‘เศรษฐา’ทรมาน โอด8ปีมีแต่ทุกข์/บูลลี่‘บิ๊กตู่’พูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง

แจ้งวัฒนะ ๐ กกต.ประกาศ 67 พรรคมีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง พร้อมตัดสิทธิ์ 9 ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ-1 แคนดิเดตนายกฯ เหตุมีลักษณะต้องห้าม ส่วนผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ผอ.กกต.เขต เตรียมติดประกาศ ชี้ไม่เห็นด้วยร้องศาลฎีกาได้ภายใน 7 วัน ขณะที่ "เศรษฐา-พิธา" 2 นายกฯ โพลปลื้ม บูลลี่นายกฯ คนปัจจุบันไม่เคยเดินหน้าหาตลาดใหม่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรือเปล่า

     สำนักงานคณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.)​ แจ้งว่า กกต.มีมติเห็นชอบประกาศ กกต. เรื่องรายชื่อพรรคการเมืองที่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ส.ส.4/23) ประกาศ กกต. เรื่องรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ส.ส.4/24) และประกาศ กกต. เรื่อง​การแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี (ส.ส.4/31) ตามที่สำนักงาน กกต.เสนอผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้งและการแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยพบว่าทั้ง 67 พรรคการเมืองเป็นพรรคการเมืองที่มีสิทธิ์ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เนื่องจากมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด

     ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อทั้ง 1,898 คน พบว่าเป็นผู้มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง 1,889 คน และไม่รับสมัครเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายจำนวน 9 คน

     สำหรับการตรวจสอบหลักฐานการแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในจำนวน 43 พรรคการเมืองที่มีการเสนอรวม 63 คนนั้น พบว่า เป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามจำนวน 62 คน และเป็นผู้ขาดคุณสมบัติจำนวน 1 คนคือนายรัฐฐาน์ พีรวิชญ์ธนาภัค สังกัดพรรคราษฎร์วิถี เนื่องจากไม่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 160 (3) ของรัฐธรรมนูญ 60

     ทั้งนี้ ในส่วนของการประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง จะได้ดำเนินการประกาศรายชื่อตามแบบ ส.ส.4/14 และสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดทุกจังหวัดจะเผยแพร่ประกาศฯ ต่อไป โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ที่ กกต.และผู้อำนวยการการเลือกตั้งไม่รับสมัคร สามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาได้ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ประกาศรายชื่อ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในการดำเนินกระบวนการพิจารณา

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 9 คน ที่ กกต.ตรวจสอบพบว่ามีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ประกอบด้วย 1.น.ส.นารีม๊ะ โต๊ะเล๊ะ พรรคประชาธิปไตยใหม่ ผู้สมัครลำดับที่ 15 เนื่องจากอายุไม่ถึง 25 ปี มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 41 (2)

     2.นายคณนาถ หมื่นหนู พรรคภูมิใจไทย ผู้สมัครลำดับที่ 44 เนื่องจากถูกคำสั่งจังหวัดพัทลุงให้พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลทะเลน้อย มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 42 (10)

ไม่พบเป็นสมาชิกพรรค

     3.นายบุญธรรม คำมี พรรคประชาไทย ผู้สมัครลำดับที่ 15 ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและขอถอนการสมัครแต่กฎหมายมาตรา 42 (1) ไม่ได้บัญญัติให้ถอนการสมัครแบบบัญชีรายชื่อได้

     4.นายณรงค์ อวยศิลป์ พรรคไทยเป็นหนึ่ง ผู้สมัครลำดับที่ 2 ไม่พบข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคไทยเป็นหนึ่ง​

     5.นายประวิทย์ แสงสว่าง พรรคประชากรไทย ผู้สมัครลำดับที่ 14 ไม่พบข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคประชากรไท​ย​

     6.พ.ท.ประสาร แสงสว่าง พรรคเสรีรวมไทย ผู้สมัครลำดับที่ 25 ไม่พบข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย

     7.นางแขไข ฐิติชญานันท์ พรรคเสรีรวมไทย ผู้สมัครลำดับที่ 28 ไม่พบข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย​

     8.นายเสถียร คงปาน พรรคไทยสร้างไทย ผู้สมัครลำดับที่ 70 ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและขอถอนการสมัคร แต่กฎหมายมาตรา 42 (1) ไม่ได้บัญญัติให้ถอนการสมัครแบบบัญชีรายชื่อได้​

     9.นายภานุณ์พล จองชัยธนโรจน์ พรรคไทยสร้างไทย ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและขอถอนการสมัคร แต่กฎหมายมาตรา 42 (1) ไม่ได้บัญญัติให้ถอนการสมัครแบบบัญชีรายชื่อได้

     สำนักงาน กกต.ยังประชาสัมพันธ์สีบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ที่ใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ในวันที่ 14 พ.ค.2566 ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ดังนี้ บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง หรือ ส.ส.เขต เป็นสีม่วง และบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นสีเขียว

     นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แจ้งว่า ในช่วงสงกรานต์นี้ ทาง สนง.กกต.เปิดรับหนังสือเอกสารจากประชาชนและพรรคการเมืองต่างๆ ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและพรรคการเมืองที่ต้องการติดต่อราชการกับทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

     ทั้งนี้ ท่านใดที่มีความประสงค์ยื่นหนังสือ อาทิ แจ้งผู้ช่วยหาเสียงหรือเอกสารต่างๆ สามารถยื่นได้ที่งานสารบรรณ ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง อาคารรัฐประศาสนภักดี เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

เหน็บ 'บิ๊กตู่' พูดอังกฤษไม่เก่ง

     เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยลูกพรรคหาเสียงที่ตลาดเทศบาลบ้านโป่ง

     นายเศษรฐากล่าวกับผู้มาให้การต้อนรับว่า การมาวันนี้คนรอต้อนรับมาก ถือเป็นกำลังใจสำคัญ ในการหาเสียง 8 ปีที่ผ่านมาเราทุกข์ทรมาน รัฐบาลที่ผ่านมาจะอ้างไม่ได้ทำไมเราต้องอยู่ในสภาพที่ทนอยู่ ทั้งเรื่องรายได้ สิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ใครอัดอั้นตันใจขอให้เกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ ราชบุรีเป็นเขตทหาร การมีสิทธิเลือกเป็นสิทธิควรจะได้ ไม่ใช่ไม่อยากเกณฑ์ทหารแล้วถูกกล่าวหาชังชาติ แต่เขาควรมีสิทธิเลือกอาชีพ พรรคเพื่อไทยสนับสนุนให้มีสิทธิในการเลือกเกณฑ์ทหาร และเราจะส่งเสริมเยาวชนให้มีศักยภาพสูงขึ้น ประเทศไทยจีดีพีโตขึ้น 2.3% ต่ำจนน่าอับอาย เพื่อนบ้านที่เขาโตเกิน 5%

     นายกฯ คนปัจจุบันไม่เคยเดินหน้าหาตลาดใหม่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรือไม่สนใจ พรรคเพื่อไทยไม่ว่าใครเป็นนายกฯ การเปิดตลาดใหม่ถือว่าสำคัญที่สุด สำหรับนโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัล คนละ 10,000 บาท อย่าให้ใครมาด้อยค่าว่าไม่ดี เพราะเราคิดมาอย่างดีแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกับบางพรรคที่ให้ทีละ 500, 700, 1,000 บาทต่อเดือน ทำอะไรได้ เหมือนหยอดน้ำข้าวต้ม แต่นโยบายของเราสามารถทำให้พี่น้องตั้งตัวได้เลย

     นายเศรษฐากล่าวอีกว่า และจะมีนโยบายอื่นมาเสริม เช่น ครอบครัวไหนมีรายได้ต่ำกว่า 25,000 ต่อเดือน เราจะเติมให้  ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่พูดมานั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อประชาชนทุกจังหวัดเลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค และถ้าใครบอกเพื่อไทยชนะแล้วอย่าไปเลือกตั้ง ขอให้อย่าประมาท เราพอแล้วกับความทรมาน ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน

     เมื่อถามว่า ล่าสุดมีซูเปอร์โพลออกมาบอกว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ถึงฝันแลนด์สไลด์ และได้ไม่ถึง 200 ที่นั่ง นายเศรษฐากล่าวว่า ก็รับฟังความคิดเห็น ไม่ได้เป็นอะไรที่บั่นทอน ตนก็ยังเดินหน้าปราศรัย พบปะพี่น้องประชาชน รับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ยังทำงานหนักต่อไป จะมา 160, 180, 280 เสียง ก็ไม่ทำให้เราย่อท้อ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ทำงานต่อ

     ถามอีกว่า ผลโพลที่ออกมาจะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลสลับกันตลอด มองว่าพรรคก้าวไกลเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับเราหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนไม่ได้มองพรรคอื่นเป็นคู่แข่ง ตนพูดเสมอต้นเสมอปลายมาว่าคู่แข่งของตนนั้นคือความลำบากยากจน ความไม่เท่าเทียมในสังคม เราต้องแย่งกันในการที่จะขยายผลเรื่องนโยบาย ส่วนในพื้นที่เมืองที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไล่กันมา เราก็คงไม่แก้อะไร เพราะเราพูดในนโยบายที่เราอยากจะทำ อาจจะมีการเน้นบางนโยบายมากขึ้น

'พิธา'เชื่อก้าวไกลเสียงดี

     ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีประชาชนโหวตให้เป็นอันดับ 1 คนที่จะเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้ง 2566 ว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้นเรื่อยๆ คะแนนจากโพลนี้สอดคล้องกับสิ่งที่เราสัมผัสได้ในทุกจังหวัดที่เดินทางไป และสอดคล้องกับตัวเลขในทางออนไลน์ ที่ประชาชนแสดงออกว่าสนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้น ยิ่งกว่าสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ในปี 2562 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งอยากเห็นตนเป็นนายกฯ อยากได้ ส.ส.เขตแบบก้าวไกลมาทำงานรับใช้ประชาชน และในภาพใหญ่ คืออยากให้คนบริหารประเทศเป็นคนแบบก้าวไกล เสียงสนับสนุนที่เราได้รับ สะท้อนให้เห็นว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เราพิสูจน์การทำงานให้ประชาชนเห็นแล้วว่า ส.ส.พรรคก้าวไกลทำงานได้โดดเด่นและแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่เคยมีมาอย่างไร จนได้รับคำชมว่าก้าวไกลทำงานตรงไปตรงมา ทำงานคุ้มค่า และมุ่งแก้ปัญหาที่ต้นตอ

     “สิ่งที่สำคัญที่สุด เสียงสนับสนุนที่ก้าวไกลได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนว่าคนไทยไม่ต้องการวนเวียนอยู่กับการเมืองแบบเดิมๆ อีกแล้ว เพราะนักการเมืองแบบเดิม ๆ วิธีคิดและวิธีการทำงานการเมืองแบบเดิมไม่สามารถตอบโจทย์ของสังคมไทยยุคใหม่ได้ ประชาชนจึงต้องการพรรคก้าวไกลมาทำในสิ่งที่นักการเมืองในอดีตทำไม่ได้”

     นายพิธากล่าวอีกว่า ในช่วง 30 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง พวกเราพรรคก้าวไกลต้องทำงานให้หนักมากขึ้น ทั้งเปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศ ทั้งสื่อสารทางออนไลน์และผ่านสื่อมวลชน ทั้งเดินเคาะประตูบ้าน เพื่อเข้าหาพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจะเป็นปัจจัยชี้ขาดโฉมหน้าของรัฐบาลชุดต่อไป ว่าจะน่าไว้วางใจแค่ไหน และจะมีพรรคทหารจำแลงร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง