เผยเหตุปฏิวัติ! จุดพลุโค้งสุดท้าย‘บิ๊กตู่’ทนเห็นคนเจ็บ-ตายไม่ได

ไทยโพสต์ ๐ รวมไทยสร้างชาติทิ้งบอมบ์โค้งสุดท้าย ปล่อยคลิปฉบับเต็ม คุยกับลุง “ประยุทธ์” เผยเหตุผลชัดๆ  ตัดสินใจทำรัฐประหาร นอนไม่หลับหลายเดือน ไม่ได้ปรึกษาใคร ยันไม่ขัดแย้งกับรัฐบาลที่แล้ว แต่เหตุการณ์บานปลายเลยต้องหยุดทั้งสองฝ่าย ทนเห็นผู้คนบาดเจ็บล้มตายไม่ได้

     เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เผยแพร่คลิปฉบับเต็ม “คุยกับลุง” ฟังความในใจและเรื่องราวลึกๆ “ลุงตู่” ที่คุณอาจไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน หลังจากเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ได้เผยแพร่คลิปบางช่วงไปแล้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค  กล่าวในคลิปดังกล่าวช่วงหนึ่งถึงเรื่องการปฏิวัติเพราะความขัดแย้งว่า

     “ผมทนเห็นประชาชนบาดเจ็บล้มตายแบบนั้นไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจ และผมไม่ได้ปรึกษาใครด้วย ผมตัดสินใจของผมเอง ผมคิดแล้วคิดอีก นอนไม่หลับตั้งหลายเดือน เป็นเดือนๆ แล้วผมก็ไม่ได้ขัดแย้งกับรัฐบาลเขาเลย ผมก็คุยกับเขามาตลอด แต่จะให้ผมไปเข้าข้างใครไม่ได้ เพราะตอนนั้นมันบานปลายไปเยอะแล้ว สองฝ่ายคนมันเยอะมหาศาล แล้วผมไปปราบข้างไหน ผมก็หยุดทั้งสองข้างไปเลย”

     ส่วนได้ผลไหม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็สามารถทำให้บ้านเมืองสงบมาถึงทุกวันนี้ได้

     ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ถึงกำหนดการลงพื้นที่หาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พร้อมด้วยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค ในวันที่ 7 พ.ค. นี้ มีกำหนดการลงพื้นที่หาเสียงพบปะประชาชนและขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดกระบี่ พังงา และภูเก็ต โดยเวลา 08.05 น. ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังจังหวัดกระบี่

     กำหนดการช่วงเช้า เวลา 10.00 น. เดินพบปะประชาชนที่ตลาดเหนือคลอง และเดินทางไปปราศรัยที่ลานปูดำ ขณะที่ช่วงบ่าย เวลา 13.00 น. จะพบปะประชาชนที่อ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ก่อนเดินทางไปจังหวัดพังงา เพื่อร่วมพิธีศพบิดานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ที่บ้านท่าซอ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา

     ต่อจากนั้น เวลา 15.00 น. เดินทางไปยังที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ จังหวัดภูเก็ต ก่อนสักการะท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร และพบปะประชาชน และเดินทางต่อไปยังเมืองเก่า ถนนคนเดินหลาดใหญ่ภูเก็ต เพื่อพบปะประชาชน ก่อนที่เวลา 18.20 น. จะขึ้นเวทีปราศรัยที่ลานกลางสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต และเดินทางกลับกรุงเทพฯถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 23.25 น.

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำหนดการลงพื้นที่หาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ และแกนนำพรรคในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ในวันที่ 8 พ.ค. จะลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดนราธิวาส, วันที่ 10 พ.ค. ที่จังหวัดชุมพร, วันที่ 11 พ.ค. ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และวันที่ 12 พ.ค. จัดเวทีปราศรัยใหญ่ปิดท้ายที่ กทม. ซึ่งสถานที่จัดงานอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะจัดที่สวนลุมพินี หรือศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

     พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยที่โรงเรียนครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ, นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย เป็นต้น

แลนด์สไลด์ 280 เสียง

     โดยนายเศรษฐาปราศรัยว่า จ.นครราชสีมามีประชากรรองเป็นอันดับสองของประเทศ ตนอยากเห็น จ.นครราชสีมาไปได้ไกลที่สุด ในอดีตมีนายกฯ ทำประโยชน์ให้จังหวัดนี้มโหฬาร พี่น้องอยู่ดีกินดี แต่รัฐบาลปัจจุบันมีความไม่พร้อม ทำให้การจัดสรรงบประมาณน้อยลง ประกอบกับ 8 ปีที่ผ่านมาเรามีรัฐบาลที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน มีรากฐานมาจากการปฏิวัติ พี่น้องเดือดร้อนเยอะ ยาเสพติดเยอะ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ พี่น้องไม่มีที่ดินทำกิน

     นายเศรษฐายังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งจะแก้เกมกับกระแสของพรรคก้าวไกลที่มาแรงทุกโพลอย่างไรว่า คงไม่มีอะไรแก้ เพราะโพลของเราก็มาดี และเรายังมั่นใจอยู่ว่าเราจะได้เกินครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามสำหรับกระแสที่ออกสื่อย้ำๆ นั้น ก็เป็นแค่กระแส เพราะเวลาลงพื้นที่แล้วโพลของเราก็ยังมีอยู่ และดีอยู่แล้ว

     ถามต่อว่า แต่โพลก็มีผลต่อการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน นายเศรษฐาตอบว่า ไม่แน่ใจ คิดว่าขึ้นอยู่กับพรรคและนโยบาย รวมถึงผู้นำ ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว จะเล่นกันไม่ได้ ไม่ใช่สนามที่ประลองฝีมือ แต่เป็นของคนที่มีประสบการณ์ หรือพรรคที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานว่าสามารถทำนโยบายที่เสนอเป็นจริงได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่เราต้องตอกย้ำต่อไป อีกทั้งโพลบางโพลก็ทำแค่ 1,000-2,000 คน เราควรเอาโพลที่ทำเป็นแสนมาเป็นตัวชี้วัดดีกว่า

     ถามย้ำว่า ยังมั่นใจว่ากระแสของพรรคก้าวไกลยังสู้ฐานเสียงของเพื่อไทยไม่ได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “สู้ไม่ได้ เรามั่นใจครับ เรามั่นใจความแข็งแกร่งของฐานเสียง และมั่นใจในนโยบาย มั่นใจในความที่เราเป็นสถาบันทางการเมืองมานาน ที่พิสูจน์ได้ว่าเราทำได้จริง”

     ซักว่า ตอนนี้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยยังเพียงพอทำให้แลนด์สไลด์ได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าแลนด์สไลด์หมายความว่าอะไร ถ้า 200 กลางๆ ขึ้นไป ตนคิดว่าตนได้อยู่ หรือ 280 เราก็ยังมั่นใจอยู่ แต่จะถึง 300 หรือไม่นั่น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โค้งสุดท้ายว่าจะเป็นเช่นไร แต่ก็ยังมีความหวังอยู่

     ซักว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าทำไมช่วงโค้งสุดท้ายกระแสก้าวไกลยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นเรื่องของโซเชียลส่วนหนึ่ง และอาจเป็นช่วงจังหวะที่ผลโพลออกมา แต่อย่างที่เรียนไปว่าโพลบางโพลมีแค่ 2,000-2,500 คน ซึ่งประเทศไทยมีประชากรไทยที่สามารถโหวตได้ประมาณ 39 ล้านคน ต้องเอานโยบายเป็นหลัก ประวัติศาสตร์ การพิสูจน์ฝีมือมาโดยตลอด และผู้นำที่เคยพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว ทีมงานที่อยู่ด้วยกันมาโดยตลอด ตรงนี้เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนให้ความสำคัญมากที่สุด

     เมื่อถามว่า กระแสที่เทไปทางพรรคก้าวไกล ส่วนหนึ่งมีการวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยมี 3 คน และไม่มีความชัดเจนว่าสรุปแล้วเลือกเพื่อไทยจะได้ใครเป็นนายกฯ นายเศรษฐากล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นประเด็น ตนคิดว่าจะเป็นจุดแข็งมากกว่า เพราะจริงๆ เรามีทีมที่แข็งแกร่ง ทั้ง 3 คนมีจุดแข็งแตกต่างกัน ดังนั้นนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยก็คือ 1 ใน 3 คน รอผลการเลือกตั้งออกมาก่อน ใจเย็นๆ

     ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการทำโพลของพรรคเพื่อไทยว่า เรายังมั่นใจในแนวทางของพรรคเพื่อไทยอยู่ โพลมีหลายสำนัก เพื่อไทยเราก็มีโพลภายในของเราเอง ซึ่งโพลภายในของเราก็ยังมีระดับความมั่นใจที่สูงอยู่ และแลนด์สไลด์อยู่

ปชป.วอนอย่าตื่นโพล

     นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยถึงสถานการณ์เลือกตั้ง ที่ขณะนี้พูดถึงคะแนนผลสำรวจของพรรคว่า ไม่อยากให้แฟนคลับตื่นตระหนก และสังคมเชื่อไปกับกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งส่วนตัวมองเป็นเรื่องปกติที่พรรคมุ่งในการลงพื้นที่เข้าถึงประชาชน เพื่อนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์มากกว่า และนโยบายต่างๆ ของพรรคนั้นอาจมองไม่หวือหวา หรือเรียกความสนใจ เพราะพรรคไม่ได้สร้างกระแส สร้างภาพหรือสร้างคอนเทนต์ให้เป็นที่สนใจ แต่ถ้าพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของการเสนอนโยบายที่เป็นไปตามกรอบของการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว จะเห็นว่าสิ่งที่พรรคประกาศนั้น สอดคล้องกันระหว่างภาระงบประมาณกับประโยชน์ที่จะตกแก่ส่วนรวมและประชาชน เราเน้นสิ่งที่ทำได้จริง ไม่ใช่จะประกาศเพื่อสร้างกระแส เพราะเราเป็นสถาบันทางการเมือง ต้องรัดกุม ไม่สร้างปัญหาให้กับประเทศ ส่วนกระแสข่าวที่ปรากฏนั้น จะเป็นเรื่องสมมุติทันทีถ้าประชาชนแสดงพลังเทคะแนนเสียงสนับสนุน ปชป.ในวันที่ 7 และ 14 พ.ค.นี้ เลือกตั้งทั้งพรรคทั้งคน

     เขากล่าวว่า สำหรับพลังเงียบ ประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใด อยากขอให้เปิดใจพิจารณานโยบายของพรรคที่ยังคงทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ แข่งขันกันที่นโยบาย และเป็นนโยบายที่จับต้องได้ ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำด้วยใจ มีนโยบายครอบคลุมดูแลความเป็นอยู่ตั้งแต่ระดับรากฐานไปจนถึงการพัฒนาประเทศในระดับสากล  จึงอยากขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนในกลุ่มพลังเงียบนี้ช่วยสนับสนุน และโดยส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มพลังเงียบนี้ต้องการเห็นประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้และไม่ชอบความรุนแรง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์คือคำตอบ

'ท็อป' ย้ำตั้ง สสร.ร่าง รธน.ใหม่

     ที่สามย่านมิตรทาวน์ พรรคชาติไทยพัฒนา นำโดยนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ, นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองหัวหน้าพรรค, นายกนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรค, นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค ร่วมเปิดเวทีหาเสียงในพื้นที่ กทม. ซึ่งเป็นเวทีปราศรัยใหญ่ใจกลางเมืองในรูปแบบการรับฟังความเห็นของกลุ่มเยาวชนที่ทำงานร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนา ในชื่อกลุ่ม ไทย Young พัฒนา ทั้งนี้ ก่อนเริ่มเวทีพบว่าครอบครัวของนายวราวุธ ประกอบด้วย คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา มารดา, นางสุวรรณา ศิลปอาชา ภรรยา, น้องเทมส์ ฑีฆรี ศิลปอาชา บุตรสาวคนโต และนางกัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ในฐานะพี่สาว ร่วมให้กำลังใจด้วย

     สำหรับบรรยากาศการเปิดเวทีปราศรัยดังกล่าวเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีกองเชียร์และแฟนคลับของผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคชาติไทยพัฒนาจากพื้นที่ต่างๆ เข้าร่วมฟังเวทีปราศรัย พร้อมกับนำป้ายไฟและป้ายที่ติดชื่อผู้สมัคร ส.ส.ที่ตนสนับสนุนมาร่วมสร้างสีสันระหว่างฟังปราศรัยด้วย

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเวทีถามตอบต่อประเด็นปัญหาที่อยากให้แก้ไขอย่างเร่งด่วน นายวราวุธกล่าวตอนหนึ่งถึงการแก้ปัญหาประเทศที่เร่งด่วนว่า  หลังการจัดตั้งรัฐบาลภายใน 90-100 วันกลไกของการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ต้องเกิดขึ้น คือต้องเริ่มกระบวนการสรรหา ส.ส.ร.ทั่วประเทศ เพื่อสะท้อนความต้องการของคนทุกกลุ่มต้องเกิดขึ้น เพื่อให้การยกร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนเกิดขึ้นเร็วที่สุด ต่อจากนั้นคือการแก้ปัญหาปากท้อง ทั้งค่าไฟแพง รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม

     นายวราวุธกล่าวด้วยว่า สำหรับประเด็นบางเรื่อง ต้องทำให้เกิดขึ้นก่อน หากพลาดตรงไหนให้นำกลับมาแก้ไข ยกเว้นประเด็นกัญชา เพราะต้องมีมาตรการ มีกฎหมายที่รัดกุม หากจะนำมาใช้ประโยชน์ อย่างที่สหรัฐอเมริกา ที่มีร้านให้นักกีฬาใช้เป็นยาทางการแพทย์ได้ ดังนั้นประเทศไทยต้องออกกฎหมายให้พร้อมก่อนปลดล็อก ไม่ควรปล่อยฟรีก่อนแล้วควบคุม ส่วนกรณีที่ปัจจุบันที่กัญชาถูกปลดล็อกแล้ว ต้องมาพิจารณาหลังได้รัฐบาลใหม่ว่าจะดำเนินการให้กลับไปควบคุม หรือเร่งออกกฎหมายเพื่อควบคุม

     “ตอนนี้จะหักด้ามพร้าด้วยเข่า จะมีกลุ่มต้าน ดังนั้นสิ่งที่เร่งทำคือ ออกกฎหมายควบคุมให้เร็วที่สุด วันนี้ปล่อยผีออกมา หากปล่อยไว้ยิ่งนาน ร้านค้าเอามาใช้ คนบริโภคไม่รู้ ญาติผมโดนแล้วเหมือนกัน กลับบ้านแล้วน็อกเลย ดังนั้นต้องเร่งออกกฎหมายควบคุมประเด็นนี้ ส่วนจะนำกลับไปเป็นยาเสพติดหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาในสภา แต่ผมอยากให้กลับไปเป็นยาเสพติด” นายวราวุธกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เริ่มฮั้วยึดเก้าอี้สว. กกต.จับตาพวกไร้คะแนน-ท็อปไฟว์/‘ทักษิณ’ส่ง‘สมชาย’ดันนั่งปธ.

ประเดิมสมัคร สว.วันแรก มีทั้งพื้นที่คึกคักและกร่อย สะพัด! กทม.เริ่มมีเรื่องฮั้ว รวมกลุ่ม “กกต.” จับตาพวกไร้คะแนนและบรรดาท็อปไฟว์