โชว์ผลงาน3ปี'พาณิชย์'ลดค่าครองชีพ1.6หมื่นล้าน

ทำเนียบรัฐบาล ๐ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการ "พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน" ตลอดระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2563 เพื่อลดภาระ บรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดนั้น รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด-19 ระลอก 1, ระลอก 2, ระลอก 3 ตั้งแต่ปี 2563 อย่างต่อเนื่อง

     ซึ่งโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิต ห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ห้างท้องถิ่น แพลตฟอร์มออนไลน์ ร้านสะดวกซื้อ นำสินค้ามาลดราคาทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ มีนาคม 2563 จนถึงมกราคม 2566 ลดราคาสินค้าและบริการมาแล้วทั้งหมด 23 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 33,485,560 รายการ และบริการรวมทั้งสิ้น 1,674 รายการ โดยลดราคาสินค้าตั้งแต่ 32-87% สินค้าที่นำมาลดราคาเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภค เช่น อาหาร วัตถุดิบ ผัก ผลไม้ ข้าวสาร สินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ อุปกรณ์การเรียนการสอน เป็นต้น ทั้งในห้างท้องถิ่น ห้างค้าปลีกค้าส่ง ตลาดสด ตลาดกลาง รวมถึงการซื้อสินค้าและบริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งจากการดำเนินโครงการนี้ที่ผ่านมา 3 ปี สามารถช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่ายไปได้กว่า 16,498 ล้านบาท

     “โครงการพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน ที่สามารถช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้เป็นจำนวนมาก ในช่วงเวลาที่ประเทศประสบกับความท้าทาย รัฐบาลเข้าใจประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง จึงได้มีแนวทางเพื่อช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ เพิ่มปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย” นายอนุชากล่าว.

--------------------

'บิ๊กตู่'ปลื้มท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง

ทำเนียบรัฐบาล ๐ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา อัตราการเข้าพักแรมในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้น จากการใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 พร้อมการรายงานของ Klook แพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับเอเชีย ยืนยันชัดประเทศไทยติด 1 ใน 3 ปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับนโยบาย 5F Soft Power ของไทย จะกระตุ้น ดึงดูดการท่องเที่ยว และฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

     โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (Hotel Business Operator Sentiment Index) เดือนมีนาคม 2566 ซึ่งทำการสำรวจโดยสมาคมโรงแรมไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระหว่างวันที่ 9-26 มีนาคม 2566 ระบุว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของเดือนมีนาคมอยู่ที่ร้อยละ 66 โดยอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่รับนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลักปรับดีขึ้นเกือบทุกภูมิภาคจากการใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ที่เริ่มให้ใช้สิทธิจองห้องพักวันแรกตั้งแต่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในภาพรวมช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 สถานการณ์การท่องเที่ยวยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้บูรณาการความร่วมมือกับ Klook แพลตฟอร์มท่องเที่ยว ภายใต้แคมเปญ ‘Let Your Journey be Thai’ ซึ่งมีจุดประสงค์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับการท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่า และได้รับประสบการณ์อันน่าประทับใจเมื่อมาเยือนเมืองไทย ผ่านเอกลักษณ์ของไทยในด้านการบริการและความเป็นมิตร (Thai Hospitality) พร้อมทั้งผลักดัน 5F Soft Power ที่เป็นจุดแข็งของไทย ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจากรายงานของ Klook ระบุว่า ภายหลังมีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 3 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว นอกเหนือไปจากญี่ปุ่น และไต้หวัน พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า ในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยผ่านการจองบริการของ Klook มากกว่า 1 ล้านทริปขึ้นไป ซึ่งมีกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์

     “นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างแข็งขัน ตามแนวนโยบายและมาตรการที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล ทั้งเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ และดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้มาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมากขึ้น จนเห็นผลสำเร็จทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลเชื่อมั่นว่า การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะส่งผลประโยชน์ต่อวิถีชีวิตประชาชนทุกคน ผ่านการสร้างงาน สร้างรายได้ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ตลอดจนจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ” นายอนุชา กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง