หย่าศึก!ชิงปธ.สภา พิธาหวั่นทำดีลจัดตั้งรัฐบาลล่ม/ผุดชง‘วันนอร์’ผ่าทางตัน

"พิธา" ผวา! ปมชิงเก้าอี้   "ประธานสภาฯ" ขอพรรคพันธมิตรนั่งโต๊ะเจรจา ย้ำให้เกียรติ 7 พรรค เชื่อมีทางออก ชี้พรรคร่วมตั้งรัฐบาลต้องจับมือเกี่ยวแขนกันให้มั่น "รังสิมันต์" มั่นใจ "ก้าวไกล" ไม่ถูกลอยแพ "ภูมิธรรม" ระบุ "ปธ.สภาฯ" ต้องคุยกันให้จบ "แฟนคลับเพื่อไทย" หนุนดัดหลัง ก.ก.ถอนตัว "สุธรรม" ป้อง "ทักษิณ" เคลื่อนไหวไม่เกี่ยวปั่นกระแส บอกท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่-เป็นคนซื่อๆ "เสรีรวมไทย" หนุน "วันนอร์" แก้ปัญหาปมร้อน "หน.ประชาชาติ" หย่าศึก วอนอย่ามัวทะเลาะกัน หวั่นกระทบเชื่อมั่น ปชช.

เมื่้อวันที่ 26 พ.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า เรื่องประธานสภาฯ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้   เป็นเรื่องความเห็นไม่ตรงกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่เล็กมาก ถ้าหากเทียบกับภารกิจที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พวกเรามา ดังนั้นพรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือเกี่ยวแขนกันไว้ให้มั่นคง ทำภารกิจยุติสืบทอดอำนาจรัฐประหาร พาประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยให้สำเร็จจงได้

"พวกเราต่างก็รับทราบวิธีคิด หลักการ เหตุผล ของทุกฝ่ายชัดเจนแจ่มแจ้งในประเด็นนี้กันแล้ว ดังนั้นผมขอให้เรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ นี้ให้พรรคร่วมรัฐบาลกลับไปพูดคุยกันผ่านตัวแทนแต่ละพรรคในวงเจรจาจะดีที่สุด ตอนนี้ขอให้ทุกพรรคเดินหน้าทำงานปรับจูนนโยบายร่วมกัน ตั้งรัฐบาลให้สำเร็จตามความคาดหวังของประชาชนครับ"

จากนั้นเวลา 13.00 น. นายพิธาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้งว่า คิดว่าทั้ง 8 พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลต้องร่วมมือกันและมีการพูดคุยกัน โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาใน 2-3 วันนี้ ทั้งตนและประชาชนต่างก็ได้ยินมาแล้วว่ามีความต้องการอย่างไร ซึ่งทางที่ดีที่สุดคือการพูดคุยกันในทีมเจรจาที่เราได้ตั้งเอาไว้ และปรับเรื่องของนโยบายในช่วงเวลาอีก 1-2 เดือนข้างหน้าที่จะทำนโยบายร่วมกันและแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะกลับไปพูดคุยกันในทีมเจรจา

"คิดว่าทุกท่านมีทางออก ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ซึ่งต้องให้เกียรติพรรคร่วมอีก 7 พรรคที่เหลือ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะพูดคุยกันอย่างไร แสดงเหตุและผลกันอย่างไร ทำให้ประชาชนไม่เสียกำลังใจและเสียความหวัง และไม่เสียสมาธิในเรื่องใหญ่ๆ ของประเทศ" นายพิธากล่าว

ถามว่า เชื่อใจพรรคเพื่อไทย (พท.) จะไม่ถอนตัวจากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า เชื่อใจ เวลาทำงานการเมืองก็ต้องเริ่มต้นจากการเชื่อใจซึ่งกันและกัน เมื่อถามอีกว่ารอยร้าวของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะสมานได้หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ได้แน่นอน เป็นเรื่องปกติของการทำงาน ซึ่งอาจจะมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่ถ้าเรานำประชาชนมาเป็นที่ตั้ง และกลับมาพูดคุยกันอย่างมีเหตุมีผล ตนว่าทุกอย่างมีทางออก

ซักว่า มีความกังวลหรือไม่กรณีแฟนคลับ พท.เตรียมจัดชุมนุมวันที่ 28 พ.ค.ให้พรรคถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล  หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ไม่ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก วิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบประชาธิปไตย แต่กระบวนการสำคัญคือการพูดคุยกัน การปรับจูนเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อได้เหมือนอย่างที่ประชาชนได้ไว้วางใจเรา

โรมเชื่อ ก.ก.ไม่ถูกลอยแพ

ส่วนนายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงประเด็นประธานสภาฯว่า ตอนนี้มีหลายความเห็น แต่ในส่วนของพรรคเชื่อมั่นว่าการมีตำแหน่งประธานสภาฯ จะเกิดประโยชน์ หากเป็นคนของพรรคก้าวไกล ซึ่งหากให้พูดตรงไปตรงมา พรรคมีหลายวาระที่ต้องการผลักดัน และไม่ใช่เรื่องของพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของสังคม เช่น การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การทำให้กฎหมายเปลี่ยนประเทศสามารถดำเนินการได้ รวมถึงกลไกที่จะทำให้โครงสร้างของสภามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อย่างเรื่องของงบประมาณของสำนักงบฯ สภาฝ่ายกฎหมายที่เราอยากจะยกระดับ นอกจากนี้พรรคก้าวไกลยังมีโครงการที่จะผลักดันสภาเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นกลไกที่อยากทำให้การเมืองเปลี่ยนไป

"เรายืนยันแม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่ก็สามารถทำได้ ถ้าเราดูตำแหน่งประธานสภาฯ พรรคมีแผนชัดเจน สามารถตอบคำถามประชาชนได้ว่าถ้าได้ตำแหน่งประธานสภาฯ เราจะทำอะไรเพื่อประชาชน และทำอย่างไรให้ประเทศนี้เปลี่ยนแปลง" นายรังสิมันต์กล่าว

ถามว่า พรรคเพื่อไทยประกาศตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ใช่วาระของพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง จะส่งผลกระทบต่อพรรคร่วมรัฐบาลและความเชื่อใจต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ โฆษกพรรค ก.ก.กล่าวว่า เรื่องความเชื่อใจ เราเชื่ออยู่แล้วในตัวพรรคร่วม ไม่เช่นนั้นคงไม่ร่วมกัน ขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่ต้องการทำร้ายใครหรือเอาเปรียบใคร

ซักว่าจากประเด็นนี้กังวลเรื่องพรรคจะถูกลอยแพหรือไม่ โฆษกพรรค ก.ก.กล่าวว่า ยังไม่คิดถึงขั้นนั้น บนพื้นฐานที่ทำงานอยู่ ทุกคนที่เข้ามา เราให้ความไว้วางใจอย่างเต็มที่ เพราะท้ายที่สุดต้องคุยกันหลายเรื่อง ยืนยันว่าข้อกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลกินรวบทุกตำแหน่งไม่เป็นความจริง

ขณะที่เพจพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความตอนหนึ่งระบุว่า ประธานสภาฯ ควรเปิดทางผลักดันทุกนโยบายของ พรรคร่วมรัฐบาลให้สำเร็จ ไม่ใช่ผลักดันวาระของพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น ปัจจุบันที่เป็นรัฐบาลผสม มีภารกิจสำคัญใน MOU ร่วมกัน ไม่ว่าประธานสภาฯ จะเป็นใคร มาจากพรรคใด ก็ต้องทำภารกิจร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย หากจะพิจารณากันอย่างถ่องแท้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 และ 119 ประธานสภาฯ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง โดยเป็นประธานของ ส.ส.ทั้งสภา ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล

"ในกรณีนี้เราชนะมาด้วยกัน ก็ควรทำงานร่วมกันด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หลีกเลี่ยงที่จะใช้มวลชนกดดัน แต่ควรหาทางทำภารกิจเพื่อประชาชนร่วมกันให้สำเร็จ ประเทศจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด" เพจพรรคเพื่อไทยระบุตอนท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเพจพรรคเพื่อไทยโพสต์เรื่องดังกล่าว ได้มีผู้สนับสนุนพรรคแชร์ข้อความออกไปเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างเผ็ดร้อน ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย และบางส่วนเชียร์ให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล

พท.ต้องคุยเก้าอี้ ปธ.สภาฯ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า เดิมทีทั้งสองพรรคมีการตั้งทีมเจรจาในเรื่องต่างๆ อยู่ รวมถึงเรื่องของตำแหน่งประธานสภาฯ ด้วย ซึ่งทีมเจรจาของพรรค พท.ได้เสนอเรื่องดังกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วว่าตำแหน่งประธานสภาฯ ควรเป็นของพรรค พท. เพราะพรรค ก.ก.ได้ตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารไปแล้ว ทางทีมเจรจาของพรรค ก.ก.ได้ระบุว่าจะรับไปพิจารณาหารือกันภายใน แล้วจะประสานกลับมา ซึ่งทางเราก็รออยู่จนถึงตอนนี้ และก็ยังไม่ได้รับการประสานกลับมาเพื่อเชิญเราพูดคุยถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด ดังนั้นการแถลงหรือพูดเรื่องดังกล่าวของสมาชิกพรรค ก.ก. ถือว่าเป็นเสียงสะท้อนของบุคคลนั้นๆ ไม่ใช่จากตัวแทนของทีมเจรจาแต่อย่างใด

 “ทุกพรรคมีสิทธิ์คิดได้ แต่ควรหารือกันด้วยเหตุผลจนได้ข้อสรุปผ่านทีมเจรจาของทั้งสองฝ่ายก่อนที่ใครจะมาแถลงต่อสาธารณะ หากตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นของพรรค พท. การเดินหน้าผลักดันกฎหมายต่างๆ ย่อมว่ากันไปตามกฎหมาย กฎระเบียบวาระของสภา ไม่มีอะไรที่ต้องขัดแย้งหรือต้องวิตกกังวล อะไรที่ทำได้ก็ทำ อะไรที่ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ ทุกเรื่องว่ากันไปตามกฎระเบียบข้อบังคับ ไม่ใช่ว่ากันตามอำเภอใจของใครหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง” นายภูมิธรรมกล่าว

ถามว่า มีหลายฝ่ายเสนอให้ตั้งคนกลางอย่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา  หัวหน้าพรรคประชาชาติ นั่งประธานสภาฯ แทนเพื่อแก้ปัญหา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกเรื่องยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าต้องพูดคุยในวงเจรจาของสองพรรคเท่านั้น รวมถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งพรรค พท.ยืนยันหลักการนี้มาตลอด การพูดคุยข้างนอกมีแต่จะสร้างความแตกแยกและสร้างปัญหามากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จังหวัดขอนแก่น ได้โพสต์คลิปติ๊กต็อกผ่านทวิตเตอร์บัญชีส่วนตัว เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการกินรวบไม่กินแบ่ง แถมระแวงเพื่อนร่วมทาง ไม่นานคงอับปาง จอดข้างทางไร้คนเชียร์ ต้องแสวงหามิตรนะครับ เพื่อนร่วมทางคุณยังไม่ไว้ใจ แล้วคุณจะดินต่อไปแบบมีเสถียรภาพได้อย่างไร ประธานสภาฯ ต้องบาลานซ์ออฟเพาเวอร์ (ถ่วงดุลอำนาจ) คุณได้บริหาร คุณจะได้นิติบัญญัติไปคุณต้องได้เสียงเกินครึ่งอย่างเด็ดขาด ในเมื่อเสียงไม่เกินครึ่ง คุณต้องแบ่งให้คนอื่น ไม่ใช่กินรวบทุกตำแหน่ง

ขณะที่นายสุธรรม แสงประทุม ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยปรึกษาหารือกัน ซึ่งยังมีเวลาอีกประมาณ 15 วัน ยังทันที่จะหาคนที่เหมาะสมที่สุด ไม่ใช่ดีที่สุดสำหรับพรรคใดพรรคหนึ่ง อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ โดยตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นกลไกสำคัญในการจะต้องมาทำงาน ไม่อยากให้กลไกนอกสภามาพลิกผันเจตนาลวงจากการเลือกตั้ง เชื่อว่าทุกฝ่ายตกลงกันได้ในเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ โดยประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง

"MOU เดินหน้าไปได้ 90% ไม่อยากให้การแสดงความเห็นนอกระบบมาก่อกวนหรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาชนฝ่าฟันใช้ปากกาเข้าคูหาสู้กับอำนาจมืด มากำจัดวงจรสืบทอดอำนาจอย่างมหัศจรรย์ที่สุด จึงไม่อยากให้สิ่งที่ประชาชนมอบหมายมาเสียของ" นายสุธรรมกล่าว

ถามว่า ปัญหาเก้าอี้ประธานสภาฯ มีแรงกดดันถึงให้ พท.ถอนตัวจากการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสุธรรมกล่าวว่า ไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น เพราะเชื่อว่าพรรคมีวุฒิภาวะทางการเมือง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ประสบความสูญเสียที่หนัก จึงเชื่อว่าพรรค พท.จะรับรู้ความรู้สึกความคาดหวังของประชาชนและเป็นผู้ใหญ่ที่จะนำพาเจตนารมณ์นี้ไปประสบความสำเร็จให้ได้

เมื่อถามถึงข้อสังเกตที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวขบวนร่วมต่อกรกับพรรคก้าวไกล และไฟเขียวให้คนของพรรค พท.ทำเช่นนั้น นายสุธรรมยืนยันว่า ไม่มี เพราะนายทักษิณให้ความเมตตาคนรุ่นใหม่เสมอ และเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน และเป็นผู้ถูกกระทำโดยละเมิดหลักการมาโดยตลอด เชื่อว่านายทักษิณเป็นผู้ใหญ่เป็นคนง่ายๆ ซื่อๆ ตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่ตนคบมา บางครั้งแสดงง่ายเกินไป ซื่อเกินไปก็เข้าใจท่านผิดไปอีก ส่วนตัวปรารถนาให้นายทักษิณกลับมาเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน นำประสบการณ์มาช่วยบ้านเมืองต่อไปตามช่องทางที่คนสูงอายุคนหนึ่งให้กับบ้านเมืองได้ ไม่เชื่อว่ามีใครจะสามารถชี้นำเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ของประชาชนได้

ซักถึงการรีทวีตข้อความนายดวงฤทธิ์ บุนนาค ของนายทักษิณ ว่าที่ ส.ส.พท.รายนี้ระบุว่า เป็นเพียงความเห็นประกอบที่อาจมีบ้าง แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่าทุกฝ่ายน่าจะหยุดท้วงติงได้แล้ว ให้สภาเป็นทางออกรวม เพราะตั้งแต่นี้ไปรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งจะเป็นที่ถกเถียงทุกปัญหา ลดข้อขัดแย้ง หาข้อสรุปที่ดีกว่าให้ได้ทุกเรื่อง

หนุน 'วันนอร์' เป็นทางออก

วันเดียวกัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงปัญหาประธานสภาฯ ว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอนักวิชาการถึงทางออกที่ว่าให้พรรคที่ 3 ในพรรคร่วม 8 พรรคเป็นคนกลาง รับตำแหน่งประธานสภาฯ เช่น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นผู้มีความอาวุโส และเคยเป็นประธานสภาฯ มาแล้ว รู้กฎระเบียบ

"การเลือกตั้งปี 2562 พลังประชารัฐ ได้ 118 เสียงก็ได้นายกฯ แต่ประชาธิปัตย์ 58 เสียง ได้ประธานสภาฯ แต่ไม่เห็นด้วยข้อเสนอการแบ่งคนละครึ่ง หรือคราวละ 2 ปี ระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล เพราะบ้านเมืองไม่ใช่ตัวตลกแบ่งครึ่งประธานสภาฯ หรือแบ่งครึ่งนายกฯ" หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยระบุ

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ว่า ต้องมีความเหมาะสมในหลายประการ เพราะเป็นเบอร์หนึ่งของฝ่ายนิติบัญญัติ เรื่องประสบการณ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น  แต่ความตั้งใจย่อมสำคัญกว่า ไปจนถึงความเหมาะสม บุคลิกภาพการวางตัวก็สำคัญ ส่วนเรื่องวัยอายุนั้นไม่น่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับยุคสมัยนี้ เพราะปัจจุบันคนหนุ่มคนเก่งเยอะ อาจจะดีกว่าผู้สูงอายุด้วยซ้ำไป

"อุปสรรคสำหรับเวลานี้ คือพรรคเสียงข้างมากที่จะจัดตั้งเป็นรัฐบาล ต้องตกลงทำความเข้าใจกันว่าจะเสนอบุคคลใดเป็นประธานสภาฯ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีความขัดแย้งตั้งแต่ตอนต้น เมื่อเข้าไปโหวตในสภาก็จะมีปัญหา โดยทุกครั้งจะมีการตกลงชื่อบุคคลก่อนเข้าไปสู่การโหวต และตามธรรมเนียมส่วนมากประธานสภาฯ จะเป็นของพรรคอันดับ 1 นอกจากในบางครั้งที่มีความจำเป็นเท่านั้นอาจจะไม่ใช่พรรคอันดับ 1 ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อย ส่วนพรรคอันดับ 2 ที่ร่วมรัฐบาลและไม่ได้เป็นประธานสภาฯ จะได้โควตารองประธานสภาฯ คนที่ 1 และพรรคอันดับ 3 จะถูกวางตัวเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตามลำดับ" นายวันมูหะมัดนอร์กล่าว

ถามว่า มีความพยายามต่อรองของพรรคอันดับ 2 จะทำอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าวว่า อยากให้คุยกัน ซึ่งยังมีเวลาจนกว่าจะมีการรับรอง ส.ส.ทั้ง 500 คน ควรจะคุยกันภายในให้ตกลงกันได้ระหว่างหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคทั้งสองฝ่าย ไม่ควรจะเอาความขัดแย้งไปกระจายออกข้างนอก เพราะประชาชนมีความหวังว่ารัฐบาลใหม่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศและต่างประเทศได้ ถ้ามัวทะเลาะกันความเชื่อมั่นก็จะลดไป ดังนั้นไม่ควรเอาความขัดแย้งแสดงออกข้างนอก การสร้างความเข้าใจหาข้อตกลงที่ดี ควรทำเป็นการภายในจะดีกว่า" หัวหน้าพรรคประชาชาติระบุ

นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลว่า วันนี้สิ่งที่น่าตำหนิคือพรรคเพื่อไทย ถ้าคิดว่าตัวเองจะอยากตั้งรัฐบาลเอง ก็ตั้งไปเลย จะได้รู้แพ้รู้ชนะ และสร้างความชอบธรรม คุณเคยประกาศไม่เอา 2 ป. แล้วถ้าวันนี้จะมากลับด้านก็แล้วแต่คุณ ซึ่งพรรคก้าวไกลเขายืนยันแล้วว่าถ้ามี 2 ป.ก็ไม่มีก้าวไกล

"การที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นการยอมรับแล้วใช่หรือไม่ว่าเบื้องหลังเรื่องนี้คืออะไร ขณะที่นายทักษิณก็ไม่ยอมอยู่นิ่ง เช่นเดียวกับนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ออกมาผสมโรงด้วย ซึ่งถ้าหากนายทักษิณทำตัวแบบนี้ พรรคเพื่อไทยจะกลายเป็นแบบพรรคประชาธิปัตย์ คือเลือกตั้งครั้งต่อไปคะแนนจะยิ่งลดลงเรื่อยๆ" นายอุเทนระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ก้าวไกล' งดออกเสียงญัตติส่งศาลวินิจฉัยอำนาจรัฐสภา 'ชัยธวัช' ด่าศาลรธน.

การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาญัตติ เรื่องขอให้