จังหวัดท่องเที่ยวคึกรอรับนทท.จีน

กต.ยืนยันไทยพร้อมทุกด้านรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เอกชนดี๊ด๊าเตรียมรับนักท่องเที่ยวจีน “เด็กก้าวไกล” จี้รัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ พ่วงแนะใช้แบบ Bivalent ทั้งที่ยังไม่มีใครนำเข้า “กรมวิทย์” แจงพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ XAY.2 หนึ่งราย การันตีเชื้อในจีนแทบไม่ต่างจากในประเทศ

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงถึงกรณีสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค.ว่า จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนทยอยเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งหน่วยงานของไทยที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกันหลายรอบ เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ถือเป็นกลุ่มที่สำคัญ เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยในปี 2563 จำนวน 40 ล้านคนนั้น เป็นชาวจีนถึง 11 ล้านคน จึงถือว่ามีผลต่อเศรษฐกิจของไทยอย่างมาก

“แม้จีนจะเปิดประเทศ แต่ไม่ได้หมายความว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะแห่เดินทางมาในคราวเดียวกัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประมาณการว่าไตรมาสแรกของปี 2566 นักท่องเที่ยวจีนน่าจะเริ่มทยอยเดินทางประมาณ 3 แสนคน ดังนั้นจึงอยากให้ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเตรียมรองรับ ส่วนมาตรการด้านสาธารณสุขในไทยนั้น สามารถรองรับได้ เพราะยอดผู้ติดเชื้อในไทยไม่ได้สูงมาก และผู้ติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรงมาก” นางกาญจนากล่าว และว่า เราไม่มีการเลือกปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะมาจากประเทศใด จะใช้มาตรฐานเดียวกัน แต่อาจจะสุ่มตรวจบ้าง ดังนั้นยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกชาติ

ขณะที่ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงมาตรการที่ด้านสาธารณสุขเพื่อรับนักท่องเที่ยวจีนว่า รัฐบาลควรเร่งฉีดวัคซีนบูสเตอร์หรือเข็มกระตุ้นที่ 3-4 ให้ประชากรเพิ่มโดยเร็วที่สุด ซึ่งปัจจุบันคนไทยรับวัคซีนเข้มกระตุ้นไม่ถึง 50% หากรู้ว่าจะมีการรับนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา ก็ควรเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตั้งแต่ก่อนปีใหม่แล้ว ซึ่งการเร่งฉีดตอนนี้อาจทันอยู่ เนื่องจากวัคซีนบูสเตอร์ใช้เวลาเพียง 5 วันเท่านั้นในการกระตุ้นภูมิต้านทาน โดยควรฉีดให้ได้อย่างน้อย 80% ของประชากรทั่วไป และไม่น้อยกว่า 90% ของกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตจากโควิดสูงกว่าคนทั่วไป

“ประเภทของวัคซีนนั้น อย่างแย่ที่สุดต้องเป็นวัคซีน mRNA แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ควรต้องเป็นวัคซีนรุ่นใหม่ที่ผสมสายพันธุ์โอไมครอนลงไปด้วย หรือที่เรียกว่าวัคซีนแบบ Bivalent ซึ่งยังไม่มีการนำเข้ามาในไทยแม้แต่เข็มเดียว แต่หากไม่สามารถจัดหาได้ อย่างน้อยที่สุดก็ยังเอาวัคซีน Monovalent มาฉีดกระตุ้นก่อนได้ แต่หลังจากนี้ไม่ควรสั่งซื้อวัคซีนแบบ Monovalent มาใช้อีกแล้ว ควรปรับมาใช้วัคซีน Bivalent แทน” นพ.วาโยระบุ

นพ.วาโยกล่าวอีกว่า มาตรการเข้าเมืองของนักท่องเที่ยว แม้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างเป็นทางการว่านักท่องเที่ยวจีนมีความชุกของเชื้อมากกว่าชาติอื่น แต่ในเมื่อประชาชนมีความกังวล สิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้คือการสุ่มตรวจบุคคลที่เดินทางเข้าเมืองจากทุกสายการบิน ไม่ใช่เพียงสายการบินจากจีนเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังวลในการเลือกปฏิบัติ และอีกประการหนึ่งคือการตรวจน้ำเสียจากเครื่องบิน เพื่อดูความเข้มข้นและสายพันธุ์ของเชื้อ ซึ่งด้านนี้สามารถเจาะจงเฉพาะไปที่สายการบินจากจีนได้

