พิธายืดแจงปปช.หุ้นITV

เปิดเซฟ "พิธา" รวย 85  ล้าน จนลงกว่าปี 62 ถึง 52 ล้านบาท   ขณะที่หุ้นไอทีวียังตามหลอน ป.ป.ช.ขอเอกสารเพิ่มเหตุอ้างคำสั่งศาลเป็นผู้จัดการมรดกหุ้นให้ทายาท พร้อมขยับตรวจขายที่ดินปราณบุรี ขณะที่เรืองไกรกัดไม่ปล่อย ยื่น กกต.มือระวิง เจอพิรุธหนักปมแจ้งจดทะเบียนและวันรับโอนมรดก

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายราย โดยรายชื่อน่าสนใจคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 โดยนายพิธาแจ้งสถานะโสด หย่าเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.62 ทำให้นายพิธาแจ้งบัญชีทรัพย์สินในส่วนของผู้ยื่นส่วนเดียวเท่านั้น

โดยได้แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 85,023,720 บาท หนี้สิน 20,740,176 บาท แบ่งเป็นเงินสด 1,800,000 บาท เงินฝาก 286,045 บาท เงินลงทุน 1,346,698 บาท เงินให้กู้ยืม 15,000,000 บาท ที่ดิน 18,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 15,000,000 บาท ยานพาหนะ 2,140,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 19,413,985 บาท และทรัพย์สินอื่น 12,036,990 บาท 

สำหรับหนี้สิน 20,740,176 บาท แบ่งเป็นเงินฝากเกินบัญชี 807,414 บาท  หนี้สินอื่นๆ 19,932,762บาท จากการค้ำประกันกับธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 14 เม.ย.63 ในฐานะเป็นกรรมการบริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ปัจจุบันคือ บริษัท ออยฟอร์ไลฟ์ จำกัด ที่เป็นธุรกิจในครอบครัว โดยมีการระบุหมายเหตุว่า บริษัทดังกล่าวมีมูลหนี้ที่ต้องรับผิดชอบ 59,798,286 บาท ที่ต้องแบ่งกันรับผิดชอบมูลหนี้ร่วมกัน 3 คน คนละ 19,932,762 บาท 

ขณะที่รายการทรัพย์สินที่น่าสนใจคือ เงินลงทุนทั้งหมด 65 รายการ โดยแจ้งเพิ่มเติมว่า รายการที่ 63 และ 64 ซึ่งเป็นเงินลงทุนในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น มูลค่า 44,100 บาท และเงินลงทุนในบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) จำนวน 830 หุ้น มูลค่า 41 บาท ผู้ยื่นในฐานะผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้รับมอบหมายจากทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ตาย ให้รับโอนหลักทรัพย์หุ้นนี้ อันเป็นกองมรดกถือครองไว้แทนทายาทอื่น ขณะเดียวกัน แจ้งว่า ให้นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ น้องชาย กู้ยืม 15,000,000 ล้านบาท ในวันที่ 15 ธ.ค.63  นอกจากนี้ ยังได้แจ้งถือครองที่ดินในพื้นที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ 14 ไร่เศษ มูลค่า 18,000,000 บาท ห้องชุดในแขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ มูลค่า 15,000,000 บาท 

สำหรับรายการทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ หนังสือวิถีก้าวไกล, หนังสือความรักคือการตกหลุมรักหลายๆ ครั้ง, ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน, ด้วยรักจากอนาคต นอกจากนี้ ยังแจ้งว่ามีใบจองรถ Tesla มูลค่า 5,000 บาท และสมาชิกราชกรีฑาสโมสร 1,500,000 บาท ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ อาทิ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง, เสื้อ 28 รายการ,  สูท 16 รายการ, เนกไท 76 รายการ,  รองเท้า 21 รายการ, กล้อง 2 รายการ,  นาฬิกา 10 รายการ และพระเครื่อง 8 รายการ เป็นต้น   

นายพิธาแจ้งว่า มีรายได้ต่อปี แบ่งเป็นเงินเดือน 1,362,720 บาท นอกจากนี้ ยังแจ้งว่ามีรายได้จากการขายคอนโดฯ ในปี 2563 จำนวน 13,673,506 บาท, ขายรถยนต์ 2 คัน ในปี 2565 จำนวน 936,000 บาท และขายหนังสือ 431,712 บาท โดยมีรายจ่ายต่อปีเป็นค่าอุปโภค 2,400,000 บาท, ค่าเบี้ยประกัน 80,973 บาท, ค่าท่องเที่ยว 100,000 บาท และเงินบริจาค 5,793,000 บาท โดยมีค่าใช้จ่ายบุตร 561,985 บาท โดยแจ้งว่ารอบปีภาษีที่ผ่านมามีเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร 1,362,720 บาท 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเทียบกับบัญชีทรัพย์สินฯ ที่นายพิธายื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ต่อ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 25 พ.ค.62 แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 137,785,190 บาท พบว่า นายพิธามีทรัพย์สินลดลง 52,761,470บาท หลังผ่านไป 4 ปี โดยลดลงในส่วนของเงินฝากในธนาคาร จากที่เคยมี 2,760,859 บาท เหลือแค่ 286,045 บาท รวมถึงโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่ตอนปี 62 แจ้งว่ามีห้องชุดที่แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. มูลค่า 45.5 ล้านบาท ห้องชุดที่เขตวัฒนา กทม. มูลค่า 15 ล้านบาท และบ้าน 1 หลัง ที่เขตคลองเตย กทม. แต่ไม่ระบุมูลค่า แต่การแจ้งบัญชีทรัพย์สินครั้งนี้ เหลือเพียงแค่ห้องชุด เขตวัฒนา มูลค่า 15 ล้านบาทเท่านั้น 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนรายการเงินลงทุนของนายพิธา ที่มีข้อน่าสนใจเรื่องหุ้นไอทีวีนั้น ยังพบว่านายพิธายังคงแจ้งต่อ ป.ป.ช. ระบุถึงการถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น มูลค่า 44,100 บาทอยู่ โดยระบุว่า มีสถานะเป็นผู้จัดการมรดก ตามคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ 1860/2550 ได้รับมอบหมายจากทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ บิดา ให้โอนหลักทรัพย์หุ้นนี้อันเป็นกองมรดกถือครองไว้แทนทายาทอื่น อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า นายพิธายังไม่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ถึงการโอนหุ้นไอทีวีดังกล่าวให้กับทายาทเมื่อปลายเดือน พ.ค.66 ทั้งๆ ที่นายพิธาได้มีการขอขยายเวลายื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ไปจนวันที่ 18 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา 

ส่วนรายการเงินกู้ยืม 15 ล้านบาทนั้น ระบุว่าให้นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ น้องชายกู้ยืมเพื่อนำไปชำระหนี้ เมื่อวันที่ 15ธ.ค.63 กำหนดระยะเวลากู้ยืม 5 ปี คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ส่วนรายการที่ดิน 18 ล้านบาทนั้น ยังคงแจ้งการถือครองที่ดิน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 14 ไร่ มูลค่า 18 ล้านบาทต่อป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม นายพิธามีการแจ้งหลังโฉนดว่า ที่ดินดังกล่าวมีการโอนที่ดินจากในฐานะผู้จัดการมรดกมาเป็นของตัวเอง เมื่อวันที่ 10 ม.ค.60 และต่อมาวันที่ 27 มี.ค.66 นายพิธาได้ขายที่ดินดังกล่าวให้นายดนัย ศุภการ ในราคา  6.5 ล้านบาท

ด้านนายวัฒนชัย ส้มมี ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายพิธา กรณีการถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ว่า ป.ป.ช.มีเอกสารที่นายพิธาได้ยื่นประกอบเพิ่มเติม หากสื่อมวลชนหรือประชาชนต้องการตรวจสอบ สามารถทำหนังสือยื่นความประสงค์เข้ามาได้ 

นายวัฒนชัยกล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายพิธาระบุว่าเป็นผู้จัดการมรดกหุ้น itv นั้น เท่าที่เห็นเป็นคำสั่งศาล โดยระบุว่าเป็นเอกสารในฐานะผู้จัดการมรดก ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ขอเอกสารเกี่ยวกับประเด็นนายพิธาอ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว เพราะ ป.ป.ช.อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมว่ามีอะไรบ้าง เพราะนายพิธาได้ยื่นเพียงคำสั่งศาลเท่านั้น รวมถึงรายการทรัพย์สินที่นายพิธาได้ยื่นต่อศาลไว้ด้วย โดยนายพิธาได้ขอขยายเวลายื่น 30 วัน จะครบกำหนดในวันที่ 23 ก.ค.นี้ หากได้รับเอกสารดังกล่าวแล้วจะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนกรณีการขายที่ดิน 14 ไร่ใน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์นั้น มีการสลักหลังว่าได้ทำการขาย แต่ไม่ได้มีการระบุวงเงินซื้อขายนั้น ป.ป.ช.ขอเวลาตรวจสอบเพิ่มเติม

วันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งคำร้องทางไปรษณีย์ไปยังสำนักงาน​คณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.)​ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลการขายที่ดินที่ปราณบุรีของนายพิธา ระบุว่า ประเภทการจดทะเบียนคือผู้จัดการมรดก ตามคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ 1860/2550 ลว. 16 มี.ค.2550 ผู้ให้สัญญาคือ นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ (ตาย) ผู้รับสัญญาคือนายพิธา ผู้จัดการมรดก นายพงษ์ศักดิ์ แต่ทำไมในหลังโฉนดที่ดิน รายการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2560 ลำดับต่อมา ระบุว่า ประเภทการจดทะเบียนคือ โอนมรดก ผู้ให้สัญญาคือนายพิธา (ผู้จัดการมรดก นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์) ผู้รับสัญญา คือนายพิธา นอกจากนี้ทำไมบันทึกถ้อยคำการชำระภาษีอากร เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 66 ระบุในข้อ 1 ว่า ข้าพเจ้าผู้โอนได้อสังหาริมทรัพย์นี้ มาโดย (1) การรับโอนมรดกเมื่อวันที่ 18 ก.ย.2549 แต่ในหนังสือสัญญาขายที่ดิน เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 ข้อ 4 กลับระบุว่า ผู้ขายได้ที่ดินมาโดย การรับโอนมรดก เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2549 ไม่ค้างชำระภาษีบำรุงท้องที่

"จากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวนี้ของนายพิธา ทำให้สงสัยว่าทำไมจึงแตกต่างจากข้อเท็จจริงการเป็นผู้ถือหุ้นไอทีวี ตามแบบ บมจ.006 ตามรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ตั้งแต่ปี 2551-2566 ที่มีการระบุชื่อผู้ถือหุ้นคือนายพิธา โดยไม่มีการระบุวงเล็บท้ายชื่อว่า (ผู้จัดการมรดก นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์) ตามที่สื่อมวลชนมีการเผยแพร่เอกสาร และต่อมาวันที่ 25 พ.ค.2566 นายพิธาได้โอนหุ้นออกไปแล้ว" นายเรืองไกรระบุ

 นายเรืองไกรตั้งข้อสังเกตว่า การที่นายพิธาระบุในบันทึกถ้อยคำการชำระภาษีอากร เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2566 ว่า ตัวนายพิธาผู้โอนได้อสังหาริมทรัพย์นี้มาโดยการรับโอนมรดกเมื่อวันที่ 18 ก.ย.2549 และการระบุในหนังสือสัญญาขายที่ดิน เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2566 ข้อ 4 ว่าผู้ขายได้ที่ดินมาโดยการรับโอนมรดก เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2549 นั้นถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากเป็นวันที่ 18 ก.ย.2549 เป็นวันที่นายพงษ์ศักดิ์  ตาย และเป็นวันก่อนที่ศาลแพ่งจะมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2550 อีกทั้งในวันที่ 18 ก.ย.2549 นายพิธาไม่ได้อยู่ในประเทศไทย รายการจดทะเบียนที่ดินดังกล่าวจึงแตกต่างจากทะเบียนผู้ถือหุ้น บมจ.006 หรือไม่อย่างไร และเชื่อว่าข้อมูลต่างๆ เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อ กกต.ในการพิจารณายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะ ส.ส.ของนายพิธาต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง