‘พิธา’รอศาลนั่งผู้นำค้าน ศึกชิงกมธ.เหลือ‘ปปช.’

ก้าวไกลยันปัญหาแย่งเค้ก   กมธ.ตอนนี้เหลือแค่ชุด ป.ป.ช.ชุดเดียว   ส่วนเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านนั้นรอศาลรัฐธรรมชี้คุณสมบัติ “พิธา” รวมทั้งลุ้นหัวหน้าพรรค ปชป.เป็น สส.หรือไม่ “สว.”   วางเกณฑ์ชำแหละนโยบายรัฐ ให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านจัดการ แย้มเห็นด้วยหากเข็นกฎหมายนิรโทษกรรม 

เมื่อวันอังคารที่ 5 ก.ย.2566 นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาเก้าอี้ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ที่ยังจัดสรรไม่ลงตัวใน 2 เก้าอี้สำคัญ คือ กมธ.การศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ และ กมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.)  ว่า ยังมีปัญหาที่ กมธ.ป.ป.ช. ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา ขออย่าเพิ่งลงรายละเอียด

เมื่อถามถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน หลังจากนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ระบุว่ายังไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัติเลยนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า เบื้องต้นเป็นไปตามนั้น ซึ่งเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ได้หารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ  นอกรอบ ก็เห็นตรงกันว่าหากดูตามรัฐธรรมนูญ จะไม่มีการไหลไปพรรคลำดับรอง เพราะกลายเป็นไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้นำฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ก.ก.ใช่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ส่วนของพรรค ก.ก.จะรอก่อน ส่วนตำแหน่งจะไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หรือไม่นั้น หากพรรค ปชป.มีหัวหน้าพรรคเป็น สส.ก็มีคุณสมบัติ แต่หากหัวหน้าพรรคไม่ได้เป็น สส.ก็จะไม่ไหลไปพรรคอันดับรอง เพราะถือว่าเป็นคุณสมบัติของผู้นำฝ่ายค้าน

ถามต่อว่า แสดงว่าพรรค ก.ก.รอพรรค ปชป.ใช่หรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า จริงๆ หลักๆ ของพรรค ก.ก.คือรอศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระบวนการของศาลอาจไม่นานมาก ประมาณ 2-3 เดือน และอาจเร็วกว่าเดือน ม.ค.

ขณะที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. และรองเลขาธิการพรรค ก.ก.กล่าวถึงการแบ่งสัดส่วน กมธ. ว่าไม่มีจอง กมธ.ใดทั้งนั้น แล้วแต่พรรคพิจารณา

เมื่อถามว่า วันนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ถือเป็นการทำงานครั้งแรก มีอะไรอยากฝากหรือไม่ นายณัฐชากล่าวว่า อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ไม่เหมือนชุดเดิม ถึงแม้หน้าตาจะคล้ายกัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้บรรยากาศการบริหารราชการแผ่นดินบ้าง

                    เมื่อถามว่า เล็งอภิปรายใครไว้แล้ว นายณัฐชากล่าวว่า ยังไม่ได้เล็ง เพราะยังไม่เห็นผลการทำงาน ส่วนจะติดตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ด้านไหนบ้างนั้น ก็ต้องเป็นนโยบายปฏิรูปกองทัพ เนื่องจากดูท่าทางแล้วไม่เหมือนที่คุยไว้ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง เพราะก่อนการเลือกตั้งเรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหารก็ดี เรื่องปฏิรูปกองทัพในด้านต่างๆ ก็ดี ชัดเจนกว่านี้

ถามถึงกรณีนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ระบุว่าเรื่องซื้องบเรือดำน้ำจบสวย นายณัฐชากล่าวทันทีว่า จบสวยแต่เป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

วันเดียวกัน ที่พรรค ก.ก. นายพิธาเดินทางเข้าร่วมประชุม สส.พรรคประจำสัปดาห์ โดยสวมใส่เสื้อลายดอกไม้ ใบไม้สีส้มเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เนื่องจากวันนี้ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง โดยเมื่อมาถึงกลุ่มแฟนคลับได้วิ่งกรูเข้าไปหาเพื่ออวยพรวันเกิด ซึ่งบางคนตะโกนว่า “แฮปปี้เบิร์ธเดย์  สุขภาพแข็งแรง” “น่ารักมาก” โดยนายพิธาได้กล่าวขอบคุณทุกคน และขอขึ้นไปประชุมก่อน และจะลงมาพบกับทุกคนอีกครั้ง

เมื่อสอบถามว่าอายุเท่าไหร่ นายพิธาได้ทำมือเป็นเลข 4 และ 3

เมื่อถามอีกว่า น้องพิพิมลูกสาวได้ให้ของขวัญอะไรบ้าง นายพิธากล่าวว่า หอมแก้มให้เป็นของขวัญเมื่อเช้านี้ ก่อนเดินขึ้นไปประชุมทันที

ทั้งนี้ กลุ่มแฟนคลับของนายพิธาจะมารวมตัวหน้าที่ทำการพรรคและอวยพรวันเกิด แต่เจ้าหน้าที่พรรคได้เน้นย้ำว่า  ห้ามร้องเพลง เนื่องจากกังวลว่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะอยู่ระหว่างเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง 

ขณะที่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ประชุม กมธ.หารือถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 ก.ย. โดย กมธ.ได้วางแนวทางเบื้องต้นให้ผู้สนใจหรือเชี่ยวชาญในแต่ละเรื่องช่วยกันเสนอแนะทิศทางหรือการทำงานของรัฐบาล ซึ่งจะมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับนโยบายที่หาเสียงไว้ และนโยบายที่ต้องดำเนินการที่เป็นหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงในส่วนของเศรษฐกิจ อย่างนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะมีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ สว. ซึ่งเป็นอดีตปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการ

นายเสรีกล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายที่เกี่ยวการเมือง จะมีข้อห่วงใยเกี่ยวกับเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะการบริหารรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองหลายพรรค ซึ่งมีนโยบายเป็นของตัวเอง ซึ่ง สว.คงเสนอแนวทางให้รัฐบาลสามารถบริหารงานด้วยความราบรื่น โดยนายกฯ ต้องวางแนวทางในการบริหารประเทศ ดูนโยบายรัฐบาลเป็นหลัก และต้องนำความรู้ความสามารถเดิมที่บริหารองค์กรภาคเอกชนมาเท่าที่จะทำได้

เมื่อถามว่า อยากฝากการบ้านอะไรไปถึงรัฐบาลชุดใหม่บ้าง นายเสรีกล่าวว่า สิ่งที่ระมัดระวังคือการบริหารประเทศ ต้องระมัดระวังตัวเอง เพราะในการทำงาน ถ้ามัวแต่ระวังคนอื่นแล้วไม่ระวังตัวเอง ก็อาจใช้อำนาจในแนวทางที่มากเกินไป หรือใช้อำนาจไปแนวทางผลประโยชน์ ดังนั้น รัฐบาลต้องเตือนตัวเองและระมัดระวังตัวเอง การทำงานต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจ

เมื่อถามถึงนโยบายของรัฐบาลที่มียุทธศาสตร์ชาติกำกับการทำงาน นายเสรีกล่าวว่า ยุทธศาสตร์ชาติเป็นหลักการบริหารประเทศอยู่แล้ว และเป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้กำหนดที่จะไม่ให้ใช้อำนาจในการบริหารประเทศที่มากเกินไป ซึ่งจะมีเรื่องของการกำหนดทิศทาง เป็นยุทธศาสตร์มีกระบวนการตรวจสอบที่อาจจะเข้มข้น แนวทางเหล่านี้รัฐบาลก็ต้องให้ความสำคัญด้วย เพราะยังอยู่ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน

 ถามถึงกรอบเวลาที่เหมาะสมในการอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาล นายเสรีกล่าวว่า อยู่ที่สมาชิกว่าจะสนใจที่จะอภิปรายกี่คน และมีเรื่องอะไรบ้าง ถ้าคนอภิปรายน้อยวันเดียวก็พอได้ แต่ถ้ามีคนอภิปรายจำนวนมาก คิดว่า 2 วันน่าจะเพียงพอ

 เมื่อถามถึงนโยบายปรองดองที่มีผู้เสนอให้ออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมนักโทษคดีการเมือง นายเสรีกล่าวว่า หากเห็นพ้องต้องกัน ไม่ขัดข้องต่อกัน ขอให้ดำเนินการไป อย่างไรก็ดี ในประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น หากจะทำให้เลิกขัดแย้งและบ้านเมืองสงบจริง คนที่กระทำผิดต้องยอมรับผิดในความผิดของตนเอง รวมถึงต้องระบุว่าไม่กลับไปทำผิดในคดีซ้ำอีก หากทำได้ จะทำให้เกิดความปรองดองและความสงบในบ้านเมือง

“เรื่องความปรองดองในรัฐบาลนั้น   ผมมองว่าจากการรวมกันตั้งรัฐบาลและจัด ครม.ใหม่ นับว่าเป็นความปรองดองที่เกิดขึ้นได้แล้ว” นายเสรีกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง