ปปช.บี้ตร.30วัน ส่งคดีปลัด-อส. ‘โจ๊ก’พบนายกฯ

"โจ๊ก" ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้ารายงานนายกฯ "บิ๊กตู่" ชี้คดี “ปลัด-อส.”  รอผลสอบ ถ้ามีเอี่ยวต้องลงโทษ สั่งเหล่าทัพและ ตร.คุมเข้มชายแดนสกัดยาเสพติด กำชับหมั่นตรวจเข้มคลังอาวุธ ป้องลักลอบนำออกไปขาย คาดโทษ จนท.ปล่อยสูญหาย ฟันทั้งวินัย-อาญา ป.ป.ช. ขีดเส้น 30 วัน สภ.รัตภูมิส่งสำนวนคดีฝ่ายปกครองรีดแก๊งยา

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม เวลา 12.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีปลัดอำเภอและอาสารักษาดินแดน หรือ อส.ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดจังหวัดสงขลา รวม 6 นาย ถูกดำเนินคดีเรียกรับผลประโยชน์ ไม่ดำเนินคดีผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ต่อรองแลกเปลี่ยนผู้ต้องหาใน จ.สงขลา ว่า รอฟังการสอบสวน

เมื่อถามว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องต้องดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องสอบสวนลงโทษ

ส่วนความคืบหน้ากรณีการติดตามนำอาวุธปืนคืน หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด นนทบุรี ลักลอบนำอาวุธปืนในราชการไปขายนั้น มีความคืบหน้าการติดตามเอาอาวุธปืนคืน การสอบสวนกระบวนการทั้งหมดเหมือนเดิมทุกอย่าง   ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยในวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกมาตรการขึ้นอยู่กับความเข้มงวด ความซื่อสัตย์สุจริตของเจ้าหน้าที่ และสิ่งเหล่านี้ประชาชนต้องมีความร่วมมือตรงนี้ด้วย ตนไม่โทษใคร ทั้งหมดเป็นการแก้ไขปัญหาความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินแบบองค์รวม ทุกคนต้องร่วมมือกันทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล​ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนายตำรวจจำนวนหนึ่ง เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์บนตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที ทั้งนี้ ภายหลังการหารือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกกับผู้สื่อข่าวเพียงว่า “ไม่มีอะไร มารอประชุม”

ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.จิตนาถ ปุณโณทก รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 10/2565 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ว่า รมว.กลาโหมกำชับให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เข้มงวดกวดขันการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธและยุทโธปกรณ์ของหน่วย ตลอดจนเน้นย้ำและกําชับให้ผู้บังคับ หน่วย รวมถึงเวรยามและกําลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ ต้องหมั่นตรวจสอบคลังที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการลักลอบนําอาวุธยุทโธปกรณ์ ตลอดจนเครื่องกระสุนของหน่วยออกไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่มิชอบ หรือนําออกไปใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ หากมีข้อบกพร่องหรือมีการสูญหาย เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องถูกลงทัณฑ์ทั้งทางวินัยและทางอาญา และปรนนิบัติบํารุงยุทโธปกรณ์และสิ่งอุปกรณ์ให้มีสภาพที่ดี และพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจอยู่เสมอ

รองโฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ บูรณาการความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยเพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการลาดตระเวนป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดตามแนวชายแดน ที่มุ่งเน้นการสกัดกั้นและทำลายเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดในทุกช่องทาง ซึ่งจะต้องมีการจับกุม ดำเนินคดี และลงโทษต่อผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติดอย่างจริงจัง ทั้งนี้ หากมีข้าราชการของกระทรวงกลาโหมเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก ทั้งทางวินัยและทางอาญาโดยไม่มีข้อยกเว้น

สำหรับการแก้ไขปัญหายาเสพติดของกระทรวงกลาโหมนั้น ให้มุ่งเน้นส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ให้กับกําลังพล ครอบครัว และทหารกองประจำการได้มีภูมิคุ้มกันยาเสพติด อาทิ การจัดกิจกรรมกีฬาและสันทนาการ การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ของเด็กและเยาวชน การจัดกิจกรรมครอบครัวอบอุ่นต้านภัยยาเสพติด เป็นต้น ตลอดจนพัฒนากระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจของผู้ติดยาเสพติดอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันมิให้กำลังพลที่ผ่านกระบวนการรักษาหวนกลับไปติดยาเสพติดอีกครั้ง

วันเดียวกัน น.ส.สุดใจ ไข่เสน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดสงขลา รักษาราชการแทนผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 9 มอบให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานปราบปรามการทุจริตและกลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสงขลา ได้แก่ น.ส.ชฎามาศ สำแดง หัวหน้ากลุ่มงานปราบปรามการทุจริต, นายปุริมปรัชญ์ จันทร์หอม หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 ลงพื้นที่ สภ.รัตภูมิ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อติดตามการสอบสวนคดีปลัดและทีม อส. รวม 6 นาย เรียกรับผลประโยชน์จากแก๊งค้ายาเสพติด เนื่องจากผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเรื่องนี้พนักงานสอบสวนจะต้องส่งสำนวนคดีให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการภายใน 30 วัน และสำนักงาน ป.ป.ช. จะรับเรื่องมาสอบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามหน้าที่และอำนาจ หากพบว่าเป็นการกระทำความผิดจริง ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดี มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมหลักฐานเพื่อจัดทำสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด โดยดำเนินการภายใน 30 วัน จากนั้นพิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ก่อนพิจารณาไต่สวนต่อไป

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ติดยาเสพติดสามารถเข้ารับคำปรึกษาเบื้องต้นก่อนเข้ารับการบำบัดรักษาหลายช่องทาง เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป หรือโรงพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลตำรวจ ศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ยังมีช่องทางของสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) ที่สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 และสายด่วนเลิกยาเสพติด ผ่านศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงช่องทาง Line Official “ห่วงใย” โดยสามารถค้นหาโดยใช้ คำว่า @1165huangyai ซึ่งเป็นระบบแชตบอต ตอบคำถามอัตโนมัติ ที่ตอบทุกเรื่องเพื่อประเมินตัวเองเกี่ยวกับการติดสารเสพติดและการให้คำปรึกษา การตอบคำถามที่พบบ่อยเพื่อเป็นแนวปฏิบัติเบื้องต้น หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย และอดีตผู้กำกับการ สภ.ท่าบ่อ ร่วมกันบังคับสั่งการให้พนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ แก้ไขบันทึกจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด นรข.หนองคายอันเป็นเท็จ และตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง 3 นายตำรวจ ที่ลงมือลายมือชื่อร่วมจับกุมอันเป็นเท็จในคดียาเสพติดที่ สภ.ท่าบ่อ ช่วงเดือน ม.ค.65

ทั้งนี้ นายอัจฉริยะเผยด้วยว่า วันที่ 27 ต.ค.นี้ จะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ปลดเลขาธิการ ป.ป.ส. เนื่องจากล้มเหลวทุกด้านเรื่องการปราบปรามยาเสพติด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หมอเชิด’ สะกิดเตือน ‘เศรษฐา’ หมอคุมยาก เปลี่ยนตัว ‘รมว.สธ.’ เกิดปัญหาแน่

‘หมอเชิด’ แนะ’เศรษฐา’ฟังเสียงสมาชิกพรรคเพื่อไทย ในฐานะคนที่ยกมือให้ด้วย พร้อมระบุหมอควบคุมยาก เปลี่ยนตัวรมว.สธ.เกิดปัญหาแน่

‘เศรษฐา’ ลุยสวน ชิมทุเรียน 3 สายพันธุ์

เมื่อเวลา 10.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางด้วยรถยนต์อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร ถึงสวนนวลทองจันทร์ ตำบลมาบไพ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจติดตามการผลิตทุเรียนคุณภาพปลอดภัยมูลค่าสูง และรับฟังปัญหาจากเกษตรกร