องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ พิพากษายืนคุกอีก 12 เดือน ไม่รอลงอาญา “นริศร ทองธิราช” อดีต สส.เพื่อไทยเสียบบัตรแทนกัน ระบุชัดข้ออุทธรณ์ฟ้องเคลือบคลุมไม่ใช่สาระสำคัญเท่าหลักฐานและการกระทำจริง
เมื่อวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลได้อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.11/2566 ที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นฟ้องนายนริศร ทองธิราช อดีต สส.สกลนคร เขต 3 พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นจำเลย โดยคดีฟ้องว่า นายนริศรดำรงตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2566 ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ..... โดยในการพิจารณามาตรา 6 และมาตรา 20 นายนริศรใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง และ สส.รายอื่นหลายใบอันเกินกว่าจำนวนบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่นายนริศร และ สส.หรือสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งจะพึงมีและใช้ได้เพียงคนละ 1 ใบ คนละ 1 เสียง มาใช้แสดงตนและออกเสียงลงคะแนน โดยเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวหมุนเวียนใส่เข้าไปในเครื่องออกเสียงลงคะแนนและกดปุ่มเพื่อแสดงตน แล้วลงมติคราวละหลายใบในการออกเสียงลงคะแนนในคราวเดียวกัน เป็นการใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนเกินกว่า 1 เสียง ในการลงคะแนนมติในแต่ละครั้ง
ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 15-18/2556 ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172, 192 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และนับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อม.36/2562 ของศาลฎีกาฯ โดยนายนริศรให้การรับสารภาพศาลฎีกาฯ ว่ามีความผิด โดยการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 1 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน นับโทษจำคุกต่อในคดี อม.22/2565 ของศาลนี้จำเลยอุทธรณ์เมื่อวันที่ 2 ก.พ.66
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมากเห็นว่า ที่อุทธรณ์ว่าโจทก์บรรยายฟ้องในสาระสำคัญอ้างเลขคดีและชื่อคู่ความของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ถูกต้อง ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมนั้น ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยย่อมยกขึ้นอ้างได้ แต่แม้บรรยายฟ้องอ้างเลขคดีและชื่อคู่ความของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคลาดเคลื่อนก็เป็นเพียงรายละเอียด ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญ อีกทั้งในวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรก จำเลยแต่งตั้งทนายความเข้ามา ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังต่อหน้าจำเลยและทนายจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ จากนั้นก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ โดยมีรายละเอียดชัดเจนอันเป็นการแสดงให้เห็นว่า จำเลยเข้าใจข้อหาและพฤติการณ์การกระทำความผิดที่โจทก์ฟ้องแล้ว ทั้งฟ้องโจทก์ยังบรรยายถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นๆ ตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 8 วรรคสาม และมาตรา 26 ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการกำหนดโทษหรือลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยต้องคำพิพากษาจำคุก 16 เดือน ในคดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.10/2566 ของศาลนี้ และคดีถึงที่สุดแล้ว กรณีจึงไม่อาจรอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ได้ และศาลฎีกาฯ ลงโทษจำคุกจำเลยในอัตราขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด จึงพิพากษายืน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทหารไทยเสียขาที่9คา‘จีบีซี’
ไทยยัน จม.ของ “เตีย เซ็ยฮา” มีนัยขอเจรจาหยุดยิง-เสนอให้ถอยกำลังทหารไปอยู่ที่จุดเดิม
‘นํ้าเงิน-ส้ม’เปิดศึก! ‘หนู’ลั่นพรรคใดแก้ม.112ไม่ร่วมด้วย-‘เท้ง’ท้าแข่งกันจัดตั้งรัฐบาล
“ภูมิใจไทย” ขยับใหม่ ประกาศแคนดิเดตนายกฯ 2 คน “อนุทิน-สีหศักดิ์” ผวา! ส่งชื่อคนเดียวสุ่มเสี่ยง ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้
กรมศิลป์รับมอบไม้จันทน์หอมสร้างพระโกศฯ
กรมสมเด็จพระเทพฯ มีพระราชวินิจฉัยแบบพระโกศจันทน์ยอดมหามงกุฎสมพระเกียรติ "พระพันปีหลวง"
กกต.กทม.คุมเข้ม รับสมัครสส.เขต ที่ศูนย์ไทย-ญี่ปุ่น
กกต.กทม.พร้อม 90% เปิดศูนย์ไทย-ญี่ปุ่น รับสมัคร สส.กทม. 33 เขต 27-31 ธ.ค.
จัดเก็บรายได้วืด2.8หมื่นล. คลังลุยกู้ชดเชยการขาดดุล
คลังจัดเก็บรายได้ 2 เดือนแรกของปีงบ 69 ไม่เข้าเป้า วืด 2.8 หมื่นล้านบาท
21ม.ค.ชี้ชะตา ‘ภูมิธรรม-ทวี’ สว.เคาะ2ปปช.
ศาลรัฐธรรมนูญนัดยื่นคำแถลงปิดคดี 6 ม.ค. ก่อนแถลงคำวินิจฉัย 21 ม.ค.

