ลุงป้อมกินรวบสอท. ‘สมคิด’ขนทีมซบรังเก่าจ่อเปิดตัว/พปชร.ส่งชื่อเดียวชิงนายกฯ

พปชร.เคาะ “ประวิตร” แคนดิเดตนายกฯ คนเดียว ตั้ง “บุญสิงห์-สกลธี-อภิชัย” นั่ง กก.บห.แทนที่ว่าง “เสธ.โย” คุมนายทะเบียน ปิดดีล "สอท." คัมแบ็กซบลุงป้อม “สันติ” มั่นใจ “สมคิด” ร่วมทำงาน “นฤมล-มิ่งขวัญ” ได้ “บิ๊กตู่” ร่วมงานเกียรติยศจักรดาว ขอสื่องดถามการเมือง เตรียมคิวตรวจราชการ “นครสวรรค์-พิจิตร” 30 ม.ค.นี้ “พท.” คึก!เปิดเวทีปราศรัยในนามพรรคครั้งแรกที่ จ.เลย รุมอวย “อุ๊งอิ๊ง” เหมาะเป็นนายกฯ  อ้อนขอคะแนนแลนด์สไลด์ “ชลน่าน” โวกวาดเรียบอีสาน 132 เขต “ชวน” เชื่อคนใต้จะหวนกลับมาเลือก ปชป.อีกครั้ง

ที่ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) วันที่ 27 ม.ค. เวลา 10.00 น. มีการจัดประชุมใหญ่สามัญพรรค พปชร.ครั้งที่ 1/2566 โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์  รมช.การคลัง และเลขาธิการพรรค, นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค เข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณาวาระสำคัญคือ แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 เลือกคณะกรรมการบริหารพรรค เลือกคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง

นายวิรัชกล่าวก่อนประชุมว่า การประชุมวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยให้เหตุผลว่ายังอยู่ในเวลาราชการ จึงมอบหมายให้ตนทำหน้าที่ประธานการประชุม ส่วนเรื่องการปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.นั้น จะพยายามให้ทันกลางเดือน ก.พ. และจะมีการลงพื้นที่เลย

ถามถึงกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกมาแก้เกมว่าจะมีการปราศรัยที่แขวงชนะสงคราม เขตพระนครนั้น นายวิรัชย้อนถามว่า "รวมไทยสร้างชาติชนะสงคราม มีเหรอ แต่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายสร้างมาเพื่อที่จะเฉลิมฉลองชัยชนะ” 

"ในการประชุมจะมีการเปิดเพลงใหม่ของพรรค พปชร. คือเพลง "ก้าวข้ามความขัดแย้ง" ความยาว 4 นาที ซึ่งแต่งโดยดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค เนื้อหาเป็นการเชิญชวนให้คนมาร่วมสร้างสรรค์การเมือง เพื่อความรุ่งเรือง หยุดความหวาดระแวง และมาปรองดองหัวใจ พลังประชารัฐจะก้าวข้ามความขัดแย้ง รวบรวมทุกแรง ไม่แบ่งความรักศรัทธา เพื่อวันแห่งความสดใส และยังตอกผลงานของพรรค ที่อาสาดูแลไทยรุ่งเรือง ซึ่งเพลงนี้ก็จะใช้ในการหาเสียงด้วย" นายวิรัชกล่าว 

มีรายงานว่า ในที่ประชุมพรรค พปชร.ได้มีการแจ้งรับทราบการแก้ไขข้อบังคับพรรคต่างๆ รวมถึงมีการแจ้งกรรมการบริหารพรรคลาออก 3 คนคือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ลาออกจาก ผอ.พรรค, นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลาออกจาก กก.บห. และนายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ลาออกจากนายทะเบียนพรรค จากนั้นได้มีการเสนอให้สมาชิกลงมติเลือกกรรมการบริหารพรรค จำนวน 3 คน ทดแทนตำแหน่งที่ว่างคือ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค, นายสกลธี ภัททิยกุล, นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และนายอภิชัย เตชะอุบล เป็นกรรมการบริหารพรรค

จากนั้นที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค เสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นบุคคลที่พรรค พปชร.เสนอให้ได้รับการพิจารณาเป็นนายกฯ โดยเสนอเพียงชื่อเดียว ซึ่งขั้นตอนจากนี้จะมีการเสนอต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคในสัปดาห์หน้าเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป

ชื่อเดียว'ป้อม'ชิงนายกฯ

นายไพบูลย์แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมใหญ่ได้ดำเนินการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ หลังตนได้รับฟังความเห็นจาก ส.ส. ตัวแทนพรรค สาขาพรรค และสมาชิก ทุกท่านเห็นตรงกันว่าพรรคต้องเสนอบุคคลที่สมาชิกพรรคเคารพสูงสุด และเป็นศูนย์รวมจิตใจมาโดยตลอด คือ พล.อ.ประวิตร จึงได้เสนอท่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงชื่อเดียว เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และศักดิ์ศรีของพรรค  และเชื่อว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แน่นอน

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมใหญ่สามัญของพรรคครั้งนี้ แกนนำ กรรมการบริหารพรรค ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิก เดินทางมาร่วมประชุมจำนวนมาก ขาดเพียง พล.อ.ประวิตรที่ติดราชการ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่ติดภารกิจลงพื้นที่   นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ มากันเกือบพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็นนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรและสหกรณ์ โควตากลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า

ต่อมาได้มีกระแสข่าว พล.อ.ประวิตรนัดหารือกับนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ในเวลา 14.00 น. วันที่ 27 ม.ค. ที่ห้องอาหารจีน สโมสรราชพฤกษ์ เขตหลักสี่ กทม. ถึงแนวทางย้ายพรรคทำงานกัน หลังมีการพูดคุยแล้วระดับหนึ่งเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สื่อมวลชนจำนวนมากได้เดินทางมาเกาะติดบรรยากาศการพูดคุยที่บริเวณหน้าสโมสรราชพฤกษ์ แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัดหมาย ไม่มีแกนนำของพรรคใดเดินทางมา จนเวลาผ่านไป 30 นาที ได้มีการแจ้งเปลี่ยนสถานที่พูดคุย และต่อมามีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประวิตร, นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ ได้เปลี่ยนไปพูดคุยกันที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กทม. โดยมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร่วมพูดคุยด้วย

"การพูดคุยเป็นไปทางที่ดี ซึ่ง พล.อ.ประวิตรต้องการให้มีการย้ายมารวมกันโดยเร็วที่สุด เพราะ พล.อ.ประวิตรต้องการให้ภาพออกมาเป็นการก้าวข้ามความขัดแย้งตามนโยบายพรรค โดยนายอุตตม จะเข้ามาช่วยดูยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ และนายสนธิรัตน์เข้ามาช่วยดูยุทธศาสตร์การเมืองให้กับพรรคพลังประชารัฐ โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการแถลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการ" แหล่งข่าวระบุ

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง และเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรได้วางแนวทางเอาไว้ว่าเราจะเป็นพรรคก้าวข้ามความขัดแย้ง อีกทั้งบุคคลที่มีชื่อตามข่าวไม่ได้มีข้อด้อยอะไร โดยเฉพาะเป็นนักวิชาการ นักเศรษฐกิจ มีความตั้งใจที่จะมาช่วยกันดูแลบ้านเมือง ถ้าเป็นคนดีพรรคไม่เคยรังเกียจ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดตนและสมาชิกพรรคจะส่งเสริม

"นายสมคิดก็ดี นายอุตตมก็ดี หากขอเข้ามาร่วมกับพรรค โดยส่วนตัวเห็นว่าดีเสียอีก ไม่มีความเสียหายใดๆ เพราะนายสมคิดมีความตั้งใจที่จะดูแลบ้านเมือง มีความรู้ความสามารถค่อนข้างมาก ท่านมีกำลังที่จะมาช่วยหัวหน้าพรรคในเรื่องเศรษฐกิจ ลงทุน จะทำให้ดีขึ้น ซึ่งพรรคของเราไม่ปฏิเสธแน่นอน" นายสันติกล่าว

ปิดดีล'สอท.'ซบ'พปชร.'

ถามว่า แสดงว่าความขัดแย้งระหว่างนายสมคิดกับคนในพรรคในอดีตต้องลืมไปเลยใช่หรือไม่ เลขาฯ พรรค พปชร.รีบปฏิเสธ “ไม่มีนะ ผมอยู่พรรคนี้มาตั้งแต่ต้น เราไม่มีความขัดแย้ง แต่พรรคเรามีความเป็นประชาธิปไตยสูงสุด หากใครเห็นว่าความคิดไม่ตรงกัน อาจจะถอยไประยะหนึ่ง วันหนึ่งเห็นความจริงว่าพรรคเรามีความตั้งใจจริง ดูแลประเทศชาติด้วยความซื่อสัตย์ เสียสละ ทำงานเพื่อประชาชน เห็นถึงศักยภาพของพรรค คิดว่าน่าจะกลับมาบ้านเก่า มาร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองเพื่อให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี ผมคิดว่าคงไม่มีสมาชิกท่านใดเป็นอย่างอื่น ถ้าในกรณีท่านอยากมา ต้องบอกว่ามาช่วยกัน ไม่ได้เสียหายอะไร ส่วนกลับมาจะอยู่ในตำแหน่งไหน แล้วแต่กรรมการบริหารพรรค”

ซักว่าสามารถทำงานร่วมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ได้ใช่หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ในฐานะพรรคการเมืองมีนักเศรษฐกิจหลายคนยิ่งเสริมเข้ามายิ่งเกิดความแข็งแกร่ง ผลประโยชน์ตกอยู่กับประชาชน แนวคิดของ พปชร.เป็นแนวคิดที่เป็นประชาธิปไตยสูงมาก เราไม่ได้เป็นพรรคทหารอย่างที่คนอื่นคิด ขณะนี้เราเป็นพรรคประชาธิปไตย และก้าวข้ามความขัดแย้งในทุกกรณี

   ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพปชร. กล่าวถึงความชัดเจนทางการเมืองของกลุ่มสามมิตรว่า การมาร่วมประชุมใหญ่สามัญพรรคในวันนี้ ก็แสดงว่าอยู่กับพรรค พปชร.

 ขณะที่นายสกลธี ภัททิยกุล ในฐานะหัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค พปชร. กล่าวถึงกำหนดการปราศรัยครั้งแรกของ พล.อ.ประวิตร ที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายว่า หลังจากเปิดตัวผู้สมัคร กทม. ตอนนี้อยู่ในขั้นการวางแผนยุทธศาสตร์และนโยบายของ กทม. สำหรับการปราศรัยที่เขตป้อมปราบฯ นั้น ทางหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคได้มอบให้ตนและทีมงานไปดูความเหมาะสม และรูปแบบในการลงพื้นที่ของหัวหน้าพรรค ที่อาจไม่ใช่ลงไปตั้งเวทีปราศรัย เพราะด้วยสภาพของเขตป้อมปราบฯ ไม่สามารถรองรับการจัดการปราศรัยที่มีขนาดใหญ่ได้

"โดยรูปแบบที่จะให้หัวหน้าพรรคลงพื้นที่เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยตามชื่อเขตป้อมปราบฯ จะเป็นลักษณะการไปวัดในพื้นที่ ซึ่งมีทั้งวัดไทย วัดจีน และมัสยิด ที่ขณะนี้ทีมงานกำลังคุยกัน ทั้งนี้คิดว่าไม่น่าเกินกลางเดือน ก.พ.จะมีบทสรุปให้หัวหน้าพรรคลงพื้นที่ได้" นายสกลธีกล่าว

ถามว่าหนักใจหรือไม่ที่เขตป้อมปราบฯ ที่เดิมเป็นพื้นที่ของพรรค แต่ปัจจุบันผู้สมัครได้ย้ายไปอยู่พรรคอื่นแล้ว นายสกลธีกล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะในกทม. ตัวบุคคล 30% กระแส 70% ซึ่งยอมรับว่า ส.ส.เก่าได้เปรียบอยู่แล้ว แต่อยู่ที่การทำกระแสและการทำนโยบายให้ชาว กทม.เชื่อมั่น ตนยืนยันว่าผู้สมัคร ส.ส.ของเราไม่ได้เป็นสองรองใคร ซึ่งการปราศรัยของหัวหน้าจะขึ้นเวทีปราศรัยด้วยอยู่แล้ว และจะมีแกนนำไปช่วย

ซักว่า พื้นที่ กทม.คาดหวังว่าจะกี่เก้าอี้ นายสกลธีกล่าวว่า บอกกับหัวหน้าพรรคไปว่าครั้งนี้อาจจะยาก เพราะมีคู่แข่งหลายพรรค และแต่ละพรรคก็ส่งตัวดีๆ ลงในแต่ละเขต ซึ่งหัวหน้าพรรคก็บอกให้ทำให้เต็มที่ ไม่ได้มีกำหนดว่าต้องได้เท่าไหร่ แต่ถ้าถามตน ในใจอย่างน้อยก็อยากได้ 5-6 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าเป็นคาดการณ์ที่ไม่เวอร์จนเกินไป แต่ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.อ.ประวิตร มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการอย่างต่อเนื่องและมากขึ้น ล่าสุดเดือนก.พ. เบื้องต้นมีกำหนด วันที่ 1 ก.พ. ลงพื้นที่ จ.นครปฐมและ จ.ราชบุรี โดยที่ จ.ราชบุรี ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งที่ 2 แต่ครั้งแรกนั้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค. เป็นการลงไปพบ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มีกระแสข่าวย้ายพรรค เพื่อโน้มน้าวให้อยู่กับพรรคต่อไป จากนั้นวันที่ 2 ก.พ. พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ตรวจราชการไปตรวจเยี่ยมโครงการแก้มลิงบ่อโจ้โก้ พร้อมระบบส่งน้ำ บ.ศรีฐาน ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร และตรวจเยี่ยมโครงการ "เติมน้ำ เติมบุญ เติมทุน พัฒนา อาชีพ" พบปะผู้นำท้องถิ่น และประชาชน จ.มุกดาหาร วันที่ 8 ก.พ.ลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี วันที่ 13 ก.พ. ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ขณะเดียวัน บรรดา ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐต่างขอให้ พล.อ.ประวิตรช่วยลงพื้นที่ตัวเองจำนวนมาก เพราะเห็นว่าได้รับการตอบรับดี

บิ๊กตู่ลงนครสวรรค์-พิจิตร

ในส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เมื่อเวลา 08.23 น. ได้เดินทางไปที่โรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก เป็นประธานงานวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร ครบรอบปีที่ 65 และงานเกียรติยศจักรดาว ประจำปี 2566 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (ตท.10), พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม (ตท.16) เข้าร่วม และมี พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร ให้การต้อนรับ

นอกจากนี้ยังมีผู้บัญชาการทหารเรือ  ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร เข้าร่วมงาน ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี (ตท.6) ไม่ได้มาร่วมงาน เนื่องจากติดภารกิจประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีการ พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินเข้ามาหาสื่อมวลชนเพื่อให้สัมภาษณ์ด้วยตนเอง ระบุว่า วันนี้ทุกคนทราบดีว่านายกฯ มางานอะไร มางานวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร และมอบรางวัลเกียรติยศจักรดาวให้กับผู้ที่ทำหน้าที่ทุกเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ มุ่งหวังให้ทุกคนได้ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด และขอให้กำลังใจบรรดาของนักเรียนเตรียมทหารรุ่นใหม่ใหม่ด้วย เราต้องสร้างคนขึ้นมาให้เข้มแข็ง

"วันนี้สถานการณ์หลายๆ อย่างมีความกดดันมากที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ ก็ขอให้ระมัดระวังให้มากที่สุด และขอให้เตรียมความพร้อมในการเข้ารับราชการต่อไป ซึ่งผู้ที่เรียนจบมาแล้ว ขอให้ยึดมั่นในการทำความดีและกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่มีปัญหาติดขัดอยู่บ้าง ก็ให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำการตรวจสอบเกิดความชัดเจนขึ้น นำไปสู่การพิจารณาในเรื่องของวินัยและกฎหมายต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ทั้งนี้ ในการให้สัมภาษณ์ นายกฯ ได้ออกตัวไม่ให้ถามเรื่องการเมือง เพราะมาภารกิจของทหาร

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีเตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดพิจิตร ในวันจันทร์ที่ 30 ม.ค. เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการ และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล

ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยมีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ต้อนรับ

นายธนกรกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เมื่อตัดสินใจเสนอตัวบริหารประเทศต่อ ก็ก้าวสู่สนามการเมืองอย่างเปิดเผย พร้อมแนวทางการทำงานที่ชัดเจน ทำต่อ ทำใหม่ ทำเพิ่ม สานต่อนโยบายและการบริหารประเทศ เพราะเป้าหมายประเทศ มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน จำเป็นต้องทำต่อเนื่อง ตนจึงจะเข้าช่วยดูแลในส่วนภาคใต้ร่วมกับพี่ๆ แกนนำพรรค และมั่นใจว่าชนะเลือกตั้งยกจังหวัดหลายแห่ง

อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ มีอดีตรัฐมนตรีหลายคนมาหารือกับนายธนกรและนายเอกนัฏ ประกอบด้วย นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต รมว.กระทรวงทรัพย์ ส.ส.เลย, นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ อดีต รมช.คมนาคม อดีต ส.ส.ขอนแก่น และนายเอกภาพ พลซื่อ อดีตนายก อบจ.ร้อยเอ็ด

พท.โวกวาดเรียบถิ่นอีสาน

จ.เลย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางลงพื้นที่ จ.เลย เพื่อปราศรัยหาเสียงในกิจกรรมปราศรัยใหญ่ ในงาน#แลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส.จังหวัดเลย อาทิ นายเลิศศักดิ์  พัฒนชัยกุล, นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ และประชาชนร่วมรอรับและมอบดอกกุหลาบ เพื่อให้กำลังใจ พร้อมส่งเสียงตะโกน “เพื่อไทยสู้ๆ”, "อุ๊งอิ๊งสู้ๆ” พร้อมชูป้ายความยินดีต้อนรับจนเสียงดังสนั่น ตั้งแต่บริเวณสนามบินเลย จากนั้นคณะพรรคเพื่อไทยได้หารือกับตัวแทนภาคเอกชนจังหวัดเลยที่ร้านอาหารล้านช้าง ก่อนเดินทางไปยังเวทีปราศรัยจุดแรก

น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า การลงพื้นที่หาเสียงครั้งนี้ถือเป็นการเดินสายหาเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคเพื่อไทย หลังจากนี้พรรคจะเดินหน้าหาเสียงทั่วประเทศ เพื่อพบประชาชนให้ได้มากที่สุด ในส่วนของตนที่ยังสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้จะพยายามลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุด เมื่อใกล้คลอดจะปรับเป็นนั่งรถไปแทน โดยพยายามไปให้ได้มากที่สุดโดยปรึกษาคุณหมอตลอด จะไม่ทำอะไรให้มากเกินไป

เวลา 13.30 น. คณะแกนนำ ส.ส.พรรคเพื่อไทยร่วมปราศรัย โดยเป็นการเปิดเวทีกลางแจ้งที่สนามกีฬากลางจังหวัดเลย แม้บรรยากาศจะร้อนอบอ้าว แต่ยังมีประชาชนเดินทางมาร่วมฟังเป็นจำนวนมาก

นายอดิศร เพียงเกษ สมาชิกพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง ปราศรัยว่า วันนี้ทักษิณส่งลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนมาพี่น้องเมืองเลยอย่าทำให้ผิดหวัง ทักษิณกำลังทำให้ประเทศเจริญ แต่ถูกยึดอำนาจ มาเมืองเลยมาขอคะแนนเสียง ถ้าไม่ได้คะแนนเสียงมาก ประยุทธ์จะอยู่ต่อครบ 8 ปี ก็ยังอยากจะอยู่ต่อ

"ถ้าประยุทธ์เป็นนายกฯ อีก ผมขอไปอยู่ลาวดีกว่า ไม่ได้เป็น ส.ส.มา 16 ปีแล้ว เที่ยวนี้ขอเข้าสภาไปปกป้องแพทองธารในสภา พอกันทียุคทหาร ยุคกบฏ ออกไป ขอเสียงคนเมืองเลยให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ" นายอดิศรกล่าว

นพ.ชลน่านปราศรัยว่า เพื่อเป้าหมายแลนด์สไลด์ เราส่ง 400 เขต ในภาคอีสานมี 132 เขต มั่นใจจะแลนด์สไลด์ทั้งภาคอีสาน จะทำให้เมืองเลยเป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งอีสานตอนบน เพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่สู้กับอำนาจเงินกับพรรคอื่นๆ

"ถ้าแลนด์สไลด์จะคืนความสุขให้ประชาชน ไม่ว่านโยบายดีอย่างไร แต่ถ้านายกฯ เป็นเหมือน 8 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นนายกฯ เพื่อไทยเป็นคนรุ่นใหม่ วิสัยทัศน์ก้าวไกล ประชาชนสัมผัสได้ ขอให้กาบัตรเลือกตั้งเลือกเพื่อไทยทั้งสองใบ ให้เพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน" นพ.ชลน่านกล่าว

ด้าน น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ก่อนมาถึงเวทีพ่อใหญ่ (นายทักษิณ) โทร.มา เพื่อฝากความคิดถึงคนจังหวัดเลย คุยกับคุณพ่อ คุณอา (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ) ใครจะมาอีสานก็ฝากความคิดถึงพี่น้อง เพราะท่านเคยมาก่อนหน้านี้ เราตั้งใจพัฒนาแนวคิดทำกระเช้าขึ้นภูกระดึง ตามที่พรรคไทยรักไทยเคยเริ่มไว้ เพื่อดึงศักยภาพจังหวัดเลย เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ แทนที่จะต้องขายลอตเตอรี่ที่ได้กำไรน้อย ห่างไกลครอบครัว เราจะแก้ปัญหาธุรกิจสีเทา ต้องทำให้ถูกต้อง

"ในการเลือกตั้ง หากได้เงินขอให้เก็บไว้ แต่การเลือกตั้งเพื่ออนาคตของลูกหลาน ให้มีทางออก ไม่มีหนี้เหมือนทุกวันนี้ พรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ทำเป็นเพื่อคนไทยทุกคน ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคให้แลนด์สไลด์ทั่วอีสาน" น.ส.แพทองธารกล่าว

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์ที่พรรคการเมืองต่างๆ เริ่มบุกพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่า หัวหน้าพรรคไหนไปก็ยินดีต้อนรับ แต่พื้นที่ภาคใต้ก็เคยสนับสนุนพรรค ปชป.เป็นจำนวนมาก พรรค พท.เคยไม่ได้ ส.ส.เลยซักคน ซึ่งขณะนี้ก็ไม่เหมือนเดิม แต่ก็หวังอย่างยิ่งว่าเมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง ใครจะไปก็ตาม แต่ว่าฐานเสียงของ ปชป.ที่มีอยู่ก็ยังมีอยู่พอสมควร ถึงเวลานั้นตนก็จะลงไป เพราะเคยขอการสนับสนุนจากพี่น้องชาวใต้มาตลอด และเขาให้มาตลอด จึงบอกว่าเป็นหนี้บุญคุณที่เมื่อมีการเลือกปฏิบัติภาคใต้ ตนอาจจะโดดเดี่ยว แต่ถือว่าทำแทนเพื่อนๆ ส.ส.ภาคใต้ ในการเรียกร้องขอความเป็นธรรม เรื่องถนนหนทางที่ถูกกลั่นแกล้ง เพราะไม่มีหน่วยงานใดมาช่วย

"ผมเชื่อว่าคนที่เคยสนับสนุนพรรค ปชป. แม้จะไม่เท่าเดิม แต่ส่วนใหญ่คนที่เคยสนับสนุนก็ยังจะกลับมาสนับสนุนเช่นเดิม ครั้งที่ผ่านมาหลายคนจำเป็นต้องไปเลือกพรรคอื่น เหตุผลเกรงว่า ปชป.จะสู้ไม่ไหว ไปเลือก พล.อ.ประยุทธ์มาสู้ ซึ่งการเลือกตั้งรอบนี้ประเด็นนี้น่าจะลดน้อยลงไปแล้ว" นายชวนกล่าว

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว. สาธารณสุขและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้ลงพื้นที่นครราชสีมา และได้พบกับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต รมช.มหาดไทย โดยมีรายงานว่านายบุญจงจะสมัครเป็นสมาชิกพรรค ภท.อีกครั้ง และลงสมัคร ส.ส.นครราชสีมาเขต 9 แข่งกับนายอภิชา  เลิศพชรกมล อดีต ส.ส.นครราชสีมา ที่เพิ่งลาออกจากพรรคภูมิใจไทย พร้อม นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช. คมนาคม ที่มีกระแสข่าวจะไปอยู่พรรคเพื่อไทย

ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต (ดอนเมือง) พรรคก้าวไกลจัดประชุมเครือข่ายพรรคทั่วประเทศ ก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคก้าวไกลที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 ม.ค. ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดการประชุมกับสมาชิกพรรคว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของตัวแทนเครือข่ายพรรคก้าวไกลทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งเครือข่ายชาติพันธุ์และแรงงาน ซึ่งปีนี้มีความพิเศษ เพราะเป็นปีที่เตรียมความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง