ลากเคาะ‘ปธ.สภา’ เจรจาสรุปไม่ใช่โควตาพรรค ‘พท.-ก.ก.’โชว์หวานสยบร้าว

ถก 8 พรรคพันธมิตรชื่นมื่น ตั้งคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนรัฐบาล "พิธา" นั่งประธาน ผุด 7 คณะแก้ปัญหาประเทศ ชี้เก้าอี้ "ประธานสภาฯ" ไม่เป็นอุปสรรคการจัดตั้งรัฐบาล จี้ กกต.เร่งรับรอง ส.ส. "ชลน่าน" โชว์หวานประกบมือเป็นรูปหัวใจคู่ "ทิม" ให้คำมั่น "เพื่อไทย" ล่มหัวจมท้าย "ก้าวไกล" แย้มแก้ปม "ปธ.สภาฯ" ตัดโควตาพรรคออก ยึดต้องพูดคุยได้ทุกฝ่าย "บิ๊กตู่" ระบุนักลงทุนกังวลจัดโฉมรัฐบาลใหม่ "ลุงป้อม" ปัดตอบดีลลับ "สุชาติ" แจงข่าว "ประยุทธ์" บอก ส.ส.รทสช.ให้รอก่อนอาจได้ตั้งรัฐบาลอีกครั้ง  แค่กลยุทธ์การเมือง

ที่พรรคประชาชาติ วันที่ 30 พ.ค. เวลา 14.30 น. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นัดประชุมความคืบหน้า 7 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย,  พรรคประชาชาติ, พรรคไทยสร้างไทย,  พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ ที่ห้องประชุมพรรคประชาชาติ ชั้น 2
โดยตั้งแต่เวลา 13.45 น. แกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ทยอยเดินทางมาที่ทำการพรรคประชาชาติ อาทิ นายพิธา, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ก.ก., นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก., นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.), นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค พท.,  นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย,  ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม, นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม, นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ เป็นต้น             

นายพิธาให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า วันนี้​ตั้งใจมาร่วมประชุมคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยคิดว่ามีคำถามที่ประชาชนต้องการคำตอบหลายเรื่อง อาทิ เรื่องภัยแล้ง เรื่องอุทกภัย เรื่องเรือดำน้ำ และเรื่องการประชุมสหประชาชาติครั้งแรกในรัฐบาลชุดใหม่ อยากหารือเรื่องกระบวนการการทำงาน จึงอยากนัดประชุมทุก 1-2 สัปดาห์ โดยเอาปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง

ถามว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภาฯ หรือไม่ นายพิธา ยืนยันว่า ไม่มี

เมื่อถามว่า การตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล จะเป็นการละลาบละล้วงข้าราชการปัจจุบันที่ทำงานให้รัฐบาลรักษาการหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ไม่มีการละลาบละล้วง คณะทำงานจะเป็นผู้พูดคุยกับข้าราชการ แต่หากข้าราชการอยากพูดคุยกับพรรคการเมือง ก็เป็นสิทธิของเขา

"เราไม่เคยเข้าไปละลาบละล้วงขอข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณ การเดินสายพูดคุยหน่วยงานราชการเป็นคนเชิญเราเอง คาดว่าเป็นการเชิญในฐานะพรรคการเมือง ที่อาจมีความกังวลใจอยู่หลายเรื่องที่ค้างวาระในคณะรัฐมนตรีเดิมที่ต้องผลักดัน แต่การพบแต่ละครั้งไม่ได้เข้าไปสั่ง ซึ่งวันนี้จะย้ำในที่ประชุมถึงแนวทางการทำงานเรื่องนี้ให้ระวังมากขึ้นด้วย ก่อนบอกจะปฏิบัติตามหลักการทำงานสากลว่าสามารถทำได้แค่ไหนอย่างไร เพื่อทำให้ประชาชนมีความหวัง และให้ข้าราชการมีภาระน้อยที่สุด" นายพิธากล่าว

เช่นเดียวกับ นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมว่า กรอบวาระการประชุมเท่าที่ดูจากที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. ได้มอบให้ 8 พรรค มี 4 วาระ ซึ่งในการประชุมไม่ได้กำหนดระเบียบวาระเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ไว้ แต่มีวาระที่ 4 คือวาระอื่นๆ ถ้าเพื่อนสมาชิกหรือพรรคร่วมคนอื่นๆ มีความประสงค์ที่จะเสนอ เป็นข้อเสนอเพื่อนำขึ้นมาพิจารณาได้ ในที่ประชุมก็จะมีกระบวนการในการพิจารณาหรือไม่ เพราะข้อเสนอที่ส่งไปให้ทางคณะกรรมการที่จะพูดคุยเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะระหว่างพรรค พท.และพรรค ก.ก. ที่คงจะต้องมีการพูดคุยกันเป็นเรื่องเฉพาะไป ทั้งนี้ การพูดคุยถึงลักษณะการทำงานร่วมกัน คงไม่มีข้อสรุปในการพูดคุยครั้งเดียว เราต้องหาข้อสรุปที่ดีและเหมาะสมที่สุดในการทำงานร่วมกัน

"เรื่องแบ่งโควตาคณะรัฐมนตรีก็ไม่น่าจะมี ให้เป็นไปตามวาระการประชุม เพราะการพูดคุยการทำงานในลักษณะของบุคคลน่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่เราวางแนวทางในการปรึกษาหารือเรื่องการจัดทำนโยบายร่วมกันแล้ว เมื่อได้ภารกิจแล้วคงจะต้องมีการมาปรึกษาหารือกันอีกครั้ง" นพ.ชลน่านกล่าว

พ.ต.อ.ทวีให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมถึงปัญหาตำแหน่งประธานสภาฯ ว่า เชื่อว่าพรรค ก.ก.และพรรค พท.จะมาคุยกัน ถ้าทั้งสองพรรคตกลงกันได้ก็เป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ ในการเลือกประธานสภาฯ และนายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และจริยธรรม ไม่มีเรื่องอายุมากหรือน้อย  

ถามว่า มีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ กำลังรอส้มหล่นตั้งรัฐบาล พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ประชาชนไม่ได้อยู่รับใช้รัฐบาล รัฐบาลต้องรับใช้ประชาชน ไม่มีส้มหล่น แต่พรรคส้มควรเป็นรัฐบาล   

8 พรรคตั้ง กก.เปลี่ยนผ่าน

ต่อมาภายหลังการประชุมกว่า 2 ชม. เวลา 16.15 น. พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค นำโดยนายพิธา ร่วมกันแถลงผลการหารือ โดยนายพิธาแถลงว่า หัวหน้าพรรค 8 พรรคมีมติตั้งคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน 9 ราย มี ตนเป็นประธานคณะกรรมการการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ตัวแทนจากพรรคก้าวไกล, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ตัวแทนจากพรรคประชาชาติ, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ตัวแทนจากพรรคไทยสร้างไทย, นายวิรัตน์ วรศสิริน ตัวแทนจากพรรคเสรีรวมไทย, นายกัณวีร์ สืบแสง ตัวแทนจากพรรคเป็นธรรม, นายวสวรรธน์ พวงพรศรี ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยรวมพลัง, นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ ตัวแทนจากพรรคพลังสังคมใหม่ ร่วมเป็นกรรมการ โดยจะมีการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 6 มิ.ย.นี้ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพ 

นอกจากนี้ ตั้งคณะทำงาน 7 คณะ คือ 1.คณะติดตามค่าไฟ น้ำมัน ดีเซล พลังงาน 2.คณะติดตามปัญหาภัยแล้ง 3.คณะติดตามปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ 4.คณะติดตามการแก้รัฐธรรมนูญ 5. คณะกรรมการติดตามเศรษฐกิจปากท้อง เอสเอ็มอี 6.ทำงานแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม PM 2.5 และ 7.คณะทำงานติดตามเรื่องแก้ปัญหายาเสพติด

"แต่ละคณะประกอบไปด้วยตัวแทนแต่ละพรรคจะหาทางออกร่วมกันในการแก้ไขปัญหาประเทศ พร้อมกลั่นกรองเป็นนโยบาย บริหารประเทศที่จะแถลงต่อรัฐสภา ในฐานะฝ่ายบริหาร และหลังจากนี้จะตั้งคณะทำงานเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับเอ็มโอยู 23 ข้อในสัปดาห์หน้า ซึ่งเรายืนยันการทำงานเป็นไปด้วยดีและสามัคคี เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน ส่วนการจัดสรรตำแหน่งฝ่ายบริหารจะเกิดขึ้นหลังจากการทำงานร่วมกัน ซึ่งจะยึดวาระ 23 ข้อในเอ็มโอยูเป็นตัวตั้ง" นายพิธากล่าว 

หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวว่า สำหรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะหารือกัน และขอยืนยันประเด็นดังกล่าวจะไม่เป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เราเตรียมพร้อมบริหารราชการแผ่นดิน และหวังว่าคณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศรับรอง ส.ส.โดยเร็ว เพื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร จากนั้นเพื่อเข้าสู่การตั้งรัฐบาลโดยเร็วเพื่อไปผลักดันนโยบายต่างๆ

ด้าน นพ.ชลน่านกล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนเรื่องการทำงานร่วมกันของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล ตนในฐานะตัวแทนพรรค  พท. เราได้รับมอบอาณัติจากประชาชนมอบหมายให้พรรค พท.และพรรค ก.ก.รวมกัน 25 ล้านเสียง ฉะนั้นประชาชนมีเจตจำนงเช่นนี้เราก็ปฏิเสธไม่ได้ จะทำความฝันของประชาชนให้บรรลุ คือรัฐบาลจากฝ่ายเสรีประชาธิปไตยที่ต้องการปิดกั้นอำนาจไม่ชอบธรรมทั้งหลาย เราสองฝ่ายเห็นตรงกัน เป็นการมัดที่แน่น เป็นข้อผูกมัดที่เราคำนึงถึงเป็นอย่างมาก ให้ความมั่นใจไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะอยู่ด้วยกันตลอด 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ นพ.ชลน่านพูดเสร็จได้พูดหยอกตอนท้ายกับสื่อว่า “หวานไหม หวานไหม” และมีการกอด  จับมือนายพิธา พร้อมประกบมือกับนายพิธาเป็นรูปหัวใจ โดยระบุปิดท้ายว่า “เน้นย้ำไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เพื่อตั้งรัฐบาลของพี่น้องประชาชนให้ได้” 

ถามว่า ที่พูดว่าเพื่อไทยกับก้าวไกลอยู่ด้วยกันตลอดนั้น สมมติหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายพิธาหรือพรรคก้าวไกล เพื่อไทยและพรรคร่วมจะจับมือจัดตั้งรัฐบาลอยู่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่มีสมมติหรืออุบัติเหตุ แต่ยืนยันไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น เชื่อว่า 8 พรรคอยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะก้าวไกล  เพื่อไทย จะเป็นพรรคหลักที่จะนำเรื่องนี้ขอให้ความมั่นใจ

ปธ.สภาตัดโควตาพรรคออก

 “ไม่มีแต่ เราจัดตั้งรัฐบาลด้วยกันอยู่แล้ว ต้องการจัดตั้งโรดแมป แต่ไม่ได้จัดตั้งตามกระทรวง จัดตั้งตามเอ็มโอยู  เพราะเอ็มโอยูคือวาระร่วม จัดตั้งคณะทำงานตามเอ็มโอยูสัปดาห์ก่อน เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าเอ็มโอยูไม่ใช่กระดาษเปล่า แต่มีคณะทำงานทำได้จริง” นพ.ชลน่านกล่าว

หัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า พรรคมี 3 ประเด็นที่จะแจ้งแก่ประชาชนคือ 1.พรรคเพื่อไทยสนับสนุนภารกิจที่เราได้แถลงต่อสื่อวันนี้ คือคณะกรรมการประสานงานระยะเปลี่ยนผ่าน จนคณะทำงานชุดต่างๆ คาดหวังนโยบายที่ดีที่สุดของรัฐบาลพวกเรา เป็นคำแถลงนโยบายที่ดีที่สุด นั่นคือเป้าหมายของพวกเรา

2.การจัดสรรตำแหน่งต่างๆ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าเป็นการแบ่งงานกันทำตามวาระงาน ที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกฯ จะใช้วาระงานเป็นหลัก เสนอร่วมกันในเอ็มโอยู กระทรวงใดก็แล้วแต่ จะยึดเป็นเรื่องสำคัญ และ 3.ดีลล้วงดีลลับต่างๆ พรรคเพื่อไทยยืนยันจะเปลี่ยนเป็นดีลรักให้หมด เพื่อรัฐบาลของพี่น้องประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว นพ.ชลน่านและนายพิธาได้นำมือมาประกบกันเป็นรูปหัวใจด้วยกันอีกครั้ง

นพ.ชลน่านให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสมชาย แสวงการ ส.ว. โพสต์รูปภาพนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ ผ่านเฟซบุ๊กพร้อมระบุข้อความว่า  “ท่านประธานที่เคารพ ต้นแบบประธานรัฐสภาที่ดี ประมุข 1 ใน 3 อำนาจอธิปไตย เลือกให้ดีหาใช่แค่ใครก็เป็นได้ งานการเมืองอย่าทำเล่นเด็กขายของ” ว่า เป็นความเห็นของ ส.ว.ท่านหนึ่ง ตนขอไม่มีความเห็น

"วันนี้คณะเจรจาได้ข้อสรุปที่ดีมาก คือการเจรจาตำแหน่งประธานสภาฯ  ต้องไม่เป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอด ฉะนั้นการพูดถึงตำแหน่งประธานสภาฯ เราต้องตัดว่าเป็นโควตาของพรรคใดออกไป เราต้องจับมือกันเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด จะเป็นใครก็ได้ที่เป็นความเห็นร่วมกัน สำคัญที่สุดคือตำแหน่งประธานสภาฯ  ต้องสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาล" นพ.ชลน่านกล่าว 

ถามว่า พรรค พท.ได้วางตัวใครไว้แล้วหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ยังไม่มี  เพียงแต่เสนอในหลักการ ส่วนตัวบุคคลนั้นยังไม่มีการพูดถึง และเป็นเรื่องภายใน ซึ่งในมุมที่เราพูดคุยกันนั้นต้องเหมาะสมและสามารถคุยกันได้สำหรับทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่เฉพาะพรรค พท.หรือพรรค ก.ก.เท่านั้น

ซักถึงความชัดเจนเรื่องประธานสภาฯ จะทันกรอบการประชุมเพื่อเลือกประธานสภาฯ หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องทันครับ ช้าที่สุดคือวันที่ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส. ทั้งนี้จะไม่ถึงนาทีสุดท้าย เราจะพูดคุยกันไปเรื่อยๆ  เพื่อสร้างความมั่นใจ อะไรที่สามารถเป็นความเห็นร่วมกันได้เราจะมาแถลงให้กับประชาชนทราบ 

ขณะที่นายพิธาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหุ้นไอทีวีว่า ไม่มีทางกังวล โดยจะต้องดูรายละเอียดคำร้อง ในขณะนี้ยังไม่สามารถให้ความเห็นอะไรได้ เนื่องจากอาจจะกระทบต่อสำนวน และอยู่ในกระบวนการอยู่ จะได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายทางออกในเรื่องนี้

ถามถึงนโยบายขึ้นค่าแรง 450 บาทที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ นายพิธากล่าวว่า ให้คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจหารือกันและจากการหารือเบื้องต้นกับสภาอุตสาหกรรม ได้ย้ำถึงความจำเป็นต้องขึ้นค่าแรงโดยอ้างอิงถึงตัวเลข GDP เงินเฟ้อ ซึ่งหากภาคเอกชนต้องการมาตรการสนับสนุนพร้อมที่จะรับฟัง

ตู่ชี้นักลงทุนกังวล รบ.ใหม่

นอกจากนี้ นายพิธายังกล่าวถึงประเด็นการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดให้โทษว่า จะหาจุดสมดุลระหว่างกัญชาทางการแพทย์ ส่วนกัญชาสันทนาการจะต้องมีการคุมจัดโซนนิง และเตรียมรองรับจัดทำกฎหมายนิรโทษกรรมสำหรับร้านที่เปิดจำหน่ายกัญชาตามกฎหมาย ส่วนเรื่องของการผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมนั้น ชี้แจงว่าไม่ได้เป็นการบังคับ แต่จะใช้สำหรับผู้ที่สมัครใจ ซึ่งรายละเอียดจะต้องติดตามจากกฎหมายที่จะออกมา

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยกล่าว “สวัสดีนะครับสื่อมวลชนที่รักทุกท่าน ทั้งประชาชนที่รับฟังอยู่ทางบ้านด้วย การประชุม ครม.มีหลายเรื่องทั้งเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ภายหลังการแถลงผลการประชุมเสร็จสิ้น นายกฯถามสื่อมวลชนว่ามีอะไรอีกไหม ไม่มีประเด็นข่าวไม่รู้จะส่งไปกอง บ.ก.อย่างไรใช่หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศที่นายกฯ เคยคุยไว้ก่อนหน้านี้ หลังการเลือกตั้งได้มีปฏิกิริยาอะไรกลับมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็ห่วงกังวลอยู่เหมือนกัน มันจะออกมาในรูปไหนอย่างไร เพราะหลายอย่างก็มีคนออกมาพูดเยอะแยะไปหมด จะทำตรงโน้นตรงนี้ มันก็เกิดการต้องทบทวนอีกทีเหมือนกัน ตนก็เป็นกังวลเรื่องนี้ เพราะหลายๆ อย่างมันกำลังดีอยู่ในขณะนี้ สิ่งที่รัฐบาลทำมาคือการแก้ปัญหาการลงทุนจากภายนอก เพราะภายในอยู่ในวงจรของเราอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาทั้งภายในและเอาคนลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในประเทศ จะได้เป็นการเพิ่มรายได้จีดีพีของเราขึ้นมา ถ้าเราไม่พูดถึงการลงทุนต่างประเทศหรือเอาเขาเข้ามาน้อยลงไปมันก็กลายเป็นน้ำหนักอยู่ตรงนี้ ก็จะเป็นภาระเหมือนกัน หลายท่านคงฟังแล้วที่เขาไปพบปะเยี่ยมเยียนกัน อันนั้นเป็นสิ่งที่เขาคุยได้ เพราะไม่ใช่ส่วนราชการ

ถามว่า นายกฯ จะมีส่วนช่วยทำให้เกิดความเชื่อมั่นอะไรขึ้นมาหรือไม่ในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมไม่เกี่ยวข้องตรงนี้ ผมบอกตั้งหลายครั้งแล้วผมไม่เกี่ยวข้อง ผมทำหน้าที่ของผมคือการเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการให้ดีที่สุด อันนั้นเป็นเรื่องของทางการเมือง ก็ว่ากันไปสิ”

ย้ำว่า การให้ความมั่นใจกับนักลงทุนในระหว่างที่ยังไม่ตั้งรัฐบาลใหม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใครจะเป็นรัฐบาลใหม่ก็ต้องให้ความสนใจตรงนี้ด้วย ถ้ามันเสียหายขึ้นมาก็พ้นหน้าที่ของตนไปแล้ว เพราะตนได้ทำไว้แล้ว

เมื่อถามว่า ได้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของดีลลับการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมไม่รู้เรื่อง ไม่ฟังๆ  ไม่เปิดโซเชียล ไม่เปิด” เมื่อถามว่าไม่ได้ฟังไม่ได้ดูอะไรเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำว่า ไม่ฟังไม่ดู จะดูทำไมล่ะ งานผมเยอะแยะไป ไม่มีเวลาว่างที่จะไปทำอะไรเท่าไหร่หรอก ไม่ใช่ไม่มีงานนะ หลายคนบอกนายกฯ ไม่มีงาน วันนี้อยู่ที่ทำเนียบฯ ไปดูแฟ้มที่อยู่บนโต๊ะสิ ส่วนราชการก็ทำงานทุกหน่วย แฟ้มเอกสารมา 50-60 แฟ้มทุกวัน มาบอกตนไม่มีงานไม่มีราชการได้อย่างไร ไม่เข้าใจ ให้รู้ว่าการเป็นรัฐบาลเขาทำงานอะไรกันบ้าง ลงพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนติดตามความก้าวหน้า ขณะเดียวกันต้องรันงานเอกสารให้จบด้วย ไม่เช่นนั้นไปไม่ได้สักอัน กระทรวงทุกกระทรวงมีรายงานเสนอมาให้พิจารณาตั้งเยอะแยะ เว้นแต่เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการใหม่ทำไม่ได้ตามกติกาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะทำอะไรก็ต้องขอเขา โครงการที่จะเริ่มต้นใหม่ไม่ได้

เมื่อถามว่า ในส่วนของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เดินทางไปดูการแข่งขันฟุตบอลที่อังกฤษ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ทราบแต่เพียงว่าลาในตอนแรก ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน จริงๆ แล้วเขาไปเกี่ยวกับเรื่องการประชุมของสาธารณสุขด้วย ก็คงแวะไปพักผ่อนอะไรของท่านก็แล้วแต่ มีสิทธิ์อยู่แล้วลาพักผ่อนได้ เมื่อถามว่านายกฯ อยากให้สถานการณ์มันจบไปเร็วๆ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ถามประชาชนเอาแล้วกัน ถามตนตนบอกไม่ได้ และบอกแล้วว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล เรื่องการพูดคุยเป็นเรื่องของเขา

เมื่อถามว่า ที่พรรคก้าวไกลกับพรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันจัดตั้งคณะเตรียมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล หรือ Transition team กับหน่วยราชการทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มันไม่ควร ไม่สมควร ข้าราชการยังทำงานอยู่กับข้าราชการปัจจุบัน วันหน้าทางรัฐบาลก็เตรียมข้อมูลต่างๆ ส่งมอบด้วย ตนสั่งการไปหลายครั้ง และย้ำไปแล้วทุกกระทรวงต้องมีแผนงานโครงการที่ดำเนินการไปแล้ว หรือที่ยังค้างอยู่ให้กับรัฐบาลใหม่รับทราบ จะได้ไม่มีปัญหากัน

ถามว่า ตอนนี้นายกฯ รู้สึกเหมือนมีนายกฯ ซ้อนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกๆๆๆ เมื่อถามว่ามองอย่างไรก็การที่นายพิธาเดินสายเสมือนเป็นนายกฯ แล้วทั้งที่ยังไม่ได้รับการโหวตในสภา พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า “ไม่ได้มองครับ ผมไม่ได้มองและไม่ได้ไปสร้างความขัดแย้งกับใคร ผมบอกแล้วไงเข้าใจไหม กติกาประชาธิปไตยอย่างไรก็ว่ากันไป”

ดาหน้าปัดดีลลับตั้งรัฐบาล

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. มีภาพเดินทางไปรับชมฟุตบอลร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และนายอนุทินว่า จะไปรู้ได้อย่างไร ตนไม่ทราบ ต้องไปถามท่านเอง เมื่อถามว่าได้ให้กำลังใจในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ต้องว่ากันไปตามกติกา

ซักถึงดีลลับระหว่างพรรคการเมือง  พล.อ.ประวิตรรีบปฏิเสธตอบคำถามทันที พอถามว่าจะมีโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ จะจับมือกับพรรค  พปชร.เพื่อรวมคะแนนเสียงไปต่อรองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ให้ไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ดู

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในการตั้งรัฐบาลว่า ไม่มีความกังวล เรื่องการเมืองต้องปล่อยให้เป็นกลไกของประชาธิปไตย ใครจะเป็นรัฐบาลใหม่ตั้งอย่างอย่างไรอยู่ที่หลักของประชาธิปไตย ให้ว่ากันไป รัฐธรรมนูญกำหนดอยู่แล้วว่าใครรวมเสียงได้มากกว่าก็เป็นรัฐบาล แต่ส่วนตัวเลือกตั้งมาแล้วก็ยอมรับในกติกา ทำหน้าที่ในส่วนของกระทรวงแรงงานให้ดีที่สุด

ถามว่า อยากให้ พล.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรรวมเสียงกันเพื่อสู้หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า จะมองถึงมิตินั้นไม่ได้ ไม่ถึงขั้นนั้นพรรคอันดับ 1 อันดับ 2 ต้องคุยกันเอง เราอยู่พรรคอันดับ 4 อันดับ 5 จะไปคุยอะไร ต้องยอมรับในกติกาของสังคม

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับว่าที่ ส.ส.ของพรรคให้รอก่อน เพราะอาจจะได้จัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งนั้น นายสุชาติระบุว่า จริงๆ แล้วมีสิ่งที่สื่อมวลชนไม่ทราบ ทุกพรรคการเมืองเขาก็ต้องให้กำลังใจ ส.ส.ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็เป็นผู้แทนของประชาชน แต่ถ้าได้เป็นรัฐบาล การทำงาน การแก้ปัญหาอาจจะรวดเร็วและทันท่วงที เพราะผ่านรัฐบาลและ ครม.มีรัฐมนตรีอยู่ใน ครม. แต่หากเป็นฝ่ายค้าน ต้องไปหารือในรัฐสภา กว่าจะส่งไปแต่ละหน่วยงานก็ช้า เพราะต้องรอหารือในการประชุมพิจารณางบประมาณปีละครั้ง ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ทันท่วงที

ถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดให้ความหวังเช่นนี้ แสดงว่ามีช่องทางใช่หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ไม่ได้มองถึงตรงนั้น แต่เป็นการให้กำลังใจมากกว่า คงไม่เชิงให้ความหวัง เพราะผู้แทนใหม่ที่เข้ามาเป็น ส.ส.ใหม่หลายคนที่กำลังมีไฟ

ในส่วนของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณีพรรค ปชป.พร้อมร่วมมือกับพรรค พท.หรือไม่ว่า ต้องเป็นมติของพรรค ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งเท่านั้นหลังจากนี้

เมื่อถามอีกว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าพรรค ปชป.ไปพูดคุยกับพรรค พท.เพื่อจัดตั้งรัฐบาล นายเฉลิมชัยกล่าวว่า “ไม่ อย่าไปเชื่อข่าวลือ”

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกระแสข่าวดีลลับตั้งรัฐบาลที่เกาะลังกาวีว่า ตามที่เป็นข่าวคงจะเป็นดีลลับจริง เพราะขนาดหัวหน้าพรรคยังไม่รู้เรื่องเลย หลายต่อหลายครั้งในขณะนี้มีสูตรคณิตศาสตร์เกิดขึ้นมากมาย ทุกท่านก็จะมีโผอยู่ในมือ ท่านใดได้เท่าไหร่แล้วจะเกิดการบวกลบคูณหาร ใครได้เสียงข้างมากจะเป็นสูตรใหม่ที่เกิดขึ้นมา ดังนั้นคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดในขณะนี้คือ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

'รังสิมันต์'แนะ 3แนวทางแก้ปัญหาเมียนมา!

กมธ.ความมั่นคงเชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องถกสถานการณ์เมียนมา 'โรม' ชี้ปัญหาในเมียนมาก็เป็นปัญหาของไทย เหตุคนหนีอพยพข้ามแดน ลั่นไทยอยู่ในฐานะที่น่าไว้วางใจที่สุด ควรเป็นตัวกลางในการเจรจา