‘สนธิญา’ขยี้ซํ้า ปม‘พิธา’ถือหุ้น ‘ผู้สมัคร’ส่อโมฆะ

"สนธิญา" ร้อง กกต.สอบคุณสมบัติ "พิธา" ระบุหากผิดจริง ส่งผลผู้สมัครก้าวไกลเป็นโมฆะ “เชาว์" กางกฎหมายปมหุ้นไอทีวี ระบุไร้คำว่าในฐานะผู้จัดการมรดกต่อท้าย ถือเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว แต่ยังมีช่องรอด ด้าน “ศรีสุวรรณ” จี้ กกต.แจ้งพรรคการเมืองต้นสังกัดชายทำร้ายร่างกายปฏิบัติตาม กม. ส่วน "ภูมิธรรม" เต้นแจง ไม่เกี่ยวข้อง พท.

เมื่อวันที่​ 12 พ.ค. ​ที่สำนักงาน​คณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.)​ นายสนธิญา สวัสดี ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ กกต.ตรวจสอบกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ยังถือครองหุ้นในบริษัทสื่อสารมวลชน อาจเข้าข่ายขัดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ​ (พ.ร.ป.)​ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่าการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา​ หากตรวจสอบแล้วพบว่านายพิธามีความผิดจริง จะส่งผลให้จำนวน ส.ส.ไม่ถึง 90% และจะทำให้ไม่สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ เนื่องจากนายพิธาเป็นหัวหน้าพรรคที่ต้องรับรองคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล แต่เมื่อนายพิธาขาดคุณสมบัติเสียเอง จะส่งผลทำให้การรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครพรรคก้าวไกลทุกคนเป็นโมฆะ

นอกจากนี้ นายสนธิญายังกล่าวถึงการขอให้ กกต.ตรวจสอบเพิ่มเติมกรณีนโยบายเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยว่า จะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอีกหรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทยเคยออกนโยบายจำนำข้าวและสร้างความเสียหายให้กับประเทศมาแล้วกว่า 800,000 ล้านบาท ดังนั้น หากเกิดความเสียหายขึ้นอีก พรรคเพื่อไทยต้องชี้แจงให้ได้ว่าจะรับผิดชอบกับความเสียหายนั้นอย่างไร

นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก Chao Meekhuad เรื่อง หุ้นไอทีวีเป็นของใคร….? โดยมีเนื้อหาระบุว่า ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า การถือครองหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อลำดับ 1 และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลนั้น เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามการเป็น ส.ส.และการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่ เนื่องจากเดิมหุ้นดังกล่าวเป็นของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ บิดาของนายพิธา ต่อมาภายหลังที่นายพงษ์ศักดิ์เสียชีวิต เมื่อปี 2549 นายพิธาก็เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการมรดกของนายพงษ์ศักดิ์ตามคำสั่งศาล และมีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงบัญชีผู้ถือหุ้นในชื่อเดิมของนายพงษ์ศักดิ์มาเป็นชื่อนายพิธา ไม่มีคำว่าในฐานะผู้จัดการมรดกเหมือนกรณีโดยทั่วไป จึงเกิดคำถามว่าหุ้นดังกล่าวยังเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของนายพงศ์ศักดิ์ หรือโอนมาเป็นกรรมสิทธิ์ของนายพิธา ในฐานะทายาทแล้ว

อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้มองได้สองมุม คือ 1. จากพฤติการณ์ จะเห็นได้ว่านายพงษ์ศักดิ์เสียชีวิตตั้งแต่ปี 2549 เป็นระยะเวลา 17 ปีกว่าแล้ว การจัดการมรดกโดยนายพิธา ในฐานะผู้จัดการมรดกยังไม่เสร็จสิ้น โดยไม่ปรากฏว่า มีข้อขัดข้องเรื่องการจัดการแบ่งปันทรัพย์มรดกกันระหว่างทายาทซึ่งมีอยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่คน ประกอบกับการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงบัญชีผู้ถือหุ้นจากนายพงษ์ศักดิ์เจ้ามรดกมาเป็นชื่อนายพิธาเพียวๆ โดยไม่มีคำต่อท้ายว่ากระทำในฐานะผู้จัดการมรดกเหมือนกรณีทั่วไป จึงมองได้ว่าหุ้นได้โอนจากกองมรดกมาเป็นกรรมสิทธิ์ของนายพิธาเสร็จเด็ดขาดแล้ว

นายเชาว์กล่าวอีกว่า 2.ตามข้อกฎหมาย หุ้น เป็นทรัพย์สินชนิดหนึ่งของผู้ถือหุ้น เมื่อผู้ถือหุ้นตาย หุ้นนั้นจึงตกทอดแก่ทายาททันทีตามกฎหมาย โดยผ่านกองมรดกของผู้ตาย โดยผู้จัดการมรดกสามารถเข้ามาถือหุ้นแทนผู้ตายเพื่อจัดการแบ่งปันให้ทายาท ซึ่งแม้จะมีข้อจำกัดในการทำหน้าที่ของผู้จัดการมรดกตามกฎหมายไว้หลายประการด้วยกัน แต่ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องตายตัวว่าต้องทำทุกกรณี ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกเป็นสำคัญ ดังนั้น ปัญหาว่าหุ้นดังกล่าวโอนไปเป็นกรรมสิทธิ์ของนายพิธาแล้วหรือไม่ หรือยังเป็นหุ้นในกองมรดกที่นายพิธาถือแทนอยู่ ก็แค่อาศัยคำยืนยันจากบรรดาทายาทและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกองมรดกของนายพงษ์ศักดิ์ หากยืนยันว่าหุ้นดังกล่าวยังไม่ได้มีการแบ่งปันกันระหว่างทายาท  ทางรอดของนายพิธาก็เปิดกว้าง เพราะทำได้ง่ายมาก

“ถ้านายพิธายืนยันได้ด้วยพยานหลักฐาน โดยอ้างคำยืนยันจากบรรดาทายาทว่าถือครองหุ้นดังกล่าวในฐานะผู้จัดการมรดก ทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องไปไล่เรียงอีกว่า บริษัทนี้ยังประกอบกิจการสื่ออยู่หรือไม่ แต่ถ้ายืนยันไม่ได้ เรื่องอาจลากยาวไปอีก เพราะต้องพิสูจน์ว่าบริษัทไม่ได้ประกอบกิจการสื่อแล้ว ทางที่ดีถ้านายพิธามีหลักฐานในมือ ก็แถลงต่อสาธารณะเคลียร์ไปซะเรื่องก็จบ ไม่ต้องรอให้ทีมกฎหมายเป็นฝ่ายชี้แจง อย่างไรก็ตาม หากนำบรรทัดฐานคำพิพากษาศาลฎีกา ที่คืนสิทธิการสมัคร ส.ส.นครนายก เขต 2 ให้กับนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ด้วยเหตุที่การถือหุ้นเอไอเอส ในจำนวนน้อยไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการมาใช้ นายพิธาก็มีโอกาสรอดอยู่มากเช่นกัน” นายเชาว์ กล่าวทิ้งท้าย

วันเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้ใช้อำนาจตาม มาตรา 22 แห่ง พ.ร.ป.​ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ในการสั่งให้พรรคการเมืองต้นสังกัดของบุคคลที่มาทำร้ายร่างกายตนในสถานที่ราชการและหมิ่นประมาท  ได้ยุติการกระทำและปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายโยเคร่งครัด

โดยนายศรีสุวรรณ​กล่าวว่า​ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พ.ค. เวลาประมาณ 11.15 น.ที่ผ่านมา ที่ปรากฏว่ามีชายสูงอายุเดินเข้ามาทำร้ายร่างกายและด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายต่อหน้าสื่อมวลชน ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บต่อร่างกายและจิตใจ ถูกเกลียดชัง ซึ่งตนได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้วบางส่วนตามประมวลกฎหมายอาญา และในอนาคตจะแจ้งความเพิ่มเติมอีกหลายฐานความผิดอีกด้วย การกระทำดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายโดยชัดเจน

นายศรีสุวรรณกล่าวด้วยว่า แต่เนื่องจากชายดังกล่าวยอมรับในรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 ว่าเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองหนึ่ง และเมื่อตรวจสอบพบข้อมูลเบื้องต้น อาจเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองจริง ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง ที่จะต้องตรวจสอบสถานะการเป็นสมาชิกพรรคของบุคคลดังกล่าว และหากพบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองได้บังคับใช้ ม.22 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 โดยพลัน โดยรีบแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองของบุคคลดังกล่าวให้มีมติ หรือสั่งการให้สมาชิกพรรคยุติการกระทำโดยพลัน และกำหนดมาตรการหรือวิธีการที่จำเป็นเพื่อมิให้สมาชิกผู้ใดกระทำการอันมีลักษณะดังกล่าวอีก ทั้งนี้ หากพรรคการเมืองต้นสังกัดของชายสูงอายุดังกล่าวเพิกเฉย ขอให้สั่งให้นายะเบียนพรรคการเมืองเสนอเรื่องต่อ กกต. เพื่อพิจารณามีคำสั่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะตามที่กฎหมายบัญญัติต่อไป

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า บุคคลที่เข้าไปทำร้ายนายศรีสุวรรณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย หรือแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ถูกถ่ายรูปด้วย ซึ่งเป็นสิทธิ์ของนายศรีสุวรรณ หากจะตั้งข้อสังเกตว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ โดยย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การขอถ่ายรูปกับบุคคลสาธารณะถือว่าเป็นเรื่องปกติ ทุกคนสามารถมาถ่ายรูปได้ จึงไม่รู้จักที่มาที่ไป  ส่วนกรณีเสื้อพรรคเพื่อไทย ทุกคนที่ชอบและสนับสนุนพรรคเพื่อไทยก็สามารถใส่เสื้อได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประธาน กกต. แจงความคืบหน้าเลือก สว. ชุดใหม่

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. กล่าวถึงความคืบหน้าของระเบียบ และประกาศกกต. เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า เสร็จไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยมี 1 ฉบับที่ส่งไปแล้ว และอยู่ระหว่างการ