ด้านนายสมฤทธิ์ ไหคำ อุปนายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ และรองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า เชียงใหม่เป็นเมืองในอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวจีนต้องการมาเที่ยว ดังนั้นถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันจริงจังรอบด้าน จึงจะรับมือกับข้อกังวลต่างๆ ของโควิด-19 ได้ ซึ่งล่าสุดจังหวัดได้ประชุมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมออกมาตรการรับมือและแคมเปญฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น บุคลากรภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 23-29 ม.ค.นี้ วันละ 3,000 โดส เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกันแก่บุคลากรและสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวด้วย อีกทั้งยังประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เฝ้าระวังและอำนายการให้ทุกอย่างเดินไปด้วยกันได้

“การท่องเที่ยวน่าจะโตกว่าปี 2565 เกือบเท่าตัว สำหรับนักท่องเที่ยวจีนคาดการณ์ว่าน่าจะเข้ามาราว 20% จากตัวเลขก่อนโควิด-19 สัญญาณการขยับตัวมากเพียงใดจะชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง”นายสมฤทธิ์กล่าว

นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่นระบุว่า คาดว่าจังหวัดจะมีนักศึกษาจีนและผู้ปกครองเข้ามาในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 คน ซึ่งจะสร้างรายได้กว่า 600 ล้านบาทต่อปี และจะมีการทำซอฟต์เพาเวอร์เรื่องวัฒนธรรม ทั้งเรื่องการแต่งกาย การโปรโมตผ้าไหม และผ้าพื้นเมือง ซึ่งหอการค้าได้มีการคุยผ่านบริษัททัวร์ในประเทศจีนให้มาสำรวจพื้นที่ในอีสานมากขึ้น

“การเดินทางสะดวกสบาย ไฟลต์บินจากจีนมากรุงเทพฯ จากกรุงเทพฯ มาขอนแก่น วันหนึ่งประมาณ 20 ไฟลต์บิน การเดินทางอีกเส้นทางคือรถไฟความเร็วสูงจากจีนคุนหมิงเชื่อมมายังเวียงจันทน์ ประเทศลาว จากลาวเดินทางมาขอนแก่นอีกไม่เกิน 3 ชั่วโมง น่าจะเป็น 2 เส้นทางหลักสำหรับการเดินทาง” นายชาญณรงค์ระบุ

                    วันเดียวกัน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงว่า จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ในไทย ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายตรวจพบสายพันธุ์ XAY.2 จำนวน 1 รายในไทย ซึ่งได้ส่งข้อมูลเผยแพร่ไปยังฐานข้อมูล GISAID ทั้งนี้ สายพันธุ์ XAY.2 เป็นลูกผสมระหว่างเดลต้าสายพันธุ์ย่อย AY.45 กับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4/5 แต่คนที่อยู่ใกล้ชิดยังไม่พบการติดเชื้อ ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกพบ 344 ราย

นพ.ศุภกิจกล่าวถึงกรณีจีนจะเปิดประเทศว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่ระบาดในจีน พบว่า 97% เป็นสายพันธุ์ BA.5.2 และสายพันธุ์ BF.7 ซึ่งไม่ได้เป็นสายพันธุ์ใหม่ และไม่ได้แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ในไทย ดังนั้นจึงไม่น่ากังวล ส่วนสายพันธุ์ XBB.1.5 ที่ระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา จากการเฝ้าระวังยังไม่พบในไทย โดยสายพันธุ์หลักที่พบในไทยขณะนี้เป็นสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BN.1.3 ซึ่งเป็นลูกหลานของ BA.2.75 ซึ่งข้อมูลความสามารถในการหลบภูมิและแพร่เร็วใกล้เคียงกับ XBB.1.5.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง