครัฐแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต  ยืนยันรัฐบาลจะดูแลอย่างดีที่สุด กำชับให้หน่วยงานส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างใกล้ชิดให้เหมือนกับคนในครอบครัว ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง ก้าวผ่านเหตุการณ์ความสูญเสียอันยิ่งใหญ่นี้ไปให้ได้ โดยเรื่องการดูแลสุขภาพจิต ขอให้กรมสุขภาพจิตฟื้นฟูเยียวยาจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิตให้มีความเข้มแข็ง กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติในเร็ววัน

'บิ๊กตู่'ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้โอบกอดผู้ปกครองที่สูญเสียลูก พร้อมกล่าวให้กำลังใจว่า “เข้าใจถึงความรู้สึกการสูญเสียคนรัก ไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้น เป็นเรื่องยากที่จะทำใจ แต่ขอให้เข้มแข็ง ก้าวผ่านไปให้ได้”

จากนั้น นายกฯ เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู โดยได้สอบถามอาการผู้บาดเจ็บจากแพทย์ผู้รักษา พร้อมสอบถามปัญหาอุปสรรคว่าติดขัดอะไรขอให้บอก รัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้การช่วยเหลือ ขอให้รักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ รวมถึงติดตามอาการอย่างต่อเนื่องหลังผู้ป่วยพ้นขีดอันตราย โดยเฉพาะสภาพจิตใจ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับผู้ป่วยว่า ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยคุ้มครองให้หายป่วยไวๆ มีสุขภาพแข็งแรง วันนี้นำความห่วงใยจากคนไทยทั้งประเทศมาเยี่ยมมาให้ ขอให้มีกำลังใจ อย่ากังวลถึงเรื่องการรักษา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  ทรงรับทุกคนไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ขอให้ทุกคนสบายใจ มีกำลังใจที่ดี เพื่อจะได้หายไวๆ จากนี้ไปขอให้พบแต่ความโชคดี

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตรวมผู้ก่อเหตุ 37 ราย และผู้บาดเจ็บ 10 ราย ซึ่งล่าสุด 3 หน่วยงานของรัฐบาลได้เร่งให้ความช่วยเหลือ เยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยจ่ายเงินช่วยเหลือทายาทผู้เสียชีวิตแล้วรวม 13,185,555 บาท

โดยคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีมติให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกรณีเหตุดังกล่าวในเบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น เฉพาะผู้เสียหาย ไม่รวมถึงผู้ก่อเหตุและบุคคลในครอบครัว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ดังนี้ กรณีเสียชีวิต (ค่าจัดการศพและเงินทุนเลี้ยงชีพ) รายละ 200,000 บาท กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 100,000 บาท กรณีบาดเจ็บไม่สาหัส รายละ 50,000 บาท กรณีทุพพลภาพ รายละ 200,000 บาท กระทรวงยุติธรรมให้ความช่วยเหลือ กรณีการเสียชีวิตจำนวน 36 ราย (ไม่รวมผู้ก่อเหตุ) ทายาทมีสิทธิได้รับเงิน ดังนี้ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,960,000 บาท กรณีบาดเจ็บจำนวน 10 ราย

สธ.ยันชันสูตรครบ

ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตว่า  ขณะนี้การชันสูตรศพผู้เสียชีวิตนั้นดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วทั้ง 37 ราย และนำส่งร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดกลับไปที่ รพ.นากลาง เพื่อให้ญาติรับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

 “สภาพจิตใจของผู้บาดเจ็บหรือครอบครัวผู้เสียชีวิตขณะนี้ พบว่ามีบางรายน่าเป็นห่วง โดยได้กำชับให้ทีมสุขภาพจิตติดตามแล้ว หากเห็นท่าไม่ดีจะรับตัวมารักษาที่ รพ. ซึ่งก็จะให้การดูแลและประเมินเป็นรายๆ ไป” ปลัด สธ.กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการผ่าชันสูตรผู้เสียชีวิตทั้งหมดเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้เคลื่อนศพไปตามวัดต่างๆ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา โดยแยกทำการฌาปนกิจ 3 วัด คือ วัดศรีอุทัย 10 ราย, วัดหนองกรุงศรี 20 ราย และวัดศรีสำราญ 6 ราย ส่วนศพ ส.ต.อ.ปัญญา เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ พยายามติดต่อวัดต่างๆเพื่อนำไปประกอบพิธีฌาปนกิจ ปรากฏว่าชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างปฏิเสธที่จะให้นำศพผู้ก่อเหตุรายนี้มาประกอบพิธีที่วัดต่างๆ จนทางมูลนิธิฯ ต้องนำศพ ส.ต.อ.ปัญญากลับไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

ด้านความคืบหน้าทางคดี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. แถลงผลการผ่าชันสูตร ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ ผู้ก่อเหตุของนิติเวช รพ.อุดรฯ ไม่พบสารเสพติด แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะให้มีการตรวจซ้ำอีกรอบ เพราะการตรวจไม่พบสารเสพติด อาจจะก่อนหน้านั้น 2 ชั่วโมงไม่มีการใช้สารเสพติด แต่สำนวนคดีเหมือนเดิม เพียงแต่สาเหตุต่างๆ มาดูเพื่อเป็นบทเรียนคราวต่อไปๆ

