ก.ก.แรงฉุดแลนด์สไลด์พท.สะดุด

"ผอ.นิด้าโพล" เผยเตรียมออกผลสำรวจครั้งสุดท้าย 3 พ.ค.นี้ ชี้ก้าวไกลคะแนนนิยมแรง ส่งผลกระทบแลนด์สไลด์เพื่อไทยสะดุด คาดตาอยู่ทั้ง “พปชร.-ภท.-รทสช.” ได้รับอานิสงส์ เชื่อเวลาหาเสียงที่เหลือ 2 พรรคเลิกเกรงใจกัน แนะต้องเข็น “อุ๊งอิ๊ง” มาช่วยเพราะ “เศรษฐา” ไม่สมราคา “จตุพร” ฟันธงสาเหตุ ก.ก.แรงเพราะจุดยืนชัด “รทสช.” จัดคิวพี่ตู่ปราศรัยแน่น 2-5 พ.ค. คาดได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่ภาคใต้ถึง 3 ล้าน “พ่อค้าขายบ้าน” ประกาศอีกแล้วไม่เอาลุงและภูมิใจไทย

เมื่อวันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ให้สัมภาษณ์ว่า นิด้าโพลจะเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการเลือกตั้ง 2566 รอบสุดท้ายในตอนเที่ยงวันพุธที่ 3 พ.ค.ตามระเบียบข้อกฎหมาย โดยยังมีการออกสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการเลือกตั้งต่อไป แต่จะนำมาเปิดเผยอีกครั้งหลังปิดหีบเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.

ผศ.ดร.สุวิชายังกล่าวถึงผลโพลหลายสำนักที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีคะแนนนิยมพุ่งสูงขึ้นในช่วงหลัง จะมีผลทางการเมืองอย่างไรว่า ผลสำรวจนิด้าโพลพบว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) มีคะแนนเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย.65 ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรค พท.เปิดตัวเข้าสู่การเมือง ซึ่งบางช่วงสูงกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ส่วนพรรค ก.ก.ก็ตามพรรค พท.มาแบบห่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แฟนคลับก้าวไกลอายุจะอยู่ในช่วง 18-25 ปี ที่เรียกกันว่านิวโหวตเตอร์

“ก้าวไกลมีคะแนนนิยมในโหวตเตอร์กลุ่มนี้เยอะ แต่พออุ๊งอิ๊งเริ่มเดินสายหาเสียงทั่วประเทศตั้งแต่ พ.ย.ธ.ค.65 ก็สามารถดึงคะแนนเสียงจากโหวตเตอร์กลุ่มนี้มาที่เพื่อไทยและอุ๊งอิ๊งได้ แต่ผลสำรวจล่าสุดเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ก้าวไกลพุ่งแต่เพื่อไทยคะแนนลดลง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือเกิดการแย่งกัน กินคะแนนเสียงกันเอง โดยก้าวไกลไปกินคะแนนของเพื่อไทยและพรรคเสรีรวมไทย และหากยังเป็นแบบนี้พรรคเสรีรวมไทยอาจมีแค่หัวหน้าพรรคคนเดียวที่ได้เดินเข้าสภา” ผศ.ดร.สุวิชากล่าว

ผอ.นิด้าโพลยังวิเคราะห์อีกว่า คะแนนนิยมของ ก.ก.ที่สูงขึ้นทำให้ พท.ไม่มีคำว่าเกรงใจแล้ว โดยสังเกตจากการให้สัมภาษณ์แต่ละครั้งที่ไม่มีแตะเบรก ชนได้ชนเลย และการที่ ก.ก.คะแนนนิยมดีขึ้นนอกจากทำให้พรรคได้ประโยชน์แล้ว กลุ่มของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก็ได้ประโยชน์จากการตัดคะแนนกันเองด้วย
“การที่คะแนนก้าวไกลเพิ่มขึ้นแบบนี้ อาจทำให้บางพรรคเช่น พลังประชารัฐ, ภูมิใจไทย, รวมไทยสร้างชาติ ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะมีโอกาสจะเป็นตาอยู่ แบบนี้คนปวดหัวที่สุดคือเพื่อไทย ทำให้ความหวังเพื่อไทยที่ต้องการจะแลนด์สไลด์ทุกวันนี้ยากแล้ว ทำให้ต้องแก้เกมโหมสร้างกระแสว่าต้องเลือกเชิงยุทธศาสตร์เลือกเพื่อไทยทั้งสองใบ เพราะเขารู้ว่าหากก้าวไกลทำแบบนี้ ผลสุดท้ายเรือมันจะจมด้วยกันทั้งคู่” ผอ.นิด้าโพลระบุ

จับตา ‘พท.-ก.ก.’ ฟัดเดือด

ผศ.ดร.สุวิชาวิเคราะห์ด้วยว่า ในช่วงที่เหลืออีกประมาณไม่ถึงสองสัปดาห์ พท.ต้องพยายามดึงคะแนนคืนมา ซึ่งอาจต้องอาศัย น.ส.แพทองธารมากขึ้น เพราะการผลักดันนายเศรษฐา ทวีสิน ออกมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่ได้ช่วยอะไร พท.เลย รวมทั้งต้องรอดูในช่วงใกล้ๆ วันเลือกตั้ง เพราะประเทศเราเป็นประเทศสังคมแห่งวาทกรรม อาจมีวาทกรรมใหม่ๆ ออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ เช่น "ไม่เลือกเรา เขามาแน่" ตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หรือ "เลือกความสงบจบที่ลุงตู่" ตอนปี 2562 แล้วก็มีหัวหน้าพรรคการเมืองบางพรรคมาบอกว่าไม่เอาลุงตู่ ผลปรากฏพรรคนั้นสูญพันธุ์ไปเลยใน กทม.

ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน โดยตอนหนึ่งกล่าวว่า "การที่พรรค ก.ก.กระแสแรงขึ้นทุกวัน เนื่องจากไม่มีแผลการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะยังไม่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร ไม่เคยเป็นรัฐบาล แต่มีความชัดเจนในจุดยืนทางการเมืองของพรรค โดยเฉพาะจุดยืนไม่จับมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตรตั้งรัฐบาล การสื่อสารทางการเมืองขณะนี้ พรรคก้าวไกลเหนือกว่าทุกพรรคการเมือง โดยการเลือกตั้งปี 2562 ยังเป็นนักการเมืองหน้าใหม่แทบทั้งพรรค แต่ได้รับเลือกถึง 81 เสียง ซึ่งการทำซ้ำย้ำจุดยืนของพรรคไม่เอา 2 ลุงและการรัฐประหาร ยิ่งทำให้กระแสของพรรคมาแรงเร็วขึ้นตามลำดับ และส่อแนวโน้มว่าในเขตเมืองพรรคเพื่อไทยอาจเสียพื้นที่ให้พรรคก้าวไกลได้” นายจตุพรวิเคราะห์

นายจตุพรกล่าวว่า เวลาหาเสียงอีก 10 กว่าวันที่เหลือ การแย่งชิงคะแนนเสียงระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะดุเดือดยิ่งขึ้น จะมีการโจมตีทั้งที่ลับและเปิดเผยแบบไม่ไว้หน้ากัน ที่น่าสนใจคือ หลังการเลือกตั้งพรรค พท.กับพรรค ก.ก.จะเดินงานการเมืองกันอย่างไร เชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะเริ่มมีปฏิบัติการบางอย่างในช่วงโค้งสุดท้ายเพื่อทิ้งไพ่ชนะหรือพ่ายแพ้ แต่การเมืองเปลี่ยนกันได้เป็นวันๆ ไป คนชนะวันนี้ไม่ได้หมายความว่าจะชนะในวันที่ 14 พ.ค. อีกทั้งเห็นว่าคนที่แพ้ในโพลวันนี้ ไม่ได้หมายถึงต้องแพ้ในวันที่ 14 พ.ค.ด้วย ถึงที่สุดของโพลแล้ว ไม่มีโพลไหนดีไปกว่าโพลของพรรคตัวเองทำการสำรวจ ซึ่งจะชี้ถึงการบริหารจัดการด้านลึกในพื้นที่แข่งขัน จะเป็นส่วนสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ ขณะที่มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหน้าที่สุจริตเที่ยงธรรมอย่างดีที่สุดแบบเงียบๆ

โวได้ปาร์ตี้ลิสต์ด้ามขวาน 3 ล้าน

วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ในการลงพื้นที่หาเสียงอย่างคึกคัก โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้วางกำหนดการปราศรัยใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์ไว้ว่า ในวันที่ 2 พ.ค.จะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. ขณะที่วันที่ 3 พ.ค.จะลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ จ.สุราษฎร์ธานี และวันที่ 5 พ.ค.จะไปหาเสียงที่ จ.สมุทรปราการ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช.กล่าวถึงการลงพื้นที่ภาคใต้ของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า พี่น้องชาวใต้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเหมือนที่ผ่านมา ทำให้ยิ่งมั่นใจในกระแสของลุงตู่หรือพี่ตู่ของคนภาคใต้ว่าสูงกว่าแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคการเมืองอื่น ซึ่งจุดเด่นของลุงตู่หรือพี่ตู่ในสายตาคนใต้ที่ได้รับการสะท้อนมา คือความจงรักภักดีต่อสถาบัน ความซื่อตรงต่อหน้าที่ ตั้งแต่สมัยเป็นทหารจนมาเป็นนายกฯ ภาพลักษณ์ดังกล่าวชัดเจน ที่ผ่านมาท่านเสียสละทำงานด้วยความทุ่มเท ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกงกิน มีความจริงใจต่อพี่น้องประชาชน สร้างความโดดเด่นแตกต่างจากภาพลักษณ์นักการเมืองหลายคนที่เคยสัมผัสมาก่อน

 “ผมมั่นใจว่า รทสช.จะได้ ส.ส.เขตในภาคใต้เกินครึ่ง และได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ถึง 3 ล้านเสียงในพื้นที่ภาคใต้ หลังจากนี้เราจะเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาจเข้าใจผิดว่าเลือกเบอร์ 22 ได้ลุงตู่ เพราะหากอยากได้ลุงตู่ต้องเลือกพรรค รทสช.ทั้งสองใบเท่านั้น โดยลุงตู่จะเดินสายทำความเข้าใจด้วยตัวเอง” นายเอกนัฏระบุ

เมื่อเวลา 16.25 น. ที่วัดบูรพาภิราม ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะ เดินทางมากราบสักการะพระพุทธรัตนมงคลมหามุนี เพื่อความเป็นสิริมงคล  พร้อมกราบนมัสการตัวแทนเจ้าอาวาส ก่อนเดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่หอประชุมสาเกตฮอลล์ อ.เมืองร้อยเอ็ด

ขณะที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร.ได้ลงพื้นที่หาเสียงช่วยนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม บริเวณตลาดบุญเรือง เขตสวนหลวง ประเวศ โดยชูนโยบายพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งระหว่างการหาเสียงมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้า และคนที่มาเดินตลาดเช้าต่างตื่นเต้นมาขอถ่ายรูปกับทั้งสองคน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีคนร้องส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก       

ภท.ลั่นเป็นหนึ่งเดียวกับมุสลิม                                                                 

ส่วนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีการแถลงนโยบายพรรคต่อพี่น้องมุสลิมไทย นำโดย น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะแกนนำพรรค พร้อมด้วยนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค และคณะ โดยนายศุภชัยกล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญกับพี่น้องมุสลิม เรามีรัฐมนตรี 1 คนที่เป็นมุสลิม และมี ส.ส.ที่เป็นมุสลิมหลายคน ซึ่งหลังการเลือกตั้งถ้าเราได้กลับมาเป็นรัฐบาล จะจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลส่งเสริมกิจการฮัจญ์ เพื่อไม่ให้มีหน่วยงานที่ไม่เหมาะสมเข้ามาบริหารจัดการที่ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น

“พรรคมีความเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องมุสลิม หลายสิ่งหลายอย่างที่เราตั้งใจทำต่อพี่น้องมุสลิมถูกบิดเบือนหลายเรื่อง อาทินโยบายกัญชา ที่เราตั้งใจเอาพืชที่ทรงคุณค่ามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เรามุ่งหวังที่จะช่วยประชาชนหลายล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึงยาแผนปัจจุบัน แต่วันนี้มีคนเอาไปบิดเบือนว่าให้ใช้เสรี ทั้งที่เรามีกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขคุมเข้มอยู่ และในสภาครั้งที่แล้วเราเสนอกฎหมายขึ้นมาเพื่อควบคุมกำกับ แต่ถูกเตะสกัดโดยพรรคการเมืองอื่น” นายศุภชัยกล่าว

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงนโยบายหาเสียงสตาร์ทอัป เอสเอ็มอี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากว่า พรรคต้องการยกระดับขีดความสามารถของสตาร์ทอัป เอสเอ็มอีไทยให้แข่งขันได้ โดยมีแต้มต่อที่ 1 ด้านการผลิต สนับสนุนให้สตาร์ทอัป เอสเอ็มอี มีการบริหารธุรกิจที่ทันสมัยบนพื้นฐานของนวัตกรรมสมัยใหม่ แต้มต่อที่ 2 ด้านการตลาด ผลักดันให้มีโอกาสเข้าสู่ตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และแต้มต่อที่ 3 จัดตั้งกองทุน 3 แสนล้านบาท เพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน สำหรับการพัฒนา ต่อเติม ขยายกิจการตลอดจนการเพิ่มทุนธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้ประเทศต่อไปได้

ส่วนที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร นายเศรษฐาพร้อมคณะลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครพรรคหาเสียง โดยระบุว่า เสียงไม่ค่อยมีเพราะเป็นหวัด ถ้า พท.เป็นรัฐบาลค่าแรงขั้นต่ำจะปรับทันทีเป็น 400 บาท ภายใน 4 ปี เป็น 600 บาท ปริญญาตรีขึ้นเป็น 25,000  บาท ภายใน 4 ปี

จากนั้นนายเศรษฐาและคณะเดินทางต่อไปยังเวทีปราศรัย ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร อ.พังโคน และให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ปราศรัยที่ จ.สงขลา ถามประชาชนว่าอยากได้นักธุรกิจมาบริหารประเทศหรือไม่ว่า “ไม่มีคอมเมนต์ครับ ให้ชาวสงขลาเป็นคนตัดสิน เป็นเกียรติที่ท่านกล่าวถึง ก็โอเคครับ ไม่เป็นไรครับ”

‘เศรษฐา’ ลั่นไม่เอาลุง-ภท.

ต่อมาที่เวทีปราศรัยอ่างเก็บน้ำหนองสังข์ (ดอนตาทอง) อ.นาแก จ.นครพนม นายเศรษฐาปราศรัยด้วยเสียงแหบแห้งยืนยันว่า เราไม่เคยมีการตกลงว่าถ้าชนะเลือกตั้งแล้วนายกฯ จะเป็นลุงนั้นลุงนี้ นายกฯ ต้องมาจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ขอเสียงโห่ร้องไล่ลุงทั้ง 2 กลับไปอยู่บ้านอีกที

จากนั้นนายเศรษฐาได้เดินทางมาปราศรัยที่โรงเรียนธาตุพนม อ.ธาตุพนม ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้เลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ หากพรรคไหนโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยมาบอกว่าให้ยก ส.ส.เขตให้ ภท. แล้วพรรคให้เลือกพรรค พท. เรายอมไม่ได้ เพราะหากเลือกเขาเข้ามา เขาก็เอาลุงตู่กลับมาอีก ถ้าไม่เอาลุงตู่ ก็ต้องไม่เอา ภท.

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรค ก.ก.ลงพื้นที่ปัตตานีช่วยหาเสียง กล่าวว่า ที่หลายคนกล่าวหาว่าตนเป็นคนชังชาติ สำหรับพวกเราชาติคือประชาชน ถ้าชาติคือประชาชนก็รักชาติไม่แพ้ใคร สำหรับคนไทยตนมองว่าคนไทยคือความหลากหลาย ไม่ว่าคุณจะเป็นใครอยู่ในสังคมแบบไหน ก็คือคนไทยเหมือนกัน มีสิทธิเสรีภาพเหมือนกัน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านลาดปลาเค้า 60 ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 9 รูป พร้อมกับผู้บริหารพรรค เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด 1 พ.ค. พร้อมกล่าวเปิดใจชีวิตการเมืองเข้าปีที่ 32 ว่า สงครามการเมืองสองขั้วสร้างวิกฤตมาอย่างยาวนานกว่า 17 ปี จนเกิดการรัฐประหารถึงสองครั้ง ประชาชนพ่ายแพ้มาโดยตลอด และสงครามครั้งนี้จะเป็น Last War ของทั้งสองขั้วที่จะแพ้ไม่ได้ ซึ่งจะไม่ยอมให้เกิดการรัฐประหารอีกต่อไป เพราะตลอดชีวิตการเมืองต้องพบเจอการรัฐประหารถึง 3 ครั้ง แต่ครั้งนี้เลวร้ายกว่าทุกครั้ง และการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการใช้เงิและอำนาจ หรือ Money Politics มากที่สุด

“ขอยืนยันว่าไทยสร้างไทยเป็นพรรคประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่เป็นที่เหยียบยืนให้กับเผด็จการ ไทยสร้างไทยพรรคเดียวไม่เกี่ยวกับใคร ไม่เป็นนอมินีของใคร เพราะไทยสร้างไทยนายใหญ่คือประชาชน” คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง