ปลากระป๋องไม่ขึ้นราคา กกพ.ชี้FTไร้แววขยับลง

รัชดา ธนาดิเรก

รัฐบาลยัน “นมผง-ปลากระป๋อง” ยังไม่ขึ้นราคา พร้อมจับตาสินค้าอ่อนไหวเป็นพิเศษทั้งในประเทศ-ต่างประเทศทุกวัน ข่าวร้าย กกพ.แจงโอกาสค่าเอฟทีกลับไป 4 บาทต่อหน่วย  ต้องไปลุ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า  คาดงวด พ.ค.-ส.ค. หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นหรือรัฐบาลไม่มีนโยบาย FT จ่อ 5.24 บาทแน่

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค.2566 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อที่ประสบอยู่ทั่วโลก   ทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศขยับตัวสูงขึ้นตาม ซึ่งรัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปกำกับดูแลราคาอย่างเต็มที่ โดยได้ให้นโยบายและการดำเนินการใดให้ยึดหลักทุกฝ่ายอยู่ได้  ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคให้เกิดความสมดุล ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย

“ราคานมผงเลี้ยงเด็กแรกเกิดที่มีข่าวปรับราคาเพิ่มขึ้น 10% และปลากระป๋องปรับขึ้นกระป๋องละ 2 บาทนั้น กรมการค้าภายแจ้งว่าสินค้าทั้ง 2 รายการ เป็นสินค้าควบคุม หากจะปรับราคาต้องยื่นขออนุญาตก่อน ซึ่งกรมได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้าตรึงราคาสินค้าในราคาเดิม เพื่อไม่ซ้ำเติมค่าครองชีพประชาชน และย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีการอนุมัติให้สินค้าทั้ง 2 รายการปรับขึ้นราคาจากราคาเดิม ส่วนราคาที่ขยับขึ้นบ้างขณะนี้ อาจเป็นการขอปรับส่วนลดทางการค้าของผู้ผลิตให้น้อยลง ทำให้ราคาจำหน่ายในท้องตลาดสูงขึ้น”

 น.ส.รัชดากล่าวว่า ส่วนกรณีนมถั่วเหลืองจะปรับขึ้นกล่องละ 1-2 บาทนั้น  เนื่องจากนมถั่วเหลืองเป็นสินค้าทางเลือก แต่ต้องกำหนดราคาให้สอดคล้องตามต้นทุนไม่ให้สูงเกินจริง ซึ่งกรมได้ประสานขอดูโครงสร้างต้นทุนว่าอัตราที่ปรับเหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุนหรือไม่

น.ส.รัชดาย้ำว่า ขณะนี้มีสินค้าและบริการควบคุมจำนวน 56 รายการ ซึ่งนายจุรินทร์ได้สั่งให้ติดตามการปรับเปลี่ยนราคาอย่างใกล้ชิด โดยกรมการค้าภายในได้กำหนดแนวทางไว้คือ สินค้าและบริการที่มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษ เช่น เนื้อหมูชำแหละ ไก่สด และน้ำมันพืช จะมีการติดตามราคาและภาวะทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นประจำทุกวัน พร้อมให้เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบและปฏิบัติการตรวจสอบราคาจำหน่ายเข้มงวดและต่อเนื่อง ส่วนสินค้าและบริการที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เช่น สบู่ น้ำยาล้างจาน อาหารปรุงสำเร็จ นมผง และกระดาษชำระ ซึ่งหากตรวจพบภาวะวิกฤต กรมอาจกำหนดมาตรการเพิ่มเติม ทั้งการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมเพิ่มเติม ควบคุมราคาขาย และกำหนดให้ปันส่วน เป็นต้น มากไปกว่านั้น สินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น เช่น แชมพูและสบู่เหลว หากเปลี่ยนขนาดบรรจุ เปลี่ยนสูตร หรือเปลี่ยนกลิ่น เพื่อวางจำหน่ายใหม่ ผู้ประกอบการต้องแจ้งให้ทราบทุกครั้งก่อนวางจำหน่าย ไม่เช่นนั้นถือว่าผิดตามระเบียบของกรม

วันเดียวกัน นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. ระบุว่า กกพ.อยู่ระหว่างรวบรวมปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ทั้งราคาก๊าซธรรมชาติ (แอลเอ็นจี) กำลังการผลิตก๊าซจากอ่าวไทย อัตราค่าเงินบาท ความต้องการใช้ไฟฟ้า และปัจจัยต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากสมมติฐานที่ตั้งไว้ เพื่อประกอบการพิจารณาคำนวณต้นทุนค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ซึ่ง กกพ. จะมีความชัดเจนในช่วงเดือน มี.ค.นี้

"งวด พ.ค.-ส.ค. จะสรุปอัตราค่าเอฟทีได้ประมาณเดือน มี.ค.นี้ เพื่อประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนเม.ย. และเริ่มใช้เดือน พ.ค. เนื่องจากต้องพิจารณาต้นทุนเชื้อเพลิงและปัจจัยผลกระทบให้รอบด้าน เพื่อให้การพยากรณ์ใกล้เคียงมากที่สุด ซึ่ง กกพ.ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าแนวโน้มจะลดลงหรือไม่ เพราะปัจจัยที่สำคัญกว่าคือปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่ยังไม่กลับมาปกติ แม้แนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่แน่นอนสูงเช่นกัน ขณะเดียวกันปริมาณการใช้ไฟของไทยในขณะนี้แนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ความต้องการเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากจะพิจารณาแนวโน้มค่าได้ใกล้เคียงที่สุดจึงอยู่ที่เดือน มี.ค.นี้” นายคมกฤชกล่าว

นายคมกฤชกล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ 1.ปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยว่าจะผลิตได้เท่าไร โดยก๊าซส่วนนี้จำเป็นที่สุด เพราะราคาเพียง 6-7 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู 2.ปริมาณแอลเอ็นจีสปอต หรือก๊าซธรรมชาติเหลวในตลาดจร ที่ปัจจุบันราคากว่า 20 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ซึ่งถือว่าราคาลดลงพอสมควร แต่ต้องติดตามความผันผวนหลังจากนี้อีกครั้ง และ 3.อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่เดิมประเมินจากระดับ 37-38 บาทต่อดอลลาร์ แต่ปัจจุบันเงินบาทแข็งค่าเหลือ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งระดับนี้ส่งผลดีต่อแนวโน้มค่าเอฟทีแน่นอน

 “หากสมมติฐานต่างๆ ไม่เปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์ในงวดก่อน อัตราค่าไฟฟ้าก็อยู่ในระดับประมาณ 5.2407 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันทั้งประเทศ หากภาครัฐไม่มีนโยบายกำหนดให้ กกพ.คำนวณอัตราค่าไฟฟ้าเป็น 2 กลุ่มเหมือนช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2566” นายคมกฤชกล่าว และว่า ในระยะสั้นโอกาสที่จะเห็นอัตราค่าไฟฟ้าปี 2566 กลับไปต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย คงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยยังไม่เป็นไปตามแผน อีกทั้งต้นทุนราคาพลังงานยังทรงตัวในทิศทางขาขึ้น แต่หากกำลังการผลิตก๊าซจากอ่าวไทยเพิ่มขึ้น และราคาแอลเอ็นจีอ่อนตัวลง ก็มีโอกาสที่ค่าไฟฟ้าจะทยอยปรับลดลงได้ในช่วงปลายปี 2566 หรือต้นปี 2567.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

14 พ.ค.ได้ลุ้น คกก.ค่าจ้างฯ ถกค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ

'คารม' ย้ำขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พิจารณาอย่างเหมาะสมและรอบคอบ เผย 14 พ.ค.นี้ คกก.ค่าจ้างฯ เตรียมประชุมพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ

รัฐบาลกวักมือเรียกผู้กู้ กยศ.ที่ถูกดำเนินคดีเร่งปรับโครงสร้างหนี้ด่วน!

รัฐบาลเชิญชวน ผู้กู้ยืม กยศ. ถูกดำเนินคดีในปี 2557 ที่ยังมีภาระหนี้ค้าง เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อขยายระยะเวลาชำระหนี้ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน

ไฟเขียวเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติฯ ไม่ถือเป็นวันลา!

รัฐบาลร่วมแสดงความจงรักภักดี และถวายพระราชกุศล เห็นชอบให้รัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติฯ โดยไม่ถือเป็นวันลา

รัฐบาลห่วงยอดโควิดพุ่ง แต่ขอให้มั่นใจโรงพยาบาลพร้อมรับมือ!

'เกณิกา' เผยรัฐบาลห่วงใยยอดโควิดยังพุ่งหลังสงกรานต์ ขอให้ประชาชนมั่นใจโรงพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมรับมือผู้ป่วยโควิด แนะใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่แออัด รีบตรวจ ATK หากมีอาการคล้ายหวัด