ถามว่าความเครียดส่วนหนึ่งอาจมาจากการถูกให้ออกจากราชการหรือถูกกลั่นแกล้งเรื่องยาเสพติดหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า การที่จะเอาคนหนึ่งออกจากราชการไม่ได้มาจากเรื่องกลั่นแกล้ง เป็นเรื่องตรงไปตรงมา ถ้าไม่มีความผิดไม่ได้ออกง่ายๆ หลังถูกจับกุมครอบครองยาบ้า มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่ต้นปี มาไล่ออกกลางปีหลังสอบสวนวินัยร้ายแรงพบว่าเป็นเรื่องจริง ส่วนความเครียดอาจจากการขึ้นศาลหรือไม่นั้น ก่อนที่จะมาก่อเหตุไปขึ้นก็มีการพูดคุยกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการศาล มีแนวโน้มที่ดีให้ไปหาความดีมาเป็นเหตุบรรเทาโทษ เพราะยาบ้ามีเพียงเม็ดเดียว อยู่ในเชิงบวกด้วยซ้ำ

 “ที่ ส.ต.อ.ปัญญามาก่อเหตุที่ศูนย์อนุบาล อาจเป็นไปได้ว่าหลังจากกลับจากศาลแล้วไม่พบภรรยาและลูก จึงอาจมาตามหาที่ศูนย์เด็กเล็กฯ เพราะลูกก็เรียนที่แห่งนี้ แต่ไม่ได้มาเรียนหลายสัปดาห์เนื่องจากป่วย แต่ข้อมูลยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะภรรยาก็เสียชีวิตไปด้วย ได้ข้อมูลจากแม่ภรรยาและเพื่อนบ้าน แต่ไม่สามารถยืนยันได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เริ่มรู้สาเหตุการคลุ้มคลั่งครั้งนี้ ส่วนความเครียดกับเพื่อนร่วมงานคงไม่ใช่ เพราะออกจากราชการมาเกือบปีแล้ว น่าจะมาจากเรื่องครอบครัวเป็นสาเหตุหลัก”ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ได้มอบนโยบายไปแล้วตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา เพราะเกิดเหตุคลุ้มคลั่งเยอะ ตำรวจจะทำทุกมิติ นอกจากการปราบปราม บำบัด งานป้องกันก็จะไปช่วย นับแต่นี้เป็นต้นไป ผกก.ต้องไปเยี่ยมชุมชนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ผู้การอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ตนเองก็จะไป เพื่อจะได้ใกล้ชิดประชาชน รู้ปัญหาที่เกิดขึ้น

“ตอนนี้ต้องยอมรับว่ากฎหมายผู้เสพเท่ากับผู้ป่วย ถ้าเขาสมัครใจบำบัด แต่สถานบำบัดไม่เพียงพอ เราต้องระมัดระวังกลุ่มสีแดง ครอบครัว ผู้นำชุมชน ตำรวจต้องรับรู้” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ระบุ

ลดธงครึ่งเสาไว้อาลัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการลดธงชาติลงครึ่งเสา ทั้งที่บริเวณบนตึกไทยคู่ฟ้า และบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกสันติไมตรี ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอให้ทุกส่วนราชการทั่วประเทศลดธงครึ่งเสาในวันที่ 7 ต.ค. เป็นกรณีพิเศษ 1 วัน เพื่อแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิต ครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่ จ.หนองบัวลำภู

เช่นเดียวกับที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธงชาติไทยที่ชักขึ้นสู่ยอดเสาธง บริเวณด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ถูกลดลงครึ่งเสา เพื่อเป็นการแสดงความอาลัยต่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ที่จังหวัดหนองบัวลำภูเช่นกัน

พล.ต.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกได้จัดกำลังพลจิตอาสาร่วมบริจาคโลหิตเพื่อใช้ในการรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุร้ายที่จังหวัดหนองบัวลำภู รวม 128 นาย ได้ปริมาณโลหิต 54,770 ซีซี รวมทั้งส่งกำลังหน่วยทหารและกำลังพลจิตอาสาเข้าสนับสนุนการจัดพิธีศพในพื้นที่ต่างๆ ส่วนกองทัพอากาศ พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. ประชุมมอบนโยบาย ประจำปี 2566 พร้อมยืนไว้อาลัยเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่ จ.หนองบัวลำภู

จ.นครราชสีมา บริเวณภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 ทหาร ประชาชน นักเรียน นักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคสุรนารี ต่างพากันมาบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีกราดยิงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ เช่นเดียวกับที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลบ้านค้อ อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น นายจักรพงศ์ เพ็ชรแสน นายก ทต.บ้านค้อ นำคณะครู นักเรียน และเจ้าหน้าที่เทศบาลกว่า 200 คนร่วมกิจกรรมเคารพธงชาติ พร้อมลดธงครึ่งเสา และติดริบบิ้นสีดำ สวมชุดดำ สวดมนต์แผ่เมตตา กล่าวคำไว้อาลัยและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับเหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้นที่ จ.หนองบัวลำภู จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

จ.สงขลา ที่โรงเรียนเทศบาล 2 (บ้านหาดใหญ่) ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมหน้าเสาธงในช่วงเช้า ให้นักเรียนและครูร่วมกันไว้อาลัยให้กับเด็กนักเรียนอนุบาลศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู เช่นเดียวกับชาวอำเภอเบตง จ.ยะลา ร่วมแต่งกายชุดดำไว้ทุกข์ และลดธงครึ่งเสา 1 วันเป็นกรณีพิเศษ เพื่อแสดงความอาลัยต่อเหตุการณ์กราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง