เด็กเพื่อไทยเต้น ปัดสนิท‘ตู้ห่าว’ ตร.สอบนอมินี

"ศรีสุวรรณ" ร้อง กกต.เอาผิด 2 พรรคใหญ่เกี่ยวข้องคดีนายทุนจีนสีเทา เข้าข่ายผิด กม.พรรคการเมืองถึงขั้นยุบพรรค "วิชาญ" โร่แจ้งความหลังถูกโยงรู้จักตู้ห่าว "บิ๊กโจ๊ก" เรียก 2 สาวคนสนิทตู่ห้าวสอบเส้นทางการเงิน พร้อมเรียก ตม.ซักรายละเอียดการเดินทางเข้า-ออกกลุ่มทุนจีน

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันที่ 6 ธ.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อขอให้ไต่สวนรวมถึงเอาผิดนักการเมือง และผู้ดำรงตำแหน่งของพรรคการเมือง ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว นายทุนจีนสีเทา เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ซึ่งห้ามไม่ให้พรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง กระทำการหรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวน หรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า จากกรณีนายตู้ห่าวที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมในหลายข้อหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาเสพติด สถานบริการ ซึ่งมีโทษในอัตราที่สูง เป็นเรื่องที่สังคมไทยไม่ควรจะนิ่งเฉยต่อประเด็นนี้ อีกทั้งเมื่อตำรวจได้ขยายการสืบสวนสอบสวนมากขึ้นกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ก็ไปพาดพิงถึงบุคคล ซึ่งเป็นนักการเมืองและพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดใหญ่หลายพรรคที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้   ไม่ว่าจะเป็นการไปกว้านซื้อคฤหาสน์ บริเวณถนนซอยลาซาล การไปมีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัท หรือเปิดบริษัทต่างๆ มากมายไม่ต่ำกว่า 22 บริษัท ทั้งในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และภูเก็ต ซึ่งมีนักการเมืองทั้งในอดีตและปัจจุบันเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่หลายคน ซึ่งไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ก็ล้วนเข้าข่ายความผิดในมาตรา 45 ของกฎหมายพรรคการเมือง

"สมาคมเห็นว่าไม่อาจจะปล่อยให้ทางตำรวจดำเนินการตรวจสอบทางคดีอาญาและนอมินีเพียงฝ่ายเดียว ในส่วนนักการเมืองหรือพรรคการเมือง ต้องมีส่วนเข้ามารับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรง จึงเป็นอำนาจของ กกต.ที่มีหน้าที่ดูแลกำกับพรรคการเมืองจะต้องดำเนินการไปสวนสอบสวนเรื่องนี้ด้วย แล้วถ้าหากพบว่ามีความผิดมีนักการเมือง หรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง และพรรคการเมืองเกี่ยวข้องจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อลงโทษยุบพรรคตามมาตรา 92 (3)" นายศรีสุวรรณกล่าว

ถามว่า จะสามารถระบุพฤติกรรมของนักการเมือง พรรคการเมือง ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับในตู้ห่าวได้หรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ถือหุ้นอยู่ในธุรกิจของนายตู้ห่าว แม้จะเป็นภรรยานักการเมือง แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ก็ถือว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน หรือเป็นบุคคลที่เอื้อประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงสัญชาติของนายตู้ห่าว จากสัญชาติจีนมาเป็นสัญชาติไทย หรืออาจจะเกี่ยวพันกับธุรกิจที่ซื้อขายกันกับนายตู้ห่าว ซึ่งเท่าที่ปรากฏก็มีชื่อนักการเมือง พรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

"มีพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค อีกทั้งยังพบว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องเบื้องต้นประมาณ 4 คน ซึ่งนักการเมืองจะต้องเอื้อความสะดวกให้กับสำนักงานตํารวจแห่งชาติได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรใช้อำนาจบาตรใหญ่ไปขัดขวางหรือกระทำการใดๆ ที่ทำให้เรื่องนี้ซึ่งอยู่ในความสนใจของสาธารณชนถูกบิดประเด็นออกไป" นายศรีสุวรรณกล่าว

ด้านนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีมีสื่อออนไลน์นำภาพตนเองกับนายตู้ห่าวมาเผยแพร่ในทำนองมีความรู้จักสนิทกันว่า ภาพที่ปรากฏเป็นข่าวนานมากแล้ว ตอนนั้นตนเปิดตัวโรงงานแถว จ.สมุทรปราการ ได้ไปเป็นเพื่อนกับคุณลุงที่ถูกเชิญไปร่วมงานเท่านั้น งานดังกล่าวพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร.ขณะนั้นเป็นประธาน แต่กลับถูกโยงทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหาย ถูกนำมาเล่นข่าวในช่วงจะเลือกตั้ง เป็นนักการเมืองที่ถูกป้ายสี ดังนั้นจึงไปแจ้งความเรียบร้อย

"ยืนยันว่าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายตู้ห่าว เห็นหน้าตอนนี้ก็ยังจำไม่ได้เลย" นายวิชาญกล่าว

ที่สโมสรตำรวจ คณะทำงานชุดคลี่คลายคดีธุรกิจทุนจีนสีเทา ได้เรียกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทั่วประเทศ รวม 26 และได้เชิญนางพัชรินทร์ที่มีข้อมูลว่าเป็นนอมินีของตู้ห่าวมาให้ปากคำ โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาร่วมสอบสวนนางพัชรินทร์และผู้เกี่ยวข้องด้วย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ตำรวจได้เชิญนางพัชรินทร์และ น.ส.หลิน ซึ่งทั้งสองมีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัท ซึ่งมีนายตู้ห่าวเป็นประธานกรรมการมาสอบในฐานะพยานธุรกรรมการเงิน เส้นทางการเงิน การเบิกจ่ายเงิน เนื่องจากทั้งสองมีการรับจ่ายเงินเข้า-ออกของบริษัท โดยมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น 3-4 บริษัท และทั้ง 2 เป็นเพื่อนกัน เพราะเชื่อว่ายังมีเงินสดตู้ห่าวอีกจำนวนมาก

"ที่ผ่านมาทั้งสองคนให้การเป็นประโยชน์ไปแล้วก่อนหน้านี้ รวมถึงประเด็นความสัมพันธ์กับนายตู้ห่าว ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติ แต่หลังจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบอย่างละเอียด หากพบความผิดจะดำเนินการโดยไม่ละเว้น และเร่งรัดตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ทั้งหมด" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ในส่วนตำรวจ ตม.ที่เชิญมาเป็นหัวหน้าสถานีกว่า 20 สถานี เพื่อให้ปากคำย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2563 เกี่ยวกับกลุ่มคนจีนสีเทา เรื่องผับจินหลิน ผับท็อปวัน คลับวัน และคนจีนที่เป็นนอมินีทั้งหมด รวมถึงที่มาขอวีซ่าคนจีนสีเทา หลังตรวจพบว่าไม่มีการเดินทางเข้า-ออกประเทศ มีเอเยนต์รับต่อวีซ่า มีการเรียกรับผลประโยชน์ และใช้วีซ่าผิดประเภทอ้างว่าเป็นนักศึกษา โดยหลังจากนี้จะเข้าค้นมูลนิธิที่รู้เห็นในการกระทำผิด  หากพบมีความผิดจะทำเรื่องส่งไปให้กระทรวงมหาดไทยสั่งปิดทันที

 "ส่วนอดีตตำรวจระดับสารวัตรและนางสุชาดาจะเข้าให้ปากคำในวันพฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค.นี้ ในประเด็นอำนาจหน้าที่ เส้นทางการเงิน ในฐานะที่มีรายชื่อกรรมการบริษัทของตู้ห่าว" รอง ผบ.ตร.กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง