3รมต.รอต้อนรับนทท.จีน เอกชนใต้จี้รื้อเกณฑ์โควิด

นิด้าโพลชี้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า "โควิด"  ไม่น่ากลัวอีกต่อไป "อนุทิน-ศักดิ์สยาม-พิพัฒน์" นำผู้บริหาร 3 กระทรวงต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน ภาคเอกชนภูเก็ต-พังงา-กระบี่ร่อนหนังสือถึงนายกฯ ทบทวนด่วนมาตรการคุมเข้มโควิด อ้างหลายประเทศไม่พอใจจ่อยกเลิกเข้าไทย

เมื่อวันที่ 8 มกราคม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจของประชาชน ระหว่างวันที่ 3-6 ม.ค.66 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน  1,310 หน่วยตัวอย่าง ถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ปี  2566 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 35.57 ระบุว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะไม่น่ากลัวอีกต่อไป รองลงมา ร้อยละ 32.06  การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะลดน้อยลง ร้อยละ  19.70 การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเหมือนเดิม และร้อยละ 12.67 การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะรุนแรงขึ้น

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ เวลา  12.15 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ  รมว.คมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และผู้บริหารจากทั้ง 3 กระทรวง จะเข้าร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เดินทางมาประเทศไทย ภายหลังทางการจีนทยอยเปิดประเทศตั้งแต่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

สำหรับเที่ยวบินจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่รองนายกฯ และคณะจะให้การต้อนรับในครั้งนี้ คือเที่ยวบิน  MF833 เดินทางมาจากเมืองเซี่ยเหมิน ซึ่งมีผู้โดยสารทั้งหมด 286 คน จากนั้นนายอนุทินและคณะจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงแนวทางประสานการทำงานของ 3  กระทรวง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงคมนาคม  และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเตรียมจัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วม 3 กระทรวง (Tourist Help  Center) เพื่อประสานงาน ติดตามข้อมูล แก้ไขปัญหา  ตลอดจนให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวในระยะต่อไป

ทั้งนี้ การมาร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวพร้อมกับลงพื้นที่ตรวจราชการพร้อมกันทั้ง 3 กระทรวงครั้งนี้ เป็นความต่อเนื่องจากการประชุมกำหนดมาตรการรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อป้องกันควบคุมโรคโควิด-19  ที่นายอนุทินได้เป็นประธาน ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 5  ม.ค.66 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในประเทศ  นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย ขับเคลื่อนให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจจากความเสียหายของโควิด-19 ได้

ทสภ.จัดระเบียบกรุ๊ปทัวร์

ทางด้านฝ่ายกิจการพิเศษและมวลชนสัมพันธ์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แจ้งว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้เวลานี้จำนวนผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ  ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) มีความหนาแน่นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่เดินทางเป็นหมู่คณะโดยบริษัทท่องเที่ยว (กรุ๊ปทัวร์) ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบภายในอาคารผู้โดยสารที่มีผู้ใช้บริการหลายกลุ่มให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทสภ.จึงได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังสมาคมซึ่งเป็นผู้แทนผู้ประกอบการบริษัทท่องเที่ยว ได้แก่ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) และสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว  (TTAA) เพื่อดำเนินการตามแนวทางการใช้พื้นที่ในอาคารผู้โดยสารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ทสภ.ได้ขอความร่วมมือบริษัทท่องเที่ยวทุกแห่งในการรวมกรุ๊ปทัวร์สำหรับเที่ยวบินขาออก ที่บริเวณชั้น 4  ประตู 10 อาคารผู้โดยสาร ซึ่งการกำหนดพื้นที่เฉพาะนี้ช่วยจัดระเบียบความเรียบร้อยบริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็กอินภายในอาคาร ซึ่งภายหลังการจัดระเบียบตามแนวทางดังกล่าว บริษัทท่องเที่ยวที่เป็นสมาชิกของทั้ง 2 สมาคม ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ที่พรรคประชาธิปัตย์ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. ของพรรค นำโดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ได้จัดเสวนาในหัวข้อ "เดินหน้าประเทศอย่างไร ในวันที่โควิด (ยัง) กลายพันธุ์" สำหรับผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค พญ.ชุลีพร จิระพงษา นักระบาดวิทยา  ดร.อรณิชา สว่างฟ้า นักเศรษฐศาสตร์ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และนางดรุณวรรณ  ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ วงเสนาเห็นว่าประเทศไทยต้องมีความสมดุล ไม่เร่งรีบจนเกินไป  การที่จะเดินหน้าประเทศต่อไปได้ ในขณะที่โควิดยังกลายพันธุ์ ประเทศต้องมีแผนการสื่อสารในภาวะวิกฤตแบบบูรณาการ ที่ต้องเกิดจากการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน และต้องมีรูปแบบการสื่อสารที่เป็นระบบด้วยชุดข้อความเดียวจากแหล่งที่ถูกต้อง

ที่ จ.ภูเก็ต ภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่  ประกอบด้วย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต, สมาคมสปาเพื่อสุขภาพจังหวัดภูเก็ต, สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้, สมาคมโรงแรมป่าตอง, สมาคมโรงแรมหาดกะตะกะรน, สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวจังหวัดภูเก็ต, สมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่, สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่, สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพังงา ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 6 ม.ค.66 ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องมาตรการการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และสำเนาถึงนายอนุทิน, นายพิพัฒน์  และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

สาระสำคัญ อาทิ มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดให้ผู้เดินทางต้องรับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 2 เข็ม  ซึ่งได้รับการติดต่อจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากที่แสดงความเป็นกังวล เนื่องจากเพิ่มความยุ่งยากในการเดินทาง ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักในปัจจุบันอาจตัดสินใจยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทย จึงขอเสนอให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนนโยบายจำกัดการบังคับฉีดวัคซีน 2 เข็มเฉพาะกับผู้เดินทางจากประเทศที่มีมาตรการบังคับทำ  RT-PCR ก่อนกลับเข้าประเทศเท่านั้น ส่วนในประเทศที่ไม่มีมาตรการตรวจ RT-PCR ก่อนกลับเข้าประเทศ ขอให้งดเว้นการฉีดวัคซีน 2 เข็ม เนื่องจากส่วนใหญ่ในประเทศที่ไม่มีมาตรการเหล่านั้น การระบาดของโรคได้ผ่านพ้นกลายเป็นโรคประจำถิ่นที่ไม่เฝ้าระวังแล้ว อีกทั้งประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนมากกว่า 2 เข็มแล้ว

ต่างชาติโวยมาตรการไทย

นอกจากนี้ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต  โดยนายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ประธานที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ลงนามหนังสือเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ทำหนังสือถึงนายกฯ เรื่องผลกระทบจากการออกมาตรการของผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 66 และทำสำเนาถึงนายอนุทิน, นายพิพัฒน์ และนายยุทธศักดิ์ 

โดยระบุว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกแนวทางควบคุมผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 66 สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตได้รับการติดต่อและประสานงานจากผู้ประกอบการนำเที่ยวในหลายประเทศ ซึ่งทุกบริษัทได้แสดงความเป็นกังวลอย่างสูงสุด ต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของประเทศไทย ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้รวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นเพื่อนำส่งให้รัฐบาลใช้ในการประกอบการพิจารณา ประกอบด้วย ความคิดเห็นจากบริษัทนำเที่ยวประเทศอังกฤษ ประเทศภาคพื้นสแกนดิเนเวีย ประเทศเยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส ประเทศรัสเซีย และ CIS

สมาคมฯ มีความห่วงใยต่อสถานการณ์เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบริษัทนำเที่ยวต่างๆ ได้แสดงความไม่พอใจ และนักท่องเที่ยวจำนวนมากจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนกฎการเดินทางในครั้งนี้ จึงขอความกรุณานายกฯ พิจารณาสั่งการโดยด่วนที่สุด เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาและหาทางออกให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

ที่สำนักงานเทศบาลนครขอนแก่น นายธีระศักดิ์  ฑีฆายุพันธ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยว่า มีความเป็นห่วงเรื่องกฎระเบียบและข้อบังคับที่อาจจะยุ่งยาก และซับซ้อน ดังนั้นเมื่อรัฐบาลประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และประกาศมาตรการรับชาวต่างชาติเข้าประเทศไทย ในภาวะปกติเช่นเดียวก่อนที่โควิดจะเกิดขึ้น  ดังนั้นเมื่อขณะนี้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติและคนไทยยังคงสวมใส่หน้ากากอนามัย มีมาตรการป้องกันและควบคุมตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด การเดินทางเข้าประเทศไทยของชาวจีนที่จะต้องเดินทางมาในรูปแบบต่างๆ นั้นควรที่จะดำเนินการเช่นเดียวกันกับประเทศอื่นๆ ที่เดินทางมาไทย จะมาเฉพาะเจาะจงว่าคนจีนจะเข้าไทยจะต้องซับซ้อนและมีขั้นตอนที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ นั้น โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วย ควรที่จะปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ขอนแก่นมีความพร้อมและมีมาตรการรองรับที่ชัดเจนและเข้มงวดอยู่แล้ว และชาวขอนแก่นยังคงการ์ดไม่ตก และคงไว้ซึ่งมาตรการอย่างรัดกุม และขณะนี้การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นก็ดำเนินการต่อเนื่อง ขณะนี้องค์กรจีนใน จ.ขอนแก่น เริ่มมีการประสานงานกับเครือข่ายชาวจีน ในการที่จะเชื่อมโยงและประสานความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่นเดียวกันกับสถานกงสุลใหญ่จีนที่ตั้งอยู่ที่ขอนแก่น ที่ได้ประสานการทำงานและขับเคลื่อนความร่วมมือเพิ่มขึ้น ซึ่งขอนแก่นก็พร้อมที่จะแสดงศักยภาพรองรับคนจีนที่จะเดินทางเข้าพื้นที่ที่คาดว่าจะทยอยเดินทางเข้ามาตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง