‘อนุทิน’ประกาศ ขวางบุหรี่ไฟฟ้า 5พรรคร่วมต้าน

"อนุทิน" ประกาศลั่นไม่สนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เผยเสียเพื่อนหลายคนที่อยากขอพูดคุยแต่ไม่สามารถรับนัดได้ เร่งขับเคลื่อนคนไทยตระหนักพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น เครือข่าย ปชช.สานพลังกว่า 1,000 องค์กรถกปัญหา ชี้บุหรี่ไฟฟ้า 1 แท่ง มีนิโคตินเท่าบุหรี่ซอง 20 มวน ทำให้สมองติดยาเหมือนเฮโรอีน ยาบ้า เด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 53% เสี่ยงซึมเศร้า 72% ใช้สารเสพติดอื่นร่วม ตัวแทน 5 พรรคการเมืองแสดงจุดยืนไม่หนุนบุหรี่ไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ร่วมกับเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่,  เครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ, เครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาปลอดบุหรี่ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการประชุม “มหกรรมวิชาการฟ้าใส 2566” ครั้งที่ 13 มีผู้เข้าร่วมทั้ง Onsite และ online กว่า 1,100 คน จากทั่วประเทศ  

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเปิดการประชุมและมอบนโยบายว่า ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 ที่สำรวจพบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ไฟฟ้าเกือบ 80,000 คน และในจำนวนนี้มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุ 15-24 ปี แน่นอนว่าถ้าไม่รีบแก้ไขจะเกิดผลกระทบในวงกว้าง ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีอำนาจกำกับดูแลโดยตรงให้มากขึ้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหา ไม่เช่นนั้นบุหรี่ไฟฟ้าจะกลายเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น เพราะเข้าใจผิดว่าสามารถทดแทนบุหรี่แบบปกติ ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ ซึ่งองค์การอนามัยโลกยืนยันแล้วว่าไม่จริง ทั้งนี้ ขอให้ภาคีเครือข่ายทุกท่าน ขับเคลื่อนรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ช่วยกันรณรงค์คุ้มครองสุขภาพของประชาชนให้ปลอดภัยจากโรคที่เกิดจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า

 “ผมเสียเพื่อนมาหลายคนแล้ว หลายคนเป็นคนที่เคารพและเกรงใจกันมากๆ อยากขอนัดพูดคุย ขอให้ผมช่วยรับฟัง แต่ผมในฐานะ รมว.สาธารณสุข ไม่สามารถรับนัดหรือรับฟังได้ ถามว่าทำไมนโยบายพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนกัญชา แต่ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า ผมยืนยันว่านโยบายกัญชาของพรรคก็ไม่สนับสนุนให้สูบ เน้นที่กัญชาทางการแพทย์ หากร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงฯ ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสภาได้รับความเห็นชอบ จะชัดเจนว่าสูบเสพไม่ได้” นายอนุทินกล่าว 

นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ใช่ตนไม่สูบบุหรี่แล้วจึงไม่เห็นด้วยกับบุหรี่ไฟฟ้า แต่กรมควบคุมโรคและผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านเห็นตรงกันว่าไม่ควรเปิดช่องให้บุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้นขอฝากไปยังผู้เกี่ยวข้องที่พยายามเคลื่อนไหวผลักดันให้แก้ไขกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อบุหรี่ไฟฟ้าว่า อย่าพยายามเลย ตราบใดที่ตนยังดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข จะไม่ยอมให้ใช้สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ใดที่อันตรายต่อสุขภาพของคนไทยเป็นของถูกกฎหมายแน่นอน เพราะนิโคตินไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ไม่ดีต่อสุขภาพ นำมาสู่โรคมากมาย ซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคปอดอักเสบเฉียบพลัน  

ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้า 1 แท่ง มีสารนิโคตินเท่ากับบุหรี่ซองถึง 20 มวน และยังส่งผลข้างเคียงได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงส่งผลต่อร่างกายทั้งหลอดเลือด สมอง หัวใจ ระบบการหายใจ เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ นอกจากนี้ สารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้เกิดโรคสมองติดยาแบบเดียวกับที่เกิดในเฮโรอีนและยาบ้าได้  จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับสังคม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน เพราะบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยเลิกบุหรี่ แต่เป็นหนทางนำไปสู่การสูบบุหรี่มวนและยาเสพติดอื่นๆ  

 “จากที่กลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าพยายามเคลื่อนไหวเพื่อให้ยกเลิกกฎหมายห้ามนำเข้า และยกเลิกกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า อีกทั้งพยายามบิดเบือนข้อมูล ให้ข้อมูลไม่ครบ เช่นอ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา หรืออ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกบุหรี่ธรรมดาได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง อยากเรียนพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนว่า สังคมปัจจุบันนี้การเสพข่าวต่างๆ ควรเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่หวังผลประโยชน์ในกระเป๋าตนเองโดยไม่สนใจว่าใครจะทนทุกข์ทรมานหรือตายอย่างไร” ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรีกล่าว

รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา เลขาธิการเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ กล่าวว่า การบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกชนิดนับเป็นปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพที่สำคัญในอันดับต้นๆ ของคนไทย โดยเป็นสาเหตุของการเกิดโรค NCDs มากกว่า 25 โรค ก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควรปีละกว่า 70,000 คน และภาครัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาโรคเหล่านี้สูงถึงปีละเกือบ 1 แสนล้านบาท และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลกจึงได้ประกาศให้การใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกชนิดก่อให้เกิดโรค NCDs สำหรับบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ ขอย้ำว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคติน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติด ดังนั้นการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจึงทำให้ผู้สูบติดได้ไม่ต่างจากบุหรี่ธรรมดา

รศ.นพ.สุทัศน์กล่าวต่อว่า บุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นวิกฤตทางสุขภาพของเด็กและเยาวชนไทย จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 พบประชากรไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้า โดยอยู่ช่วงอายุ 15-24 ปี มากถึง 24,050 คน เป็นภัยร้ายที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องให้ความสำคัญ เพราะนอกจากส่งผลโดยตรงต่อสมองและระบบประสาทแล้ว ยังมีข้อมูลที่น่าตกใจว่าเด็กอายุ 10-19 ปีที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ากว่าครึ่ง หรือ 53% มีภาวะเสี่ยงโรคซึมเศร้า และเด็กที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน เมื่อเริ่มลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าจนติดต้องสูบเป็นประจำ ภายในระยะเวลา 1 ปี จะมีแนวโน้มที่จะเริ่มลองสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้น 5.4 เท่า และมีแนวโน้มที่จะติดทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า เด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 72% มีการใช้สารเสพติดอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น สุรา กัญชา บุหรี่ และอาจลุกลามไปถึงยาเสพติดชนิดต่างๆ ด้วย 

ทั้งนี้ ในเวทีเสวนา “นโยบายพรรคการเมือง กับสุขภาพของประชาชน ให้พ้นพิษภัยนิโคตินจากบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า” มีพรรคการเมืองร่วมเสวนาจาก 5 พรรคการเมืองคือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นพ.เทียนชัย สุวรรณเพ็ญ ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์,  ทพ.ดร.อุดมศักดิ์ ศรีสุทิวา รองเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา, ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคเสรีรวมไทย โดยทุกพรรคแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนให้ปลอดภัยจากอันตรายของบุหรี่ทุกชนิด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง