‘ไตรรงค์’ทิ้งปชป. หนุนพรรคเกิดใหม่ชูปฏิรูป พปชร.โวคุมส.ว.ตั้งรัฐบาล

"บิ๊กตู่" แชร์สไตล์บริหารประเทศ ยึด 3 คำ "ทำให้สำเร็จ" โวริเริ่มโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มั่นใจสังคมจะเดินหน้าได้ ไม่ทิ้งรอยแตกร้าวอย่างถาวร ตั้งเป้าทำให้สำเร็จภายใน 12 เดือน "บิ๊กป้อม" ไม่ปิดประตูจับมือ "เพื่อไทย" บอกให้รอเลือกตั้่งก่อน "พปชร." เปิดตัว 19 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ "สมศักดิ์" แบไต๋หัวหน้าพรรค-นายกฯ คุม ส.ว.ได้มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้า พปชร.จัดตั้งรัฐบาล ปชป.เลือดไหลอีก "ไตรรงค์" ไขก๊อกไปหนุนพรรคเกิดใหม่ที่มีนโยบายปฏิรูป เผยแจ้ง "จุรินทร์-นิพนธ์" แล้ว

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ห้อง A1 บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์  เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในงาน และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Accelerating Thailand (พลิกโฉมประเทศไทย)” ตอนหนึ่งว่า ขอแชร์วิสัยทัศน์ของตนที่มีต่อประเทศไทย และแนวทางในการทำงานของตนในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าให้ทุกคนได้ทราบ ซึ่งหลักการสำคัญที่เป็นแนวทางการทำงานของตนสรุปได้ในสามคำ คือ “ทำให้สำเร็จ” (GET THINGS DONE) คือการทำสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ และเตรียมประเทศให้พร้อมสำหรับอนาคต

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการพุ่งเป้าไปที่การยกระดับความมั่งคั่งของทั้งประเทศ แบบที่จะกระจายความเจริญรุ่งเรืองไปทั่วทุกพื้นที่ เพิ่มเติมจากพื้นที่ที่มีความเจริญอยู่แล้ว เราต้องทำเรื่องที่จะสร้างประโยชน์ให้กับคนทุกระดับในสังคมทั้งประเทศ สร้างพื้นฐานที่เอื้อให้ประชาชนสามารถทำมาหากิน สร้างความกินดีอยู่ดีให้กับตัวเขาเองได้ บนเส้นทางที่ยั่งยืน ดังที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสไว้เมื่อ 24 ปีก่อน ว่าเราไม่ควรให้ปลาแก่เขา แต่ควรจะให้เบ็ดตกปลาและสอนให้เขารู้จักวิธีตกปลา ที่ผ่านมาได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับการสร้างความรุ่งเรืองให้กับคนไทยในทุกระดับของสังคม เพราะมันคือการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงแข็งแรงให้เกิดขึ้น

 จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ใช้เวทีดังกล่าวโชว์วิสัยทัศน์ผลงานที่ผ่านมากว่า 30 นาที โดยเฉพาะผลงานด้านการคมนาคมการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงสร้างพื้นฐาน โดยกล่าวว่า ตนได้ริเริ่มโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เป็นโครงการที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง อย่างบูรณาการเหมือนการต่อจิกซอว์ใหญ่ ซึ่งเมื่อทุกส่วนแล้วเสร็จและเปิดให้บริการ จะเป็นการเปิดประตูเดินหน้าสู่ช่วงเวลาที่จะเป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งของประเทศไทย

"วันนี้เราเดินมาได้ไกลแล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องเจอกับโรคระบาดร้ายแรง แต่เรายังคงสู้อยู่บนเส้นทางที่มุ่งไปสู่เป้าหมาย ต้องขอขอบคุณความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล ความใจสู้ของข้าราชการไทย ความไม่ยอมแพ้ของภาคเกษตรกรและภาคเอกชน และที่สำคัญที่สุดคือสปิริตของคนไทย ที่พร้อมร่วมมือกัน และเต็มใจที่จะเสียสละบางอย่างเพื่อประโยชน์ของประเทศในวงกว้าง"

ขอเวลา12เดือนปท.รุ่งเรือง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า โครงสร้างพื้นฐานระบบรางเดินหน้ามาได้ไกลมาก เช่นเดียวกับการสร้างระบบรางที่ทันสมัยสำหรับประเทศไทย ในเวลาแค่ 5 ปีที่ผ่านมา เราได้ก่อสร้างเส้นทางรถไฟ เป็นระยะทางที่มากกว่าระยะทางทั้งหมดที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งใช้เวลากว่า 50 ปีจะสร้างเสร็จ และภายในอีกแค่ 2 ปีข้างหน้า เส้นทางรถไฟที่เราก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นระยะทางที่มากกว่าถึง 4 เท่า เทียบกับระยะทางทั้งหมดที่ก่อสร้างมาใน 50 ปีก่อนหน้านี้ ในอีก 3 ปีข้างหน้า จะทำให้ระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมืองของกรุงเทพฯ อยู่ในระดับเดียวกับที่โตเกียว และใกล้เคียงกับที่ลอนดอน ในเรื่องของระยะทางและจำนวนสถานี

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าเราจะเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ จะต้องมีความอดทน และเข้าใจเมื่อผลที่ได้อาจจะไม่เพอร์เฟกต์ แต่ก็เพื่อจะให้ชิ้นงานต่างๆ เกิดขึ้นได้ ตนรู้ว่าถ้าเรามองสไตล์การทำงานแบบนี้ หลายท่านอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ แต่ก็เป็นวิธีการบริหารที่เชื่อว่าสังคมจะเดินหน้าไปได้โดยไม่ทิ้งรอยแตกร้าวอย่างถาวร ระหว่างคนกลุ่มต่างๆ และเมื่อทำงานในสไตล์นี้ ท่านอาจสงสัยว่าทำไมบางทีตนใจร้อนเกินไป หรือบางทีใจเย็นเกินไป ก็เพราะตนพยายามผสมผสานความแข็งกร้าวเพื่อที่จะให้งานเดินหน้ากับความยืดหยุ่นเพื่อที่จะให้หลายกลุ่มหลายฝ่ายเดินไปด้วยกันได้

"ผมตระหนักดีว่าบางครั้งความแข็งกร้าวของผมทำให้ผมต้องเสียเพื่อน แต่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องยอมแลก เพื่อจะทำสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับประเทศให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ทั้งหมด ตั้งเป้าที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จเรียบร้อยภายในไม่เกิน 12 เดือนข้างหน้านี้ และเมื่อเราทำสำเร็จได้ ก็จะเป็นเหมือนเราเร่งเครื่องผ่านเนินเขาช่วงที่ชันที่สุดไปได้ แล้วประเทศไทยก็จะวิ่งต่อไปข้างหน้า สู่การเป็นประเทศผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้ในที่สุด"

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวช่วงท้ายว่า ขอให้ทุกคนมั่นใจว่า เราได้เดินหน้ามาจนเกือบจะถึงจุดหมายแล้ว ในการสร้างพื้นฐานที่ครบครันและครอบคลุมที่จะเป็นฐานที่แข็งแรงของประเทศที่มีความพร้อม เพื่อให้ภาคเอกชนได้ร่วมกันสร้างประเทศต่อไป ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ เราทุกคนจะได้ร่วมกันนำพาประเทศไทยไปสู่อีกยุคหนึ่งของความรุ่งเรืองของประเทศไทยภายในเวลาอีกไม่นานนี้

ที่ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. พร้อมนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ร่วมกันแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ จำนวน 19 คน จาก 10 จังหวัด ได้แก่ 1.นายสุรชัย แดงละอุ่น เขต 1 จ.ชุมพร 2.นายสมมิตร ทองเหลือ เขต 2 จ.ชุมพร 3.นายธีระศักดิ์ ปางวิรุฬห์รักษ์ เขต 3 จ.ชุมพร 4.นายพงศกร พรหมสุวรรณ เขต 1 จ.ระนอง 5.นายสุนทร รักษ์รงค์ เขต 6 จ.นครศรีธรรมราช 6.นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ เขต 2 จ.พังงา 7.นายศิวกรณ์ เอ่งฉ้วน เขต 1 จ.กระบี่ 8.นายสรวิศทชากร เลขานุกิจ เขต 2 จ.กระบี่ 9.นายกิตติพงศ์ ผลประยูร เขต 1 จ.ตรัง 10.นายทวี สุระบาล เขต 2 จ.ตรัง 11.พ.ต.ท.นัทธพงศ์ ใจสมุทร เขต 3 จ.ตรัง 12.พล.ต.ต.บรรลือ ชูเวทย์ เขต 4 จ.ตรัง 13.นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ เขต 6 จ.สงขลา 14.นายสมหมาย ขวัญทองยิ้ม เขต 8 จ.สงขลา 15.นายล่องหิ้น ทิพย์แก้ว เขต 9 จ.สงขลา 16.นายอริญชัย สารอ เขต 3 จ.ปัตตานี 17.นายบูรฮันธ์ สะเม๊าะ เขต 4 จ.ปัตตานี 18.นายกามิน มุชิ เขต 3 จ.ยะลา 19.นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ เขต 2 จ.นราธิวาส

พปชร.คุม สว.ตั้งรัฐบาล

นายสันติกล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอุดมการณ์ในการที่จะมาร่วมกับพรรคเพื่อพัฒนาภาคใต้ โดย พปชร.ได้รวมผู้ที่มีอุดมการณ์เข้าไปแก้ปัญหาประชาชน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข พัฒนาเพื่อศักยภาพของจังหวัดภาคใต้ ให้ชาวใต้อยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาภาคใต้ และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ทั้งนี้ พปชร.จะส่ง ส.ส.ภาคใต้ครบทุกเขต มั่นใจว่าว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จะสามารถนำชัยชนะมาสู่พปชร.และจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้าได้

ด้านนายสมศักดิ์กล่าวว่า พปชร.มีจุดแข็งมาก ไม่ว่าหันทิศไหน พปชร.คือรัฐบาล ไม่มีใครเถียงว่าแกนนำหลักของการจัดตั้งรัฐบาลคือ พปชร. ดูจากหัวหน้าพรรคของเราเป็นบุคลากรที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทั้งกับข้าราชการ ส.ส. ส.ว. และใกล้ชิดสนิทสนมผูกพันกันมากมายกับท่านนายกฯ มั่นใจว่าเราเป็นรัฐบาลแน่นอนในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของ พปชร.ด้วย ผมมั่นใจในตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่มีคุณสมบัติจะเป็น ส.ส. เราจัดตัวผู้สมัครในเกรดที่ดีมาก

นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงการเตรียมยุทธศาสตร์หาเสียงพรรคใต้ว่า เราเตรียมไว้จำนวนหนึ่ง เมื่อถามว่า พปชร.ยังชู พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรามี พล.อ.ประวิตรและมี พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เราเดินต่อไปได้ 

เมื่อถามว่า ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรจะอยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของ พปชร.หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ ใหญ่เกินไป เป็นเรื่องใหญ่มากเกินกว่าจะไปรู้อนาคต ส่วนกรณีมีการชูแคมเปญนายกฯ คนละครึ่ง จะเรียกความนิยมให้ พปชร.ได้มากน้อยแค่ไหนนั้น อย่าเพิ่งไปกล่าวอ้างถึงเรื่องนี้ เพราะประชาชนจะสับสน ใกล้ถึงเวลาก่อน ยังอีกนาน เพราะถ้ารัฐบาลอยู่ครบเทอมคือวันที่ 23 มี.ค.66 นับจากวันนี้ยังมีเวลาอีก 5 เดือน ถ้าพูดแต่เรื่องนี้จะไม่มีเวลาตั้งใจจะแก้ปัญหา สมาชิกและผู้บริหารพรรคจะไม่มีสมาธิทำงานกัน 

ถามว่า เชื่อมั่นว่ารัฐบาลยังอยู่ครบเทอมใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปคิดว่าจะไปยุบสภาหรืออะไร และยังไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นปัญหาให้ยุบสภา เสียงเราดีมากหรือแย่มากจนไปไม่ไหวถึงขั้นต้องยุบสภา ยังไม่ใช่ทั้ง 2 อย่าง เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่พปชร.จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์ปฏิเสธว่า ไม่ทราบ

ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรค เพื่อหารือร่วมกับแกนนำพรรค ใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง โดย พล.อ.ประวิตรปฏิเสธตอบคำถามเรื่องการเปิดตัว 19 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวจับมือทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมีเงื่อนไขสนับสนุน พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ยังไม่ถึงเวลา"

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ามีการพูดคุยกันอยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “รอให้ถึงใกล้วันเลือกตั้งก่อน       

'ไตรรงค์'ทิ้งปชป.หนุนพรรคใหม่

บ่ายวันเดียวกัน นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ผมขอมีลมหายใจเป็นของตนเอง เมื่อ 15.00 น. ของวันนี้ (27  ตุลาคม 2565) ผมได้ให้เลขาฯ ส่วนตัวไปยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ทั้งๆ ที่ยังรักพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แต่ผมไม่ได้รักที่ตัวตึก หรือตัวบุคคล ผมไม่เคยยึดมั่นในสิ่งลวงตาเหล่านั้น ที่ผมรักก็คือ “อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์” ที่ได้ประกาศไว้ในวันก่อตั้งพรรคเมื่อปี พ.ศ.2489 จึงได้เข้าเป็นสมาชิกมาตลอดเวลา 38 ปี

ผมก็ยังเชื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุและปัจจัย อุดมการณ์ ปี 2489 ทั้ง 10 ข้อ จึงต้องมีการปรับปรุงให้เข้ากับยุคให้เข้ากับบริบทใหม่ๆ ของประเทศและของโลก ที่สำคัญที่สุดก็คือเพื่อล้อมกรอบมิให้ผู้บริหารหรือสมาชิกแสดงท่าทีที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในอุดมการณ์

ยังมีพรรคการเมืองอื่นๆ อีกหลายพรรคที่มีจุดยืนด้านอุดมการณ์ที่ตรงกับใจของผม ที่ผมอยากสนับสนุน โดยเฉพาะมีอยู่หลายพรรค ที่เกิดใหม่จากคนที่ต้องออกจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถจะบอกใครได้ (เพราะเกรงใจกัน) แต่เมื่อไปตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาก็ได้มีการประกาศจุดยืนแห่งอุดมการณ์พร้อมมีนโยบายปฏิรูปหลายประการเหล่านี้ ทำให้ผมเห็นด้วยและอยากสนับสนุน

ผมจึงอยากขอโอกาสมีลมหายใจเป็นของตนเองสักครั้งหนึ่งในบั้นปลายชีวิตทางการเมืองของผม เพื่อจะได้สนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ๆ (ที่ใหม่กว่าพรรคประชาธิปัตย์) การแสดงออกจะได้สามารถทำได้อย่างเปิดเผย จะได้ไม่รู้สึกว่าผมแอบเป็นกบฏลับๆ ต่อพรรคประชาธิปัตย์  เพราะผมยังรักและสนับสนุนอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ แต่ก็จะสนับสนุนพรรคการเมืองอื่นๆ ทุกพรรคที่ผมเห็นด้วยกับอุดมการณ์และนโยบาย จนถึงปัจจุบันนี้ได้มีพรรคการเมืองใหม่ๆ มาขอคำปรึกษาไปแล้วถึง 5 พรรค

อย่างไรก็ดี ผมก็ยังคงต่อต้านและปฏิเสธทั้งพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ใช้โวหารแบบปลิ้นปล้อน โกหกตอแหล ใส่ความ หลอกลวง หน้าอย่างหลังอย่างเป็นพวกเล่นการเมืองเพื่อหวังผลทางการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนเป็นพวกที่พร้อมจะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ (ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง) เพื่อเปลี่ยนระบบการเมืองการปกครองของประเทศให้เป็นระบอบสาธารณรัฐที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ซึ่งเป็นระบบที่แสนจะไม่เหมาะกับบริบทและประวัติศาสตร์ของชาติไทย หากแต่จะนำมาซึ่งความแตกแยกที่รุนแรง 

"การลาออกในครั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการประสานกับพรรคการเมืองอื่นๆ จะได้มีพลังและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการเคลื่อนไหวแบบเงียบๆ เพื่อจะได้ตะล่อมให้บ้านเมืองเดินหน้าไปในทิศทางที่ผมเห็นว่าน่าจะปลอดภัยที่สุด โดยที่ผมไม่หวังอะไรเป็นการตอบแทนโดยส่วนตัวเลยไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดๆ ซึ่งผมเคยแจ้งความในใจส่วนนี้ให้คุณจุรินทร์ หัวหน้าพรรค และคุณนิพนธ์ รองหัวหน้าพรรค ทราบแล้วเมื่อตอนที่ท่านทั้งสองมาเยี่ยมผมที่บ้านพักหลังการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสงขลาและชุมพร".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์