ทุกพรรคโวได้สส.อื้อ สมัครวันแรกสุดคึกคัก/‘บิ๊กตู่’เปิดปมแยกทาง‘พปชร.’

รับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตสุดคึกคัก แคนดิเดตนายกฯ แห่นำทีมทั้ง “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่-อุ๊งอิ๊ง” พปชร.มั่นใจได้มากกว่าเก่า 12 ที่นั่ง ภูมิใจไทยโวขอหักปากกาเซียน  ปชป.ประกาศทวงคืนเก้าอี้ “ประยุทธ์” อารมณ์ดีร้องเพลงหาเสียง เปิดปมแยกทางพี่ป้อมบังคับให้ทำสิ่งดีๆ แต่เฉยๆ  ย้ำอยู่คนละพรรคกันแล้ว คุยทำมาได้ขนาดนี้ ถ้าทำไม่ได้ทำไม่เป็นเข้ามาก็ทำไม่ได้เลย เตรียมนำทีมสมัครปาร์ตี้ลิสต์ “อิ๊งค์” ไม่สน “ประวิตร” บัญชีรายชื่อเบอร์หนึ่ง  เพราะแต่ละพรรคมีแนวทางไม่เหมือนกัน

เมื่อวันจันทร์ที่ 3 เมษายน ถือเป็นวันแรกที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.)  ได้เปิดรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)  แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ในระหว่างวันที่ 3-7 เม.ย. ที่

อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ทั้งนี้บรรดาแกนนำและว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจากพรรคการเมืองต่างๆ พร้อมด้วยกองเชียร์และผู้สนับสนุนแต่ละพรรค ทยอยเดินทางมาถึงสถานที่ก่อนเวลาอย่างคึกคัก

โดยความเคลื่อนไหวของพรรคต่างๆ นั้นเริ่มที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยเมื่อเวลา 06.45 น. ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค พปชร.ในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่ กทม. และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร. นํากลุ่มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคทั้ง 33 เขต เดินทางมาสมัคร  โดยรวมตัวกันเพื่อรอเวลาที่ กกต.กทม.จะเปิดให้รับสมัคร  รวมถึงรอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.เดินทางมาถึง

โดยนายสกลธีให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งเป้า ส.ส.กทม.ว่า บวกลบให้ได้อย่างน้อยเท่าเดิม แม้จะเหลือ ส.ส.เก่าแค่คนเดียวก็ตาม และไม่รู้สึกกลัวพรรคไหน เพราะตอนนี้ทุกคนเท่ากัน ไปวัดกันช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง

และในเวลา 08.00 น. พล.อ.ประวิตรเดินทางมาถึง  โดยมีแกนนำพรรค พปชร.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.รอต้อนรับ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเดินทางกลับออกไปพอดี  โดย พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ก่อนรับสมัคร ส.ส.เขตว่า บรรยากาศคึกคักเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมีหลายพรรคมาสมัคร ส่วนเป้า ส.ส.ในครั้งนี้เท่าไหร่นั้น ก็เท่าเดิม 12 ที่นั่ง ส่วนเบอร์ที่อยากได้นั้นไม่มีเบอร์ที่ชอบ เบอร์อะไรก็ได้ ขอให้เป็นเลขตัวเดียว

หลังสัมภาษณ์เสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตรได้เดินไปยังตัวอาคารกีฬาเวสน์ 2 โดยระหว่างทางได้ผ่านมวลชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) และถูกโห่ใส่

ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังเดินทางมาให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขตว่า ไม่กังวลใจ พรรคไหนที่มีฐานเสียงเดิมเยอะ ถ้ากลัวก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ 

เมื่อถามว่าจะอ้อนคน กทม.อย่างไร พล.อ.ประวิตรสวนว่า ขออ้อนเธอดีกว่า เมื่อถามว่าจะสู้ตายหรือไม่  พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ตาย พร้อมกับชู 2 นิ้ว สัญลักษณ์ว่าสู้ตาย ก่อนเดินทางกลับ

พปชร.มั่นใจปักธงมากกว่า 12 เขต

และในเวลา 12.05 น. นายสกลธีและนางนฤมลได้นํากลุ่มผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค พปชร. ทั้ง 33 เขตมาสักการะศาลหลักเมือง กทม.เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยหลังไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.มาในช่วงเช้า พร้อมทั้งได้ถ่ายภาพหมู่ของผู้สมัครบริเวณหน้าศาลหลักเมือง โดยแสดงความมั่นใจด้วยการชูกำปั้น และทั้งหมดได้ผูกผ้าสามสีที่ศาลหลักเมืองจำลองด้วย

ขณะที่นางนฤมลกล่าวว่า ขอปักธงในพื้นที่ กทม.ให้ได้มากกว่า 12 เขต

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช.และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ได้เดินทางด้วยรถเบนซ์ส่วนตัวหมายเลขทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร ถึงสำนักงานว่าที่ผู้สมัครเขตดินแดง-พญาไท ของ น.ส.อรพินทร์ เพชรทัต  แยกสุทธิสาร ในเวลา 06.40 น. เพื่อรวมตัวก่อนนำผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตของพรรคไปสมัครรับเลือกตั้งที่ศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่น 

โดยบรรยากาศที่สำนักงานของ น.ส.อรพินทร์เป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่เวลา 05.30 น. โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช.ได้ขึ้นตรวจความพร้อมของรถแห่และรถบัสที่ผู้สมัครจะขึ้นนั่ง รวมทั้งทีม รปภ.ได้ตรวจความพร้อมเพื่อความปลอดภัย โดย พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นรถแห่ 6 ล้อ ทะเบียน 83-8061 ราชบุรี จากสำนักงานไปศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่น ส่วนผู้สมัครทั้งหมดขึ้นรถบัสที่ติดสติกเกอร์พรรคพร้อมรูป พล.อ.ประยุทธ์และนายพีระพันธุ์ ทะเบียน 33-2029 กรุงเทพมหานคร

โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวให้กำลังใจผู้สมัครก่อนเดินทาง พร้อมระบุว่าขอฝากหัวใจฝากความรักความยินดีไปกับพวกเราด้วย ขอให้ประสบความสำเร็จ และขอให้ทุกคนจับเบอร์ได้เลขดีๆ เบอร์งามๆ ก็แล้วกัน เลขอะไรก็ตามทุกเลขถือเป็นเลขแห่งความประสบความสำเร็จของเราทุกคน  และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทั้งนี้เป้าหมายของเราคืออะไร คือประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน จำไว้ขอให้ทุกคนโชคดีปลอดภัยทุกคน

ทั้งนี้ หลัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับผู้สมัคร ส.ส.เสร็จสิ้น ระหว่างก้าวลงบันไดสำนักงานเพื่อไปขึ้นรถแห่ออกเดินทางมาสนามกีฬาเยาวชน ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สะดุดบันไดขณะก้าว และระหว่างทาง พล.อ.ประยุทธ์ได้โบกมือทักทายประชาชนตลอดเส้นทางด้วยท่าทีที่เคอะเขินเล็กน้อย ขณะที่การรักษาความปลอดภัยตลอดเส้นทางมีรถมอเตอร์ไซค์ทีมรักษาความปลอดภัยประกบรถแห่

ต่อมาเวลา 07.16 น. ขบวนรถแห่ได้มาถึงศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่น โดยมีผู้สนับสนุนมาให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม นักกิจกรรมอิสระ ได้มายืนรอชูป้ายต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้าเจื่อนลง ขณะที่ทีม  รปภ.ได้พยายามกันออกไป ซึ่งก็เกิดความวุ่นวายเล็กน้อยระหว่างเข้าไปในศูนย์เยาวชนฯ เนื่องจากมีผู้สนับสนุนจำนวนมาก ก่อนที่เวลา 07.35 น. พล.อ.ประยุทธ์นำผู้สมัคร ส.ส.เข้าไปในอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น

ภายหลังรับสมัคร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการเน้นย้ำผู้สมัครว่า ก็ขอให้ทำให้ดีที่สุด แล้วก็ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ  ซึ่งพรรค รทสช.ส่งผู้สมัครลงทุกเขต สิ่งสำคัญต้องชี้ให้ประชาชนเห็นว่าอะไรที่เราทำไปบ้าง ส่วนความมั่นใจคือการทำให้บ้านเมืองเรียบร้อยก่อน ต้องสงบเรียบร้อย ส่วนจะได้กี่ที่นั่งนั้นไม่รู้ ก็แล้วแต่เลือกมา จะรู้ไหมเล่า แต่ถ้าไม่เลือกก็ไม่ได้ แต่ถ้าเลือกเข้ามาเยอะก็ได้

“วันนี้มีสื่อหลายสื่อ ผมไม่สามารถขึ้นทุกเวทีได้ แต่ต้องฝากไปทุกสื่อ เราต้องรวมพลังชาติของเรา ประชาชนของเราให้เป็นหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ ไม่ใช่เฉพาะการเลือกตั้ง ไม่ใช่ต้องเลือกผม แต่รวมใจคนไทยทั้งหมดให้นึกถึงชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน นั่นคือเป้าหมายของเราทุกคน ทั้งสื่อและประชาชน คนทุกรุ่นทุกวัย ทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ภายในวันเดียว หรือพลิกฝ่ามือ ไม่มีทางเป็นไปได้ ผมยืนยันตรงนี้ ผมอยู่มาหลายปี ผมรู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ และที่สำคัญอยู่และได้ทำต่อ เพราะเราทำเป็นไง ทำเป็นแล้ว ทำได้มาขนาดนี้ แล้วถ้าทำไม่ได้ ทำไม่เป็น เข้ามาก็ทำไม่ได้เลย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

‘พี่ป้อม-น้องตู่’ คุยกะหนุงกะหนิง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างรอเวลาเปิดรับสมัคร ส.ส.  แกนนำพรรคการเมืองต่างๆ ทยอยเข้าอาคารกีฬาเวสน์ 2  พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรได้นั่งเก้าอี้บริเวณโถงกลางของอาคาร ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้รองรับหัวหน้าพรรค แกนนำพรรค และผู้ติดตามผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งทั้งคู่ได้พูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี และระหว่างลุ้นการจับหมายเลขของผู้สมัคร ส.ส. บางช่วงได้มีบรรดาผู้สมัครมาขอถ่ายรูป ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร และได้ทักทายอย่างอารมณ์ดี โดยจังหวะหนึ่งนางนฤมลได้เข้ามายกมือไหว้ทักทาย พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้รับไหว้

พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงการลงสนามการเมืองอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกว่า ก็ดี มาครั้งแรกก็เรียบร้อยดี ไม่มีใครทะเลาะกัน ไม่มีใครใช้ความรุนแรงต่อกัน  แถมอยู่คนละพรรคก็มาทักทายกัน สวัสดีกัน ทุกคนก็คือคนไทยด้วยกัน บางคนก็คุ้นเคยกัน แต่ขอว่าให้ทุกคนช่วยกันทำเพื่อบ้านเมือง สมมติว่านโยบายที่หาเสียงแล้วทำไม่ได้ จะตอบประชาชนว่ายังไง บางอย่างที่กลัวว่ามันอันตรายพอสมควร เช่นการใช้จ่ายงบประมาณ ถ้าทำตรงนี้ต้องบอกว่ารายได้เอามาจากไหน บางนโยบายล่อไป 9  แสนล้านบาท จะเอามาจากไหน นี่คือสิ่งที่อันตรายและต้องชั่งน้ำหนักให้ดี

เมื่อถามว่า ตอนนั่งติดกับ พล.อ.ประวิตรได้พูดคุยอะไรกันบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็พูดคุยกันไป สนุกสนานกันไป เมื่อถามว่าวันนี้มาในฐานะคู่แข่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เห็นแข่งอะไรกับใครเลย เมื่อกี้นั่งคุยกันก็แหย่กันไปแหย่กันมา ท่านก็ทำของท่าน ตนก็ทำหน้าที่ของตน แต่ให้รู้ว่าวันนี้เราอยู่คนละพรรคแล้ว ส่วนจะคิดว่าจะรวมกันวันหน้าหรือเปล่า ก็แจ้งแล้วว่าแยกมา แยกก็คือแยก ไม่อย่างนั้นจะมานั่งสัมภาษณ์ตรงนี้ทำไม ก็ให้ พล.อ.ประวิตรสัมภาษณ์สิ พรรคตนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

ต่อมาเวลา 11.28 น. ที่ศาลหลักเมือง พล.อ.ประยุทธ์เดินทางด้วยรถเบนซ์ส่วนตัวมาถึง โดยโบกมือทักทายประชาชนและมีคนขอเข้าสวมกอด ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าห้องรับรองเพื่อรอผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค  โดยเมื่อถามว่าเหนื่อยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นทหารเหนื่อยกว่านี้อีก

จากนั้นเวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมแกนนำพรรคพาผู้สมัคร ส.ส.ไปสักการะพระพุทธรูปและพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมเผยว่าขอพรให้คนอื่นก่อนที่จะขอให้ตัวเราเอง จะส่งให้ประสบผลสำเร็จ ต่อจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ผูกผ้าแพรสามสีบนองค์พระหลักเมืองจำลอง และสักการะองค์พระหลักเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคล และกล่าวว่าให้ทุกคนช่วยกันทำเพื่อบ้านเมืองของเรา ก่อนสักการะเทพารักษ์ทั้ง 5 ประกอบด้วย พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าพ่อเจตคุปต์ และเจ้าพ่อหอกลอง โดย พล.อ.ประยุทธ์นำกล่าวคำสักการะด้วยตนเอง พร้อมกล่าวกับประชาชนว่า ทุกคนต้องรักชาติ ศาสนา  พระมหากษัตริย์ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด

จากนั้นเดินลงมายังอุโมงค์หน้าพระลาน เพื่อไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) โดยช่วงหนึ่งมีชายสูงอายุ 2 คนเดินมาเกาะขอบบันไดเลื่อน และตะโกนว่าไม่ชอบหรอก อยู่ 8 ปีไม่เห็นทำอะไรเลย ขณะที่บรรดาแฟนคลับ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเดินตามส่งเสียงเชียร์อย่างเหนียวแน่น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรที่แม้แต่อากาศร้อนแต่ก็มีคนตามเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า  ก็ดีนะ อย่างน้อยเขารักเราเข้าใจเรา ไม่ได้บังคับใครอยู่แล้ว  สิ่งเหล่านี้ถูกทำลายด้วยความขัดแย้งไม่ได้ ทุกอย่างมันพังเสียหายไปหมด

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ทักทายชาวต่างชาติอย่างอารมณ์ดี ท่ามกลางอากาศร้อนจัด โดยตลอดเส้นทาง พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่ไกด์เล่าถึงประวัติศาสตร์ต่างๆ  ของวัดพระแก้ว

บิ๊กตู่อารมณ์ดีร้องเพลงหาเสียง

พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังประชุมพรรค รทสช.ถึงการขึ้นรถแห่หาเสียง 6 ล้อครั้งแรกรู้สึกอย่างไร ว่าก็เป็นความรู้สึกอีกความรู้สึก ไม่ได้ตื่นเต้นและไม่ได้เขิน เราไม่ได้รู้สึกอะไรที่มันแปลกๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะไปกับสมาชิกที่ขึ้นไปด้วยกันทั้งหมด จะไปกลัวอะไร และมีอะไรต้องปิดบังคนอื่นเขาหรือ พร้อมจะไปทุกที่ ที่มันจำเป็น เดี๋ยวให้รอการหาเสียงในกรุงเทพฯ เบื้องต้นพรรคร่างไว้วันที่ 7 เม.ย.

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ได้นั่งกับ พล.อ.ประวิตรมีกระซิบอะไรกันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มี ก็คุยกันเรื่องทั่วๆ ไป เรื่องสุขภาพอะไรทำนองนี้ ซึ่งมันต้องนั่งอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ไม่มีเรื่องอื่น จะไปพูดว่าเอ๊ะ เราตกลงจะอยู่ร่วมกันไหม ไม่พูด เพราะตอนนี้อยู่ "ไทยสร้างชาติ"

ผู้สื่อข่าวท้วงว่า รวมไทยสร้างชาติ ไม่ใช่ไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่าย่อๆ เอา พร้อมกล่าวย้ำว่า “รวมไทยสร้างชาติ นายกฯ ประยุทธ์อยู่กับรวมไทยสร้างชาติ”

เมื่อถามว่า ร้องเพลงหาเสียง "ลุงตู่อยู่ไหน" ของตัวเองได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์จึงร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีทันทีว่า “ลุงตู่ๆ อยู่ไหน อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลรวมไทยสร้างชาติ  เลือกลุงตู่ๆ มือสะอาด เลือกรวมไทยสร้างชาติได้ลุงตู่ๆ" พร้อมกล่าวอย่างยิ้มแย้มด้วยว่า “เอ้..อารมณ์ดีเหมือนกันนี่หว่าฉัน” ก่อนเดินออกจากพรรคไปขึ้นรถเดินทางกลับบ้านพัก

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กล่าวช่วงหนึ่งในรายการสดของสื่อช่องต่างๆ ถึงการไปร่วมดีเบตว่า ขอดูก่อน พร้อมชูสองนิ้วสู้ศึกเลือกตั้ง เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ท่านก็อยู่พรรคอื่น เราสู้กันแบบการเมือง ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างดำเนินการทางการเมืองไป วันนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ส่วนหลังเลือกตั้งจะจับมือกันหรือไม่ ไม่ขอตอบตรงนี้ และไม่ต้องกังวลว่าจะหยุดแค่ 2 ปี เพราะพรรค รทสช.มีแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 2 ด้วย

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรได้โพสต์ตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ต้องลง ส.ส.บัญชีรายชื่อถึงจะสง่างาม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป แต่มองในเรื่องของการให้โอกาสคนอื่นเขาขึ้นมาเป็นบ้าง ก็เลยให้นายพีระพันธุ์เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 เพราะมีผลกับการอยู่  2 ปีของตนเอง หลายคนถามว่าตนอยู่ 2 ปีแล้วจะเป็นยังไง ก็นั่นไงคือคำตอบ ซึ่งเป็นตัวเลือกในการเลือกนายกฯ  ครั้งต่อไป ถ้าได้อยู่ 2 ปีก็จะมีคนสานต่อตรงนี้ ทุกอย่างมันคือยุทธศาสตร์

เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "มั่นใจตรงไหนวะ พูดว่าแค่ได้เป็น เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้เช่นนั้น ต้องเข้าใจว่ามีภาระหลายอย่างและมีบทเรียนมาแล้ว เรื่องการที่หลายคนพูดว่าเป็นคนทำให้สภาล่ม มันใช่ไหมล่ะ คนเราเป็นผู้ใหญ่แล้วพูดจาให้ระมัดระวังบ้าง หลายคนมาโทษนายกฯ  ในเมื่อวันนั้นก็ไม่ใช่ ส.ส. หรือสมาชิกพรรคใดเลย ถูกเลือกโดยมีพรรคการเมืองสนับสนุน แล้วบังคับ ส.ส.ได้ไหม ถ้าบังคับได้ก็อยู่พลังประชารัฐแล้วมั้ง ไม่ใช่ว่าเขาทำไม่ดีนะ  เพราะบังคับให้เขาทำสิ่งดีๆ เขาก็เฉยๆ แต่ไม่ใช่ว่าเขาทำไม่ดีนะ แต่หลายอย่างมันไม่ตรงกัน ก็เลยมาอยู่กับนายพีระพันธุ์ เพราะมีเจตนาที่ตรงกัน ว่าเราจะเดินหน้าประเทศไทย อย่าคิดว่าได้เงินเท่าไหร่ในการเลือกตั้ง"

ส่วนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์  หัวหน้าทีม กทม. พรรคภูมิใจไทย ได้นำผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 33 เขตมายังอาคารกีฬาเวศน์ 2 และหลังการจับสลากหมายเลขเสร็จสิ้น นายพุทธิพงษ์พร้อมคณะผู้สมัคร ส.ส.กทม.ได้เดินทางขึ้นรถเมล์ไฟฟ้า EV ไปไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดชนะสงครามต่อทันที

ภท.-ปชป.มั่นใจได้เก้าอี้ กทม.

“ก่อนหน้านี้ได้ไปวัดพระแก้วและศาลหลักเมืองมาแล้ว  วันนี้จึงมาไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดชนะสงคราม ด้วยชื่อของวัดและองค์พระประธาน เราจึงมากราบขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล” นายพุทธิพงษ์กล่าวและว่า ตั้งเป้าไว้ทั้ง 33  เขต เพราะเชื่อมั่นในบุคลากรของพรรคทุกคน ส่วนใครที่บอกว่ากรุงเทพฯ ได้แน่นอน จะแลนด์สไลด์ ไม่เชื่อสิ่งที่คนพูดไปเอง วันนี้ขอหักปากกาเซียน

สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) ได้นัดผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คน ที่สำนักงานพรรค ปชป.ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เพื่อรวมตัวขึ้นรถบัสพลังงานไฟฟ้าเดินทางมายังศูนย์เยาวชน กรุงเทพมหานคร ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป.ได้เดินทางมาถึงในเวลา 07.30 น. พร้อมระบุว่า มั่นใจพรรคจะได้ ส.ส.ของ กทม. รวมถึงจะได้ ส.ส.เพิ่มในอีกหลายจังหวัดด้วย

 “มั่นใจจะได้ ส.ส.มากขึ้นกว่าเดิมพอสมควร เราประเมินนับนิ้วกันทุกวัน” นายจุรินทร์กล่าว

ภายหลังการสมัครเสร็จสิ้น นายองอาจ คล้ามไพบูลย์  รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ กทม. ได้นำผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมืองและวัดพระแก้ว

ส่วนพรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรค พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคทั้ง 33 เขต ได้รวมตัวกันที่พรรคตั้งแต่เวลา 06.00 น.และถ่ายรูปร่วมกัน ก่อนออกเดินทางด้วยรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า จำนวน 2 คัน เพื่อมายังอาคารกีฬาเวสน์ 2 ต่อมาเวลา 07.45 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางมาถึงสถานที่รับสมัคร ส.ส.กทม. และให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังจำนวน ส.ส.ว่า เรามากันอย่างฟูลทีม โดยคาดหวังมากเพราะพื้นที่  กทม.เราทำกันเต็มที่

เมื่อถามว่า การมาสัมผัสบรรยากาศการรับสมัคร ส.ส.จริงครั้งแรกรู้สึกอย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ตื่นเต้นว่าผู้สมัครแต่ละคนจะได้เบอร์อะไร ส่วนเป้าหมายเหมือนเดิมคือแลนด์สไลด์ เราสู้เต็มที่เพื่อให้ถึงเป้าหมาย แต่พรรคไม่ประมาทเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราต้องเดินหน้าต่อไป ทุกวันมีความหมาย ทุกวันมีค่า เราทำอะไรได้เราทำเต็มที่แน่นอน เพื่อให้ได้มายืนเคียงข้างและรับใช้ประชาชนอีกครั้ง

ต่อมาในเวลา 12.33 น. วันที่ 3 เม.ย. ที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค พท. พร้อมแกนนำพรรคและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. 33 เขต  เดินทางมาไหว้ศาลหลักเมือง จากนั้นเวลา 13.30 น.  นายชัยเกษมนำผู้สมัคร ส.ส.กทม.ฝั่งธนบุรี 10 เขต ไปถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่วงเวียนใหญ่อีกจุดหนึ่งด้วย

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ได้นำคณะผู้บริหารของพรรค พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต เดินทางถึงที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขตที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 โดยหลังสมัครเสร็จสิ้น นายกรณ์ได้นำทีมผูกผ้า 3 สี ก่อนนำพวงมาลัยดอกดาวเรืองสักการะองค์พระหลักเมือง

ส่วนบรรยากาศช่วงเช้า ที่ปั๊ม ปตท.ใหญ่ วิภาวดีฯ จุดนัดรวมพลของพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค รวมทั้งแกนนำพรรคพร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ขึ้นรถ EV เดินทางไปศูนย์เยาวชน  ไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งระหว่างเดินทางคุณหญิงสุดารัตน์ได้พูดปลุกใจผู้สมัครให้ทำงานอย่างเต็มที่ และภายหลังจับเบอร์ผู้สมัครเสร็จสิ้น คุณหญิงสุดารัตน์ได้นำผู้สมัครพรรค ทสท.มายังวัดชนะสงครามกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเดินทางต่อไปยังศาลหลักเมือง

ด้านพรรคไทยภักดี (ทภด.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม  หัวหน้าพรรค ทภด.พร้อมแกนนำ ได้นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขตเดินทางไปยังศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่น  โดย นพ.วรงค์ได้ถือกอหญ้าเนเปียร์ เพื่อสื่อสารถึงนโยบายพืชพลังงาน ก่อนให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งว่า ตั้งไว้ 25 ที่นั่งทั้ง ส.ส.เขตและระบบบัญชีรายชื่อ

ขณะที่นายคริส โปรตะนันทน์ หัวหน้าพรรคเส้นด้าย  พร้อมคณะ ได้เดินทางมาถึงที่รับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมใส่หน้ากากกันควันพิษ เพื่อรณรงค์แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยนายคริสระบุว่า พรรคจะส่งผู้สมัครทั้ง 33 เขต แต่วันนี้มาเพียง 23 คน เพราะอีก 10 คนหลักฐานยังไม่ครบ โดยมั่นใจว่าจะได้ ส.ส.ประมาณ 5 ถึง 10 คน

บิ๊กป้อมแจงลูกพรรคให้ลงปาร์ตี้ลิสต์

สำหรับความเคลื่อนไหวของการสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ซึ่งจะเริ่มวันแรกในวันที่ 4 เม.ย.นั้น นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้า พปชร.กล่าวว่า  พล.อ.ประวิตรในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.จะนำผู้บริหารพรรคเดินทางถึงศาลาว่าการกรุงเทพฯ 2 ในเวลา  08.00 น.เพื่อเข้าร่วมการยื่นเอกสารในการสมัคร ซึ่งได้จัดทำเรียบร้อยไว้หมดแล้ว รวมทั้งยื่นรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค คือ พล.อ.ประวิตรเพียงชื่อเดียว ส่วนการจับสลากเบอร์นั้นเข้าใจว่า พล.อ.ประวิตรจะเป็นคนจับ หรืออาจมอบหมายให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง  ในฐานะเลขาธิการพรรคเป็นคนจับก็ได้

โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวตอบข้อถามถึงสาเหตุที่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นลำดับที่หนึ่งเพราะต้องการความสง่างาม ว่าไม่ใช่ต้องการความสง่างาม แต่ลูกพรรคว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุขอคิดเรื่องการดีเบตก่อน พล.อ.ประวิตรคิดอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า  ไม่ได้คิดเลย และเมื่อถามอีกว่า หากไม่ขึ้นเวทีดีเบตจะเสียรังวัดหรือไม่ พล.อ.ประวิตรสวนว่า ไม่เสีย เพราะไม่ใช่นักโต้วาที เมื่อถามว่าจะเปลี่ยนใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบทันที “เรื่องของผม ไม่ใช่เรื่องของคุณ”

ส่วนที่พรรค รทสช. พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางเข้ามาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ เพื่อพิจารณาจัดลำดับผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก่อนให้สัมภาษณ์หลังประชุมเสร็จว่า เรียบร้อยแล้ว พูดคุยกันในพรรค เราต้องให้พรรคพิจารณา ซึ่งนายพีระพันธุ์เป็นคนทำขึ้นมา ก็มีการพูดคุยกันแล้ว ซึ่งมันต้องมีต้นตาราง  กลางตาราง และท้ายตาราง มันก็มีโอกาสหลายคนลาออก  ถ้าสมมุติได้เป็นรัฐมนตรีก็ขยับขึ้นมา

“ถ้าผมจับได้ก็จะจับเอง ถ้าจับไม่ได้จะให้นายพีระพันธุ์เป็นผู้จับเอง แต่ใครจับก็เหมือนกันแหละ ซึ่งมันก็เสี่ยงเหมือนกันเพราะเลือกไม่ได้”

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช.กล่าวว่า การจัดลำดับวันนี้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว พร้อมยื่นในวันที่ 4 เม.ย.และไม่มีแรงกระเพื่อมใดๆ ทั้งสิ้น โดยนายพีระพันธุ์จะเป็นผู้นำในการเดินทางไปจับฉลากบัญชีรายชื่อพร้อมด้วยผู้บริหารพรรค

ขณะที่นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. จะพาผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคมาด้วยตัวเอง เรามีความพร้อมมากในเรื่องของนโยบายและตัวผู้สมัคร จะเป็นอีกมิติที่เราจะประกาศความพร้อมดูแลทุกเขตทุกจังหวัด

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) และแคนดิเดตนายกฯ  ของพรรค กล่าวว่า วันที่ 4 เม.ย.นี้ซึ่งเป็นวันแรกของการรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตนเองพร้อมด้วย น.ส.กัญจนา  ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรคจะเดินทางไปสมัครด้วยตัวเอง 

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวอีกว่า ผู้ที่จะทำหน้าที่จับเบอร์ประจำพรรคการเมืองในวันที่ 4 เม.ย.นั้น ปกติจะเป็นหัวหน้าพรรคเป็นผู้จับ แต่ต้องคุยกันอีกครั้งจะให้ น.ส.แพทองธารเป็นผู้จับแทนหรือไม่ แต่ใครจะจับก็ไม่สำคัญ

น.ส.แพทองธารกล่าวถึงการไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า เราตั้งใจและเชื่อว่าเราอยู่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติที่เขาทำอย่างเชี่ยวชาญกันมา ถ้าเขาได้รับใช้พี่น้องประชาชน เขาก็ต้องทำอย่างเต็มที่มากๆ ให้คนที่เชี่ยวชาญตรงนั้นทำกันไป

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะทำให้เกิดการเปรียบเทียบหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า แต่ละพรรคก็มีแนวทางของตัวเองว่าจะเดินอย่างไร  ฉะนั้นก็ไม่เหมือนกัน พรรคเรากับเขาก็คนละพรรคกัน เราก็เดินหน้าตามที่ตั้งใจไว้อย่างเต็มที่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง