
"ก้าวไกล" เดิมพันชะตา "สุราก้าวหน้า" สู่เส้นทางชัยชนะของ ปชช. เตือนอย่าสร้างความขัดแย้งแต่ปลุกสงครามกับนายทุน 1% “พิธา” อัดหนักที่เถื่อนไม่ใช่เหล้า แต่คืออำนาจรังแกผูกขาดกดทับตลาดของคนธรรมดา “เท่าพิภพ” ดักคอเกมตบตาในสภา ยืมมือสรรพสามิตออกกับดักกฎกระทรวงเตะถ่วง เป็นเรื่องไม่สมเหตุผล
เมื่อวันจันทร์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวเพื่อส่งสารถึง ส.ส. พรรคต่างๆ และสังคมไทย ขอแรงสนับสนุนร่างแก้ไข พ.ร.บ.สรรพสามิต หรือกฎหมายสุราก้าวหน้า ที่กำลังจะมีการพิจารณาวาระสุดท้ายในวันพุธที่ 2 พ.ย.นี้
โดยนายพิธากล่าวว่า สุราก้าวหน้าคือนโยบายเศรษฐกิจที่จะช่วยยกระดับราคาสินค้าทางการเกษตร ทำให้เกิดความยุติธรรมระหว่างผู้เล่นรายใหญ่และรายย่อย รวมถึงการนำเข้าและส่งออกสินค้าแอลกอฮอล์ของประเทศ เป็นผลดีต่อประชาชนทุกคน ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ เช่น มาลัยรัม, ฉลองเบย์, ไอรอนบอล, นิกกิ, ล้านนา, บางกอกวอดก้า ฯลฯ ซึ่งชนะการแข่งขันในระดับโลกมาแล้วหลายรายการ ทั้งที่มีกฎหมายกดทับอยู่และไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ มีการนำมาเสิร์ฟอยู่ในโรงแรม 5-6 ดาว ล้วนผลิตจากอ้อย ข้าว ขิง ตะไคร้ และผลไม้ของเกษตรกรไทย บางรายส่งออกไปถึง 17 ประเทศทั่วโลกด้วยซ้ำ
สำหรับกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม อ้างข้อกังวลเรื่องเหล้าเถื่อนและสุขลักษณะ ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมออกเสียงคว่ำกฎหมายนั้น นายพิธาระบุว่า เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ความกังวลกับสุราของชาวบ้าน ไม่เท่าเทียมกับความกังวลต่อสุราของนายทุนและสุรานำเข้า ซึ่งเรื่องของสุขลักษณะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และองค์กรต่างๆ อยู่แล้ว ที่จะคอยมาช่วยควบคุมให้ผู้ประกอบการผลิตได้ผ่านมาตรฐาน ส่วนเรื่องของอุบัติเหตุและอัตราการดื่มสุรานั้น แน่นอนว่าจำเป็นต้องมีกระบวนการให้ความรู้ การศึกษา และการรณรงค์ลดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ ซึ่งภาษีจากสุราที่จะเพิ่มมากขึ้นสามารถนำมาใช้เพื่อการนี้ได้
“สิ่งที่เถื่อนไม่ใช่เหล้า แต่คือกฎหมายและการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่มารังแกผู้ประกอบการ และการที่นายทุน ขุนศึก ศักดินา รวมหัวกันเพื่อทำให้เกิดการผูกขาดของอุตสาหกรรมสุรา กดทับตลาดของคนธรรมดาทั่วไปต่างหาก” นายพิธากล่าว
นายพิธาระบุด้วยว่า เรื่องนี้เป็นชัยชนะของประชาชน ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง รวมถึง ส.ส.จากพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย รัฐบาลพรรคไทยรักไทยของอดีตนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร เคยจัดมหกรรมสุราไทยและโอท็อป จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารที่ส่งต่อกระบวนการปลดล็อกสุราไทยให้สามารถเดินทางมาถึงจุดนี้ได้
สำหรับนายทุนสุรารายใหญ่ นายพิธากล่าวว่า ไม่มีความน่ากังวลเลยในเรื่องของส่วนแบ่งตลาด เนื่องจากมีข้อมูลยืนยันออกมาแล้วว่า ประเทศต่างๆ ที่ทำให้เกิดการปลดล็อกสุรา ไม่เคยทำให้กลุ่มทุนสุราขนาดใหญ่ในประเทศไหนสูญเสียส่วนแบ่งตลาดเกิน 1% ขณะเดียวกันนี่คือโอกาสในการพัฒนาธุรกิจสุราของตัวเอง ด้วยการใช้เครือข่ายการส่งสินค้า การลงทุนร่วม สร้างหุ้นส่วน เพิ่มทุน ขยายกิจการร่วมกัน มาช่วยเหลือและต่อยอดเติบโตไปพร้อมกันได้
ด้านนายเท่าพิภพระบุว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาระหว่างกระบวนการทำร่าง พ.ร.บ.นี้ ได้มีเสียงสะท้อนมาจากหลายภาคส่วน รวมทั้งระหว่างการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการโดย ส.ส.หลายคน ส่วนใหญ่เป็นความกังวลในเรื่องของมาตรฐาน อีกทั้งเมื่อไม่กี่วันมานี้ยังมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะให้แทรกแซงให้ล้มกฎหมายฉบับนี้ ด้วยข้อกังวลเดียวกัน
“ผมได้อธิบายไปหลายครั้งแล้ว และขออธิบายอีกครั้ง ว่าเนื้อหาในกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงการควบคุมมาตรฐานอะไรแม้แต่น้อย และประเทศไทยก็มีกฎหมายควบคุมอย่างเข้มแข็งและเข้มงวดอยู่แล้ว ยิ่งกว่าประเทศมุสลิมบางประเทศด้วยซ้ำ ในทางกลับกันนี่คือเรื่องที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนมาก ไม่ใช่แค่ผู้ผลิต แต่รวมถึงคนทำงานในบาร์ คนทำงานในระบบโลจิสติกส์ เกษตรกร ธุรกิจสุรามีซัพพลายเชนที่ครอบคลุมหลายส่วน และจะนำไปสู่การจ้างงานกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล ดังนั้นการที่ฝ่ายผู้มีอำนาจจะพยายามแทรกแซงให้เกิดการล้มกฎหมายฉบับนี้ ขอเตือนอีกครั้งว่าจะเป็นการนำไปสู่การขีดเส้นความขัดแย้งใหม่ในสังคม เป็นการประกาศสงครามระหว่างคน 99% กับคน 1%” นายเท่าพิภพระบุ
นายเท่าพิภพกล่าวอีกว่า สำหรับเพื่อนสมาชิกสภา ตัวเองมองไม่ออกเลยว่าด้วยเหตุผลใดที่จะไม่ยกมือผ่านให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ จากที่ตัวเองได้ยินมา มีความพยายามในกรมสรรพสามิตที่จะออกร่างกฎกระทรวงมาเพื่อให้ ส.ส.หลายคนใช้เป็นเหตุผลอ้างเพื่อไม่ยกมือผ่านให้ ซึ่งสุดท้ายการออกกฎกระทรวงจะเป็นเพียงแค่การตบตา เตะถ่วงยื้อเวลาไปเรื่อยๆ เท่านั้น นอกจากนี้กฎกระทรวงดังกล่าวหากจะมีการออกมาจริง ก็ยังเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่มีเหตุผล เช่นบังคับให้ต้องทำ EIA ซึ่งมีราคาหลักล้านถึงสิบล้านบาท เป็นต้นทุนสูงมากสำหรับโรงงานขนาดเล็ก เป็นการทลายกำแพงหนึ่งเพื่อสร้างอีกกำแพงหนึ่งขึ้นมาแทนเท่านั้น
“วันที่ 2 พ.ย.นี้จะเป็นวันที่พิสูจน์ให้ประชาชนได้เห็นอีกครั้งว่า ประเทศนี้เกิดมาเพื่อเรา เป็นของเราจริงๆ หรือจะเป็นของคนแค่ 1% ไม่มีเหตุผลเลยที่สภาจะโหวตแย้ง ที่ผ่านมาในชั้นกรรมาธิการก็มีการปรับแก้มากมาย ทั้งเรื่องของการผลิตสุราในครัวเรือน ที่มีการแก้ไขให้ต้องมีการจดแจ้งให้รัดกุมขึ้น ซึ่งผมต้องขอขอบคุณ ส.ส.ต่างพรรคที่ร่วมผลักดันกันมา วันพุธนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่สภาจะได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ ผมขอให้ประชาชนทุกคนได้ร่วมกันกดดันไปยัง ส.ส.ของตัวเอง ให้พวกเขาโหวตเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อคน 1% ของประเทศนี้” นายเท่าพิภพกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถอดบทเรียนห้ามเกียร์ว่าง คนละครึ่งฯช่วยน้ำท่วมใต้
"บวรศักดิ์" ถก "สตง." วางกรอบตรวจจ่ายเงินในภาวะฉุกเฉิน ชง ครม.ใช้หลักการเดียวกันทั่วประเทศกรณีภัยพิบัติ
หนุนคนแก่ออม หักลดหย่อนภาษี สูงสุด8แสนบาท
นายกฯ มอบ “เอกนิติ” ประชุม คกก.เศรษฐกิจ รับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big Win
นร.นอกระบบ ร่วมน้อมรำลึก พระพันปีหลวง
พระราชวงศ์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย "พระพันปีหลวง" นักเรียนการศึกษานอกระบบเข้ากราบพระบรมศพฯ
สส.แห่โชว์กึ๋นจัดการกัมพูชา
พรั่งพรูพรรคการเมืองระดมมันสมอง นำเสนอวิธีจัดการกับกัมพูชา "หัวหน้าเท้ง" การสงครามก็เก่ง สวมบทขงเบ้งแนะวิธีปิดเกม
ทวงคืนหลายพื้นที่! ยึดปราสาทคนา-รุกคืบตาควาย-พลีชีพ1เจ็บ18/รบ.ไม่เจรจา
ศึกชายแดนไทย-กัมพูชาระอุ! เขมรเปิดแนวรบตั้งแต่ตีห้าในหลายพื้นที่ทั้ง “อุบลฯ-สุรินทร์-ศรีสะเกษ-บุรีรัมย์-สระแก้ว”
มั่นใจ‘ชาวหาดใหญ่’ใช้ชีวิตปกติ
"มท.3" สั่งทุกหน่วยระดมกำลังเร่งฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วม ตามเป้า “7 วันกลับบ้าน 14 วันสะอาด” ห่วง 11-14 ธ.ค.ฝนถล่มซ้ำ

