กกต.เร่งเช็กนโยบาย70พรรค

พรรคการเมืองทยอยยื่นแจงรายละเอียดนโยบายหาเสียงต่อ กกต. แล้ว ขาดอีก 9 พรรคยังไม่มีวี่แวว "ธนกร"  ซัด "เศรษฐา" ก่อนวิจารณ์รัฐบาลกลับไปดูพรรคตัวเองก่อน แจกหัวละหมื่นยังพูดไม่เหมือนกัน ไม่ยอมตอบเอาเงินมาจากไหน ด้านคณะทำงานด้านเศรษฐกิจประชาธิปัตย์ชำแหละกระทบเศรษฐกิจทั้งประเทศแน่ "เศรษฐา" ตีมึนไม่ให้ราคา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ณ เวลา 16.30 น. วันที่ 18 เมษายน ในจำนวน 70 พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. มีพรรคที่ได้ชี้แจงข้อมูลรายละเอียดนโยบายหาเสียงของพรรคที่มีการใช้จ่ายเงินตามมาตรา 57 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มายัง กกต. รวม 58  พรรคการเมือง และมี 12 พรรคการเมืองที่ยังไม่ดำเนินการ

และจากข้อมูลเช้าวันที่ 19 เม.ย. พบว่ามีพรรคการเมืองรายงานมาเพิ่มเติมอีก  3 พรรคการเมือง คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคชาติพัฒนากล้า และพรรคไทยก้าวหน้า เป็นการส่งไปยัง กกต.ในเวลา 16.30 น. ของวันที่ 18 เม.ย. ทำให้ขณะนี้มีพรรคการเมืองยื่นชี้แจงแล้ว  61 พรรคการเมือง เหลืออีก 9 พรรคการเมือง ที่อาจดำเนินการส่งทางไปรษณีย์ ทางสำนักงาน กกต.จะยึดการประทับตราไปรษณีย์เป็นหลักพิจารณาว่าได้มีการดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่

ส่วน 9 พรรคการเมืองที่ยังไม่ดำเนินการ ประกอบด้วย พรรคความหวังใหม่, พรรคเพื่อชาติไทย, พรรคแผ่นดินธรรม,    พรรคกรีน, พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคชาติรุ่งเรือง, พรรครักษ์ธรรม, พรรคพลังไทยรักชาติ และพรรคไทยธรรม

สำหรับพรรคการเมืองต้องดำเนินการตามมาตรา 57 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่าการกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองที่ใช้ในการประกาศโฆษณานโยบายใดที่ต้องใช้จ่ายเงินการประกาศโฆษณานโยบายนั้น อย่างน้อยต้องมีวงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย และผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย หากพรรคการเมืองไม่ได้จัดทำรายการดังกล่าวให้ กกต.สั่งให้ดำเนินการให้ครบถ้วนถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคและประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงาน 8 ปีรัฐบาล รายได้ประชาชนตกต่ำว่า ยืนยันไม่เป็นความจริง นโยบายภายใต้การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ทำให้ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น และประเทศมีความก้าวหน้า โดยมีผลงานเป็นที่ประจักษ์

"ดังนั้นก่อนที่จะวิจารณ์นโยบายการบริหารรัฐบาล อยากให้นายเศรษฐากลับไปดูนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยก่อน เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่ประชาชนสับสน ผมคิดว่าแม้กระทั่งผู้สมัคร แกนนำพรรคเพื่อไทยบางส่วนเองก็ยังงงๆ ว่าตกลงเป็นอย่างไรกันแน่ อีกทั้ง มีรายงานข่าวว่าทีมเศรษฐกิจและฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยยังเห็นไม่ตรงกัน และยังมีรายงานด้วยว่าจะมีการยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จนนายเศรษฐา ร้อนตัวออกมาบอกว่าไม่จริง"

นายธนกรแนะนำว่า พรรคเพื่อไทยควรตั้งสติให้ดี ก่อนจะออกนโยบายอะไร อย่างน้อยให้ลูกพรรคตัวเองเข้าใจตรงกัน  เห็นออกมาพูดกันคนละที แล้วข้อมูลไม่ตรงกันอีก เลยไม่รู้ว่าตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ตกผลึกแบบเป็นรูปธรรม ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกคนสามารถชี้แจงกับประชาชนได้ มีที่มาที่ไปของคน ยกตัวอย่างเรื่องบัตรสวัสดิการพลัส 1,000 บาท ให้มาก 10,000 บาท วงเงินเดือนละ 1,000 บาท รวมทั้งปีได้ 12,000 บาท ถ้าเปรียบเทียบ 10,000 บาท ในระยะเวลา 6 เดือนที่เป็นการให้ครั้งเดียว แต่สิ่งที่เราทำได้ทุกเดือน มันพุ่งเป้าไปสู่กลุ่มที่มีความเดือดร้อนจริง การใช้เงินไม่ใช่หว่านไปทั่วโดยไม่สนงบประมาณแผ่นดิน ส่วนที่บอกว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เมื่อหารออกมาเป็นรายวัน คือ 55 บาทต่อวัน ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แล้วจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร เพราะไม่แตกต่างกับบัตรสวัสดิการที่รัฐบาลทำอยู่

 “กระทั่งวันนี้ยังไม่รู้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเอาเงินมาจากไหน ตกลงรูปแบบเป็นดิจิทัลเป็นเหรียญแบบคูปอง หรือแบบไหน และอยากฝาก กกต.ให้พิจารณาให้ดี ควรคำนึงถึงผลกระทบด้านต่างๆ ภาระงบประมาณที่จะตามมา อย่าปล่อยให้นโยบายขายฝันแบบนี้ออกมาทำลายระบบการเงินการคลัง” นายธนกรกล่าว

ด้านนายเกียรติ สิทธีอมร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเศรษฐาชี้แจงเรื่องนโยบายแจกเงินดิจิทัลสามารถใช้เงินจากงบประมาณแผ่นดินได้ว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาชี้แจงนโยบายนี้ไม่ชัดเจน การที่เขาบอกว่านโยบายดังกล่าวไม่กระทบกับงบประมาณแผ่นดินนั้น ใครก็พูดได้ แต่มีคำถามว่าจะเอางบประมาณมาจากไหน จึงถือว่ายังไม่ชัดเจนอยู่ดี และถึงวันนี้ก็ยังไม่ชัด และตนไม่ทราบว่ากกต.จะมีท่าทีอย่างไร เพราะเราไม่ได้เห็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยส่งไปว่ามันคืออะไร เราได้ยินเฉพาะที่เขาพูด

 “ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ อาจมีผลกระทบมากมายกับเศรษฐกิจทั้งประเทศ ก็ต้องมีความชัดเจน ดังนั้นผมขอเรียกร้องให้มีความชัดเจน และผมไม่มีปัญหาถ้าใครจะทำนโยบายที่ไม่เป็นความเสี่ยงกับประเทศ และมีความเป็นธรรม สิ่งหนึ่งที่ผมโดนถามตลอดว่าดีนะที่มีนโยบายของใครก็แล้วแต่เอาเงินจ่ายให้ตัวเองด้วย อันนี้งง เพราะนโยบายนี้ หัวหน้าพรรคเขาก็ได้ แคนดิเดตนายกฯ ก็ได้หมด เจ้าสัวทุกคนก็ได้หมดในเงิน 10,000 บาทนี้ มันมีด้วยหรือ ผมยังไม่เคยเห็น ยกเว้นในอดีตไกลๆ เลยในยุคที่มีประชานิยมสุดโต่ง แต่หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าทำ ดังนั้น เมื่อกล้าทำ เขาก็ต้องกล้าอธิบาย”นายเกียรติกล่าว

เมื่อถามว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ถือเป็นประชานิยมสุดโต่งหรือไม่ นายเกียรติตอบว่า ผลที่ตามมาคือสร้างความเหลื่อมล้ำแน่นอน ทำไมคนที่มีอันจะกินยังได้รับเงินตรงนี้ไปใช้ และดีอย่างไรกับประเทศ นักวิชาการทุกคนออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ากระตุ้นอย่างนี้ได้ผลระยะสั้น เอาเงินกว่า 500,000 ล้านบาทมากระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นอย่างนั้นหรือ และทุกคนพูดตรงกันหมดว่านึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าจะเอาเงินมาจากไหน เพราะอย่างเก่งที่สุด เงินงบประมาณที่เหลือกว่า 2 แสนล้านบาท ก็ต้องถูกนำไปใช้อย่างอื่นที่จำเป็นอยู่ก่อนแล้ว แต่ถ้าจะต้องใช้เงินเกินกว่านั้น จะเอาเงินมาจากไหน  ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องมีคำอธิบายและตอบคำถามต่อประชาชนให้ได้ ไม่ใช่มาตอบเรื่องนี้กับตน อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากวิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองอื่นๆ ถ้าไม่ใช่สิ่งที่สร้างความเสี่ยงให้กับประเทศ

 “พอผมบอกว่านโยบายนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชน ท่านก็บอกไม่มี แต่จะใช้ใครทำ ท่านก็ไม่บอก พอผมถามว่าเงินมาจากไหน ก็บอกว่าจะไปจัดหามา ซึ่งพูดไม่ชัด และเดิมท่านบอกว่าเป็นเงินสกุลดิจิทัล ซึ่งคำพูดนี้ชัดเจน แต่ต่อมาบอกว่าเป็นดิจิทัลวอลเล็ต มันเปลี่ยนไปเรื่อย ต้องเอาให้นิ่งว่าที่นำเสนอคืออะไร ซึ่งเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของ กกต.” นายเกียรติกล่าว

ที่ จ.ขอนแก่น นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า เขาเริ่มไปกันใหญ่แล้ว เมื่อครั้งก่อนก็บอกว่าของเราเป็นคริปโตฯ วันนี้ก็มาเรื่องนี้แล้ว ตนว่าอย่าเลย ท่านมีนโยบายของท่านก็เสนอมา ตนมีนโยบายของตน ก็เดินหน้าเสนอให้ประชาชน

เมื่อถามว่า จะชี้แจงอย่างไรให้เขาเข้าใจ เพราะล่าสุดพรรคพลังประชารัฐแถลงก็เป็นเรื่องของสกุลเงิน นายเศรษฐาตอบว่า “ถามมาผมก็ตอบไป ยิ้มแย้มแจ่มใสตอบไปได้เรื่อยๆ คงไม่มีอะไรที่ต้องให้ราคา”

ที่สำนักงาน กกต.​ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) เดินทางมายื่นหนังสือถึง กกต. กรณีร้องเรียนพรรครวมไทยสร้างชาติในวันเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผิดกฎหมายการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นการร้องเรียนครั้งที่ 2 หลังจากการร้องเรียนครั้งแรกถูก กกต.ตีตก

นายสมชัยกล่าวว่า วันนี้ตนมาร้องเรียนเป็นครั้งที่ 2 ในเรื่องเดิม สืบเนื่องจากในวันเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผิดกฎหมายการเลือกตั้ง  มีการขนคนมาฟังการปราศรัย การมีมหรสพ การแจกเสื้อ แจกหมวก และกล่าวคำปราศรัยพาดพิงสถาบัน ซึ่งตนเคยยื่น กกต.แล้ว เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ถูกปัดตกคำร้อง เพราะ กกต.มองว่า 1.ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง 2.ยังไม่มีผู้สมัคร 3.ผู้ยื่นคำร้องไม่ใช่ผู้เสียหาย เพราะไม่ใช่ผู้รับสมัครเลือกตั้ง ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตการเลือกตั้งที่มีปัญหา เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เมื่อวันนี้เงื่อนไขต่างๆ มีความครบถ้วนแล้ว เพียงพอในการยื่นหลักฐานการกระทำความผิดถือว่าครบถ้วน ตนจึงนำเรื่องเดิมนี้มายื่นอีกครั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง