ม็อบเสื้อเหลืองหนุนส.ว. งดโหวตนายกฯล้มล้าง!

“เสื้อเหลือง” ทนไม่ไหวบุกรัฐสภาให้กำลังใจ ส.ว. หัวชนฝาต้านยกเลิก 112 “อกนิษฐ์” ล็อกสเปกนายกฯ ทำงานเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้าน ส.ว.ยกมือหรา ขอเป็นตัวกลางผ่าทางตัน สกัดวิกฤตม็อบชนม็อบ “เพนกวิน” ได้เฮ! ยกแก๊ง ศาลยกฟ้องรวดชุมนุมเยาวชนปลดแอกปี 63

เมื่อวันจันทร์ นายประยูร จิตรเพ็ชร ประธานคณะประชาชนคนรักในหลวง พร้อมผู้สนับสนุนได้สวมเสื้อสีเหลืองเดินทางรวมตัวเพื่อให้กำลังใจ และยื่นหนังสือขอให้ ส.ว.งดการลงมติให้พรรคการเมืองที่ล้มล้างสถาบันเบื้องสูง โดยนายประยูร และแกนนำบางส่วนเข้าพบกับ ส.ว.บนตึกวุฒิสภา ชั้น 2 โดยเป็นการพูดคุยแบบส่วนตัวเป็นเวลา 40 นาที ทั้งนี้ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ และนายศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล ส.ว.เป็นผู้รับหนังสือ

นายประยูรกล่าวว่า ขอให้กำลังใจ ส.ว.และขอเรียกร้องไม่ให้ลงมติให้พรรคการเมืองที่คิดล้มล้างสถาบัน ซึ่งการรวมตัวของมวลชนถือเป็นบางส่วนเท่านั้น ทั้งนี้ทราบว่ามีคนคิดจะล้มล้างสถาบัน หากเกิดขึ้นจริงกลุ่มประชาชนคนรักในหลวงจะออกมาชุมนุมเป็นหลักล้านคน

ด้าน พล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) บริหารราชการแผ่นดิน ส.ว.หลายคนที่ทำงานร่วมกันขอให้สัญญาว่า ส.ว.ทุกคนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีวุฒิภาวะดี จึงเชื่อว่าทุกคนจะทำงานเพื่อชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน ไม่ต้องกลัว ส.ว.มีวุฒิภาวะพอ

เมื่อถามถึงคุณสมบัติของบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯ พล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า ต้องเป็นคนมีความรู้ความสามารถ คนเก่ง คนดี และต้องคู่กัน ไม่ใช่ดีแล้วไม่เก่ง หรือ เก่งแล้วไม่ดี ต้องเป็นคนเก่งและคนดี เก่งด้วยดีด้วย และทำงานเพื่อประเทศชาติ ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีแรงกดดันให้ ส.ว.โหวตเลือกให้พรรคอันดับหนึ่งเป็นนายกฯ พล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า การที่บอกว่าเสียงอันดับหนึ่งเป็นนายกฯ หลายท่านเข้าใจผิด เสียงส่วนใหญ่กับเสียงส่วนน้อยเป็นอย่างไรเป็นขั้นตอนของการเลือกตั้ง แต่ตอนนี้ไม่มีเสียงส่วนใหญ่ ยังไม่รู้ว่าใครเป็นเสียงส่วนใหญ่ เป็นแค่การวางแผนกันเท่านั้น เมื่อมีเสียงส่วนใหญ่ก็ต้องมีเสียงส่วนน้อย ตนไม่ได้ฟังเสียงคนที่ได้รับเลือกตั้งมามากเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่

เมื่อถามต่อว่า มีตัวแทนของพรรคก้าวไกลมาพูดคุยส่วนตัวเพื่อให้โหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ หรือไม่ พล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า ไม่มี ส่วนตัวพร้อมรับฟังทุกพรรคเพราะมีเพื่อนอยู่ทุกพรรค ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง เป็นเพื่อนทุกพรรค ตนรู้จักแกนนำของทุกพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเนื้อหาในหนังสือของคณะประชาชนคนรักในหลวงที่ยื่นต่อ ส.ว.ตอนหนึ่งมีว่า คณะดังกล่าวขอรับการสนับสนุนการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 22-28 ก.ค.จากวุฒิสภา จำนวนเงิน 28.7 ล้านบาทด้วย

ขณะที่นายศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล ส.ว. กล่าวว่า ตนเชื่อว่าหากกลุ่มผู้สนับสนุนนายพิธาออกมาบนถนน จะมีมวลชนอีกกลุ่มออกมาเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะหากมีการพาดพิงถึงสถาบัน ดังนั้นจึงได้มีการหารือกันว่าควรจะมีใครสักคน หรือหน่วยงานใดที่จะเป็นตัวกลางให้มวลชนทั้งสองกลุ่มมาจับเข่าพูดคุยกัน โดยเบื้องต้นได้สอบถามกับตัวแทนกลุ่มประชาชนผู้รักในหลวงที่เดินทางมาให้กำลังใจพวกตนในวันนี้ ว่าพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังเหตุผลของอีกฝ่ายหรือไม่ ซึ่งพวกเขายืนยันว่าพร้อมที่จะพูดคุยได้ไม่มีปัญหา ดังนั้นเราจะส่งตัวแทนไปหารือกับอีกฝ่ายเช่นกัน ว่ายินดีที่จะวางอคติแล้วมาพูดคุยกันบนเหตุผล ข้อเท็จจริงหรือไม่

  ด้าน พล.อ.อกนิษฐ์ระบุว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา เราจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ซึ่งตนพร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการประสานทั้งสองฝ่ายให้มาพูดคุยกัน เพราะขณะนี้ยังไม่มีใครที่จะเป็นตัวกลางได้ รัฐบาลรักษาการเองก็ไม่สามารถทำได้เพราะไม่ได้รับการยอมรับจากมวลชนบางกลุ่ม อาจจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาได้มากกว่าเดิม

"เรายินดีที่จะเป็นตัวกลางให้สองฝ่ายมาคุยกัน เพื่อไม่ให้ประเทศติดหล่มกับวังวนเดิมๆ ไม่สิ้นสุด เพราะหากปล่อยให้สองฝ่ายมาเผชิญหน้ากัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการปะทะ ดังนั้นเราควรให้มาหารือกันก่อนที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี" พล.อ.อกนิษฐ์กล่าว

วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน กับพวก รวม 12 ราย ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, มาตรา 215 วรรคสาม, พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม

กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองในนามกลุ่มเยาวชนปลดแอก จัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 63 ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยใช้หัวข้อเรื่อง “ใครไม่ทนให้ไปกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”

โดยศาลยกฟ้องความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนด และฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงสามารถจัดกิจกรรมการชุมนุมได้ เพียงแต่ข้อกำหนดบังคับให้ผู้จัดการชุมนุมต้องมีมาตรการป้องกันโรคเท่านั้น และการขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงเป็นหน้าที่ของผู้จัดการชุมนุมเท่านั้น

พยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 12 เป็นผู้จัดการชุมนุม จึงไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนด และไม่มีความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนความผิดฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏชัดว่าจำเลยคนใดเป็นผู้กระแทกแผงเหล็กใส่ผู้เสียหาย จึงลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานนี้ไม่ได้

ในส่วนของจำเลยที่ 9 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังว่า ข้อความตามป้ายที่จำเลยที่ 9 ถ่ายภาพโพสต์ลงในเฟซบุ๊กยังไม่ถึงขนาดที่จะส่อเจตนาเพื่อก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร จำเลยที่ 9 จึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้จำเลยส่วนใหญ่เป็นแกนนำนักกิจกรรมทางการเมือง ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายภาณุพงศ์ จาดนอก, นายอานนท์ นำภา, น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์, นายกรกช แสงเย็นพันธ์, น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก, นายบารมี ชัยรัตน์, นายเดชาธร บำรุงเมือง, นายธานี สะสม, นายธนายุทธ ณ อยุธยา, นายทศพร สินสมบุญ และ น.ส.เนตรนภา อำนาจส่งเสริม นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โยนรบ.ปลดล็อกม.112 กมธ.นิรโทษฯชง3ข้อเสนอทะลุฟ้า/ก.ก.ย้ำสิทธิประกันตัว

"กลุ่มทะลุฟ้า" บุกทำเนียบฯ-รัฐสภา ร้องรัฐบาลตรวจสาเหตุ  "บุ้ง" เสียชีวิตให้โปร่งใส จี้คืนสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาคดีการเมือง