บิ๊กต่อ:ไม่เคยยิงใครข้างหลัง ‘โจ๊ก’กลับทำงานแต่ปิดปาก!

"บิ๊กต่อ” ของดแสดงความยินดีได้เป็น “ผบ.ตร.” เนื่องจากเวลาไม่ถึงปี ขอมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน มอบงาน “รอง ผบ.ตร.” ให้อาวุโสสูงสุดเลือกก่อน อยากทำ สตช.ให้เป็นบ้าน ยันไม่มีความขัดแย้งในองค์กรเป็นเพียงการมโน ไม่เคยยิงใครข้างหลัง ทุกอย่างต้องแก้ที่ต้นเหตุ "โจ๊ก" กลับเข้าทำงานปกติ หลังลาราชการเดินสายทำบุญ ปิดปากไม่ให้สัมภาษณ์

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันที่ 2 ตุลาคม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีสารเนื้อความระบุว่า "ผมขอขอบคุณในความปรารถนาดีและไมตรีจิตของทุกท่านที่ร่วมแสดงความยินดี ในโอกาสที่ผมได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. เนื่องจากระยะเวลาการทำงานของผมเหลืออีกเพียงไม่ถึง 1 ปี ผมจึงขอน้อมรับความปรารถนาดีของทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้ โดยขอให้งดการเดินทางมาแสดงความยินดี ขอให้ข้าราชการตำรวจพี่น้องทุกนายได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน"

"ทั้งนี้ผมจะได้เดินทางไปเยี่ยมหน่วยต่างๆ และหาโอกาสพบปะพูดคุยกับหน่วยงานภายในภายนอก รวมทั้งภาคเอกชนเพื่อแสวงหาความร่วมมือในการมุ่งมั่นทำงานให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป"

โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้เปิดใจครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่ง “ผบ.ตร.” คนที่ 14 ในรายการเจาะลึกทั่วไทย  ช่วงหนึ่งว่า โจทย์แรกจัดวางรอง ผบ.ตร. ควบคุมหน้างานต่างๆ และการแต่งตั้งโยกย้ายให้เป็นระบบคุณธรรม เป็นโจทย์แรกที่เราต้องเร่งทำก่อน อยากทำสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นบ้าน เพราะเคยบอกกับน้องๆ คำว่าโฮมกับเฮาส์ สองอย่างมันต่างกัน เวลากลับบ้าน ถ้าเป็นคำว่าโกแบ็กเฮาส์ เฮาส์ทำจากอิฐหินปูน เขาเรียกว่าบ้านเหมือนกัน แต่โกแบ็กโฮม เรากลับบ้านเพราะมีความรักความเข้าใจ อยากสร้าง ตร.ให้เป็นโฮม ทุกคนต้องช่วยกัน ตนคนเดียวทำไม่ได้ ทุกคนต้องช่วยกัน โดยตนจะใช้คำแทนตัวว่า “พี่" ผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “น้อง” โดยต้องเริ่มที่ผู้บังคับบัญชาเป็นตัวอย่างที่ดีนำพาองค์กรไปให้ได้

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวถึงการจัดวางหน้างานในระดับ รอง ผบ.ตร. ที่สังคมสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ โดยเฉพาะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล, พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ยังคงเป็นรอง ผบ.ตร.อยู่ว่า กำลังทำอยู่ให้คอยดู จะได้รู้ว่าไม่มีเหตุอะไรที่จะมากระทบอะไรกันเลย เป็นความเข้าใจความมโนของคน ตอนนี้กำลังจัดเพราะว่ามันจะมีผลถ้าเราไม่เอาผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นมา จะมีปัญหาบอร์ดไม่ครบที่จะพิจารณาระดับ ผบช. จะทำ ผบช.ให้เสร็จก่อนเพื่อให้ไปเลือกผู้การระดับ บช.ขึ้นมา ทุกอย่างมีบอร์ดหมด  บอร์ดใหญ่จะมี ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านเป็นที่ปรึกษา ป้องกันการร้องเรียน ตอนนี้เราวางไว้หมดแล้ว

"ส่วนเรื่องการแบ่งงาน รอง ผบ.ตร.ต้องให้คนที่มีอาวุโสเลือกก่อนเลย โดยให้ พล.ต.อ.รอย อาวุโสอันดับ 1 เลือกก่อน ต่อด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทุกคนมีการพูดคุยกัน จริงๆ ไม่อยากให้ภาพมันออกไป พี่น้องคุยกันหมด ไม่ใช่ว่าต้องเอาภาพออกไปทั้งหมด ทุกคนคุยกันทำงานเพื่อ สตช. ผมมีเวลาปีเดียวหายไป 2 วันแล้ว เหลือเพียง 363 วัน พี่น้องประชาชนรอไม่ได้ ตำรวจจะมาทะเลาะกันประชาชนเขาไม่รอ ตำรวจมดงานก็รอความหวังจาก ผบ.ตร. ทุกคนคาดหวังหมด ผมต้องเร่งทำไม่ได้หยุด ขอให้เราได้ทำงานก่อน จะบอกดีไม่ดีขอเวลานิดหนึ่ง เช่นเดียวกันกับผู้ช่วย  ผบ.ตร.ที่อาวุโสสูงสุดจะเอาขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ เดี๋ยวจะออกคำสั่งให้มาปฏิบัติกำหนดหน้างานให้เลย"

ผู้ดำเนินรายการถามถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะยังดำเนินการต่อหรือไม่ ผบ.ตร.ระบุว่ายังต้องทำอยู่ ต้องเข้าใจว่าการที่จะมาออกข่าวอย่างโน้นอย่างนี้ ทำให้คนมโนองค์กรเสียหาย คดีเป็นไปตามพยานหลักฐาน พลิกแพลงไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย การแถลงข่าวตอบโต้มันไม่ใช่ แล้วคนก็ไปมโนต่างๆ นานา พยานหลักฐานคือสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนกรณีหน่วยคอมมานโดเข้าตรวจค้นบ้านพัก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นชุด  PCT เป็นแม่งานอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เป็นเรื่องของ ตร. วันนั้นตนเข้าเวรราชองครักษ์อยู่ ไม่ได้รู้เรื่องเลย รองฯ สุรเชษฐ์ก็โทร.มา ตนยังงงอยู่ว่าเรื่องอะไร ก็คุยกัน ไม่รู้จริง ก็เช็กให้ เราคุยกันหมด เราอยู่กันแบบพี่น้อง 

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ยังกล่าวถึงภาพถ่ายคู่กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ว่า ตนได้เรียกมาคุยว่ามันเรื่องอะไร และรับนโยบายจากนายกฯ มาด้วย อยากเห็น สตช.ไม่ใช่ภาพผู้บังคับบัญชาทะเลาะกัน แล้วเด็กจะมีกำลังใจอย่างไร เราไม่ได้ทะเลาะกันแต่คนมอง มีคนไม่หวังดีเสี้ยมหรือเปล่า เชื่อว่าทุกอย่างจบลงด้วยการพูดคุย มันเป็นจังหวะที่คดีต่างๆ มาพรั่งพรูกันในช่วงนี้ คนจับโน้นโยงนี้ ภาพคู่แบบนี้มันสร้างกันไม่ได้ ถ้าคนทะเลาะกันเรียกมาตนก็ไม่ไป นายกฯ ไม่ได้สั่งให้ไปดีกัน

ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงการพูดคุยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ว่า ในชีวิตตนเคยบอกโจ๊กไว้เสมอว่า “ถ้าขาดจากพี่ไปแล้ว เอ็งหาคนที่จริงใจกับเอ็งแบบพี่ไม่ได้” ตนเป็นคนจริงใจ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม กระสุนไม่เคยยิงใครข้างหลัง ถ้าเอาก็เอากันซึ่งหน้า ทุกอย่างมันต้องแก้ที่ต้นเหตุ เวลามีอะไรเข้ามาในชีวิตต้องมีสติ ที่ตนไปปฏิบัติธรรมทำให้ครองสติได้ แก้ปัญหาด้วยปัญญา แต่ถ้าขาดสติจะแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ ที่มีปัญหาอยู่ทุกวันนี้เพราะแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ ปัญหายิ่งเพิ่มพูน ตนโดนอะไรมาเยอะ แต่ตนนิ่ง เวลาไม่มีปาก  ให้เวลาเป็นตัวเล่าดีกว่า

วันเดียวกัน เวลา 13.15 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เดินทางกลับเข้าทำงานที่ ตร.แล้ว หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ลาราชการ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 27-29 ก.ย.เพื่อเดินสายทำบุญ โดยที่ผ่านมาไม่มีการให้สัมภาษณ์ถึงกรณีต่างๆ  รวมถึงความคืบหน้าทางคดีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 8 นายถูกดำเนินคดี ในฐานเกี่ยวพันกับคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ที่เมื่อสื่อขอสัมภาษณ์จะไม่เคยปฏิเสธ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องหน้าที่ของรอง ผบ.ตร. ทิศทางของคดีและความรู้สึกในวันนี้ ซึ่งเจ้าตัวตอบคำถามเพียงว่า “รอ ผบ.ตร.มอบหมายงานอยู่ วันนี้ไม่ได้เข้ามาประชุมอะไรพิเศษ ไม่ได้เครียดและไม่ได้กดดัน ส่วนเรื่องบิ๊กเซอร์ไพรส์วันที่ 5 ตุลาคมนี้ ไม่รู้เรื่อง” ก่อนจะขึ้นรถออกไปทันที.